[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 59 ไฟล์ 7 : โดนแมวนินจาทำร้าย [5.2]
อาคาริพูดถูกแล้ว ฉันไม่คิดว่ามันจะเรียกเป็นอย่างอื่นได้เลยนะนอกจากแมวนินจา
ลูกค้าคนอื่นกับพนักงานในร้านต้องสังเกตเห็นแล้วสิ แล้วมันต้องเกิดเหตุวุ่นวายแน่ๆ…
หรือไม่ นั่นมันก็แค่เรื่องที่ฉันคิดไปเอง
คนทุกคนหายไปหมดจากคาเฟ่ที่วุ่นวายนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ บนโต๊ะตัวอื่นมีกาแฟที่ยังมีไอร้อนโชยออกมาวางอยู่ แก้วพลาสติกที่มีหยดน้ำควบแน่นเกาะอยู่รอบนอก ครัวซองต์ช็อกโกแลตที่กินไปแล้วครึ่งนึงกับเฟรนช์โทสต์วางทิ้งเอาไว้ ราวกับว่าทุกคนเพิ่งจะลุกขึ้นออกไปจากร้านกันเมื่อกี้นี้เอง
*เมี้ยววววว!*
เสียงร้องระงมมากมายที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำให้ฉันตกใจไปเลย พอหันออกไปมองนอกหน้าต่าง มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากแมว บนถนน บนทางเท้า มีแต่แมว แมว แมว แล้วก็แมว
ฝั่งตรงข้ามนอกจากแมวแล้ว ก็เห็นมีรถคันนึงคำชนเสาไฟฟ้าหยุดนิ่งอยู่ ถึงจะไม่ได้ยินเสียงตอนมันชนเลยก็เถอะ สิ่งที่พุ่งออกมาจากกระจกหน้ารถออกมานอนแผ่อยู่บนกระโปรงหน้านั่น เห็นชัดๆ เลยว่าไม่ใช่มนุษย์แน่นอน แต่สิ่งมีชีวิตนั่น มีตัวสีดำลื่นเป็นมัมเงากับครีบสั้นๆ แบบนั้น ดูเหมือนปลาทะเลน้ำลึกเลย พวกแมวที่เกาะกันอยู่บนหลังคารถก็พากันจ้องลงไปดูที่ปลาตัวนั่นขณะที่มันจะดิ้นไปมาอย่างสงสัย
“นี่โลกของคุณลุงนี่!”
โทริโกะตะโกนลั่นเลย
นี่คือพื้นที่คั่นกลางระหว่างโลกเบื้องหน้ากับโลกเบื้องหลังที่มีคุณลุงในห้วงมิติปรากฏตัวขึ้นมา มันยังคงสถาพหน้าตาเหมือนกับโลกเบื้องหน้าอยู่ เพียงแต่ว่าจะมีสิ่งกวนใจบางอย่างกระจายอยู่ทั่วไปหมด แล้วก็อาจจะไม่ได้อันตรายน้อยไปกว่าโลกเบื้องหลังตอนกลางวันเลยก็ได้ เป็นที่ที่พวกเราถูกส่งตัวมากันโดยไม่มีอะไรเตือนล่วงหน้าเลยซักอย่าง
“ระวังตัวกันไว้นะคะ! พวกมันมาแล้ว!”
อาคาริรีบลุกขึ้นพร้อมกับส่งเสียงตะโกน ทันใดนั้น แมวนินจาทั้งสองก็โดดลงมาที่พื้น วิ่งตรงเข้ามาหาพวกเรา
ก่อนที่ฉันจะทันได้ตอบสนองอะไร ก็มีอะไรซักอย่างมาบังการมองเห็นของฉัน เป็นกระดานสี่เหลี่ยมสีครีม―ถาดพลาสติกที่ใช้ยกเครื่องดื่มของพวกเรามานี่นา
ในตอนที่ฉันรู้สึกตัวอีกที มันก็มีของแหลมๆ บางอย่างฉีกทะลุถาดนั่นมาหยุดอยู่ที่ปลายจมูกฉันเลย
“อุหวา!?”
ฉันเด้งตัวจากเก้าอี้อย่างตระหนกพร้อมๆ กับที่ถาดตกลงกับพื้น มีดปาแอฟริกันนั่นฝังเข้าไปในถาดอย่างแน่นเลย
“เป็นอะไรมั้ยคะ รุ่นพี่?”
ฉันพยักหน้าตอบโดยที่ยังพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าคนที่เพิ่งช่วยฉันไว้จะเป็นอาคาริสินะ
โทริโกะยืนอยู่หน้าฉัน ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าโท้ท แมวนินจา 2 ตัวนั้นต้องรู้สึกได้แน่ว่าเธอกำลังจะชักปืนออกมาใส่พวกมัน เพราะพวกมันโดดถอยกันไปทั้งคู่เลย
“ท- โทริโกะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”
ฉันรีบเอามือคว้าไหล่ของโทริโกะเอาไว้
“เอ๊ะ? อะไรเหรอ?”
“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ…!”
ฉันพูดด้วยเสียงที่กดจนเบา โทริโกะกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะดูเหมือนว่าเธอจะตามทันแล้ว ตามปกติ เราก็คงชักปืนออกมาทันทีแล้วล่ะ แต่วันนี้ เรามีอาคาริมาด้วย
“งั้น เอาไงดีล่ะทีนี้?”
“เออ… ไม่รู้เลย! ตอนนี้หนีก่อนแล้วกัน!”
พวกแมวนินจาอยู่ระหว่างพวกเรากับประตูทางออกของคาเฟ่ พอฉันมองลึกเข้าไปในร้าน นอกจากส่วนห้องน้ำ ก็จะมีประตูอีกบ้านที่เหมือนจะเอาไว้สำหรับพนักงานเท่านั้น ถ้าเข้าไปในนั้น เราก็อาจจะออกไปข้างนอกทางหน้าตาหรือประตูหลังร้านได้อยู่นะ
“ทางนี้! ตามมา!”
ฉันวิ่งถลาเข้าไปที่ส่วนหลังร้านของคาเฟ่โดยไม่รอเสียงตอบรับก่อน โทริโกะกับอาคาริก็ตามมา พอเราวิ่งตัดผ่านคาเฟ่ที่ว่างเปล่าจนมาถึงประตูแล้ว มันก็มีป้ายเขียนไว้ว่า
[ผู้ที่ไม่ใช่แมวห้ามเค่าโดยเด็ดขาด]
พวกเราไม่ใช่แมวกันเลยซักคน แต่จะไปสนอะไรล่ะตอนนี้?
ฉันเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับส่วนห้องพักพนักงาน มีพวกราวเหล็กที่ห้อยกระเป๋าที่ยังไงก็ต้องเป็นของลูกจ้างแน่ๆ ห้อยเรียงเอาไว้อยู่ มีไม้แขวนเสื้อกับชุดเครื่องแบบของร้าน แล้วก็รายการเข้ากะที่แปะอยู่บนกำแพง อีกฟากนึงของพื้นที่แคบๆ นี่มีประตูอีกบาน เป็นบานที่เปิดออกไปข้างนอกอย่างที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย
เพราะไม่มีใครแย้ง ฉันก็เดินเข้าไปแบบไร้ยางอายเลย โทริโกะกับอาคาริก็เดินตามหลังฉันเข้ามา
ทันทีที่อาคาริที่อยู่ท้ายสุดปิดล็อกประตูข้างหลังเธอ ก็มีดาบใบหยักแทงทะลุประตูไม้อัดเข้ามาเลย
“เหวอ!”
อาคาริตะโกนลั่นพร้อมกับก้าวถอยมา ดาบนั่นส่งเสียงออกมาเหมือนกับกำลังเลื่อยไม้ทันทีที่มันถูกดึงกลับไปที่อีกฝั่งของประตู ก่อนจะมีแววตาของแมวส่องแสงออกมาจากอีกฝั่งของรูด้วย
“แหม ไร้ปราณีจริงๆ เลยสินะ? สมกับเป็นนินจาเลย”
โทริโกะพูดพลางส่ายหน้าไปมาอย่างหงุดหงิด
“อาคาริ เจ้าพวกนั้นไล่ตามเธอมางั้นเหรอ? ตลอด 1 เดือนเต็มเนี่ยนะ?”
“ค่ะ… ตอนแรกมันก็แค่ตามเฉยๆ แต่เรื่องมันก็รุนแรงขึ้น รุนแรงขึ้น อย่างอาทิตย์ก่อน ฉันก็ต้องวิ่งกลับบ้านเอา”
“น่าทึ่งมากเลยนะที่เธอยังรอดชีวิตมาได้ถึงตอนนี้เนี่ย”
“ก็ ออกจะอันตรายอยู่นะคะ”
พอฉันจ้องอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอาคาริตอบมาอย่างใจเย็นแบบนี้ได้ยังไง เราก็สบตากัน ก่อนที่เธอจะยิ้มกลับมาอย่างอายๆ
“แบบว่า ฉันเรียนคาราเต้น่ะ…”
“…”
หา? นั่นมันเป็นคำอธิบายเหรอ?
“อ้อ ยังงี้เอง การเคลื่อนไหวตอนนั้นสุดยอดเลยนะ พวกมันเล็งไปที่โซราโอะ ฉันยังกังวลอยู่เลย แต่เธอตอบสนองก่อนแล้ว”
โทริโกะพูดด้วยท่าทางประทับใจ นี่ฉันยังไม่รู้ตัวเลยว่าพวกมันเล็งจัดการฉันอยู่น่ะ
“ค่ะ ก็ ฉันเรียนคาราเต้อยู่ มันก็ แบบนั้นแหละค่ะ…”
อะไรของเด็กคนนี้เนี่ย?
ไม่สิ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ซักหน่อย
มีเสียงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กับมีดปาแอฟริกันที่เจาะผ่านประตูเข้ามา เจ้านินจามาเหวี่ยงมันเข้าใส่ประตูอีก 3-4 ครั้งราวกับว่ามันเป็นขวาน ก่อนจะส่งชิ้นไม้ลอยกระเด็นเข้ามาข้างใน
“แย่แล้ว แย่แล้ว ต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว”
ฉันพูดขึ้น และทั้ง 2 คนก็พยักหน้าตอบ
ฉันรีบวิ่งไปที่ประตูหลังร้าน หมุนลูกบิด แล้วเหวี่ยงเปิดมันออก
เท้าของฉันที่กำลังจะทะยานออกไปจากตัวร้าน มันก็หยุดกึกไปซะดื้อๆ
“อุหวา อย่าจู่ๆ ก็หยุดส―”
เสียงพูดจากโทริโกะที่วิ่งมาชนที่หลังของฉันขาดลงไปกลางคันเลย
จากประตูหลังร้านนั่น ที่ข้างหน้ามีตึกสูงตั้งขึ้นเรียงกันแน่นเหมือนเป็นหน้าผา ก้าวออกไปก็เจอกับทางเดินโลหะแคบๆ ที่กว้างแค่เท่ากับกรอบประตูนี่เท่านั้น ยังกับทางเดินแมวเลย มันยาวต่อออกไปอีกประมาณ 10 เมตร แล้วข้างล่างนั่นก็ไม่มีอะไรเลย ตรงก้นเหวเหมือนจะมีน้ำไหลอยู่ แถมหน้าผาตึกก็ยังมีผุดขึ้นมาทั้งทางซ้ายทางขวา แล้วก็มีสะพานกับทางเดินแมวหน้าตาคล้ายๆ กันนี่ทอดข้ามแต่ละส่วนตัดไปตัดมากันอยู่
พวกอาคารตรงข้ามกับเรานี่ดูสกปรกคล้ายๆ หลังอาคารพักรวมเลย มันเรียงรายไปด้วยระเบียง, ทางออกฉุกเฉิน, แอร์, บันได, ทางเดินแมว แล้วก็ท่อต่างๆ ทั้งหมดนั่นมันเล็กสุดๆ… ไม่ใช่ขนาดสำหรับมนุษย์เลย ทางเดินแมวนี่ก็แคบ ความสูงของแต่ละชั้นก็ดูน้อยกว่าที่ควรเป็นไปครึ่งนึง บันไดก็ชันมาก แต่ละขั้นที่ฝังเข้าไปในกำแพงไม่รู้จะสูงไปไหนนั่นก็ไม่มีทางผ่านไปได้เลยถ้าเกิดไม่ใช่นักปีนเขาน่ะ
“เมือง… แมว?”
สิ่งที่โทริโกะพูดตรงกับสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่เลย หลังจากที่เห็นพวกแมวอยู่กันเต็มหน้าร้านเมื่อกี้ ฉันก็ไม่ได้คิดอยู่แล้วล่ะว่าเมืองนี้จะยังเป็นปกติอยู่หรอก แต่นี่มันก็เกินกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้เยอะเลย
“น- นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
อาคาริที่เห็นทั้งหมดนี่ก็ต้องตกใจอยู่แล้ว
“ฉันรู้นะว่าทุกอย่างรอบตัวมันแปลกกกกกไปหมดเลยตั้งแต่ที่พวกแมวนินจาเข้ามาทำร้ายพวกเรา แต่นี่มันครั้งแรกเลย”
แสดงว่า การที่พวกแมวนินจาจู่โจมใส่พวกเรานี่ มันเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่กึ่งกลางนี่งั้นเหรอ? แบบเดียวกับคุณลุงในห้องมิติงั้นสินะ?
เสียงประตูแตกออกดังขึ้นข้างหลังเรา ไม่มีเวลามัวมาเหม่อมองพื้นที่ว่างเปล่าตรงนี้แล้ว
พวกเราเดินหน้าต่อ… ไม่ว่ามันจะพาเราไปที่ไหนก็ตาม
“ไปกันเถอะ”
พอตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็เดินไปตามสะพานแคบๆ นั่นเลย
เสียงโลหะขึ้นสนิมโอดครวญอยู่ใต้เท้าของฉัน ถึงทางเดินนี่มันจะมีราวจับก็เถอะ แต่มันสูงอยู่แค่เข่าของฉันเอง มันไม่ได้ช่วยกันฉันไม่ให้ตกลงไปลง ที่จริง ถ้าฉันสะดุด ก็มีโอกาสเยอะเลยล่ะที่จะไปเหยียบมันเข้าแล้วล้มลงไป ซึ่งมันยิ่งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไปอีกซะมากกว่า
ฉันข้ามสะพานไปด้วยความเร็วประมาณวิ่งเหยาะๆ แล้วก็มองหาทางที่เราพอจะไปไปต่อกันได้ ถ้าเราก้มลงคลานด้วยเข่า ดูเหมือนว่ามันจะพอมีทางเดินเลียบข้างหน้าผาให้เราไปตามทางได้อยู่
ฉันค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างระมัดระวังตามทางเดินแมวแคบๆ นี่ที่พลาดแค่ก้าวเดียวก็ส่งฉันหัวทิ่มลงไปก้นเหวนั่นได้เลย แสงแดดมันส่องลงไปไม่ถึงก้นเหว ข้างหลังนั่นถึงได้มืดสนิท รู้สึกเหมือนจะตกลงไปเลย น่ากลัวจัง แต่ฉันก็ทำใจเข้าไปข้างในตึกนั่นไม่ได้จริงๆ พอมองผ่านเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ ก็เห็นว่าข้างในเป็นห้องเสื่อทาทามิที่มีเสื่อไม้ไผ่ขนาดเล็ก โถงทางเดินพื้นไม้เนื้อแข็งกับกับร่องสำหรับระบายน้ำ เพดานก็ต่ำด้วย ถ้าเกิดเราทะเล่อทะล่าเข้าไปล่ะก็ ตอนอยู่ข้างใน เราอาจจะขยับตัวไม่ได้เลย
มีเสียงเอี๊ยดอาดจากประตูด้านล่างของพวกเรา ฉันก้มลงก็เห็นแมวนินจาทั้ง 2 ตัวออกมาจากประตูหลังร้านบานก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่เรายังปีนตรงไปที่หน้าผานั่นอยู่ พวกมันทั้งคู่ก็จ้องเขม็งมาที่พวกเรา
“พวกมันมาถึงนี่แล้วค่ะ!”
อาคาริตะโกนมาจากท้ายแถว ในเรื่องที่ฉันเองก็เพิ่งจะเห็นมาเหมือนกัน
แมวนินจาทั้ง 2 ตัวมองหน้ากัน ก่อนจะเริ่มไต่มาตามทางเดินแมว
พวกเราเริ่มปีนกันต่อด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ทางเดินนี่ไม่ได้ออกแบบไว้ให้สำหรับมนุษย์ ทำให้เป็นอุปสรรคที่ยากลำบากในการเคลื่อนไหวอยู่
ตอนที่ฉันสำรวจไปตามตึกร้าง ฉันก็ปีนขึ้นปีนลงอยู่บ่อยๆ เลยนะ โทริโกะเองก็มีแรงอึดล้นเหลือ อาคาริเองก็ทำได้ดีเลยนะที่ตามพวกเรามาได้ติดๆ แบบนี้ นี่เกี่ยวกับเรื่องที่เธอเรียนคาราเต้ด้วยหรือเปล่านะ?
พวกเราต้องทำทั้งหมดนี่ท่ามกลางแดดหน้าร้อนด้วย แล้วตอนนี้เหงื่อก็ชุ่มโชกไปทั้งตัวฉันแล้ว ถ้ารู้ว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นล่ะก็ ฉันคงใส่เสื้อผ้าที่ขยับตัวได้ง่ายกว่านี้มาแล้วล่ะ
รู้สึกเหมือนตัวเองจะตายเลย ระหว่างที่คลานไปตามขั้นบันไดที่ชันจนเหมือนตั้งฉากแบบนี้ กระทั่งพวกเรามาถึงพื้นที่เปิดตรงกลางทางแถวๆ กำแพง มันเป็นพื้นคอนกรีตเปิดโล่งบนหลังคาดาดฟ้าตึกที่เราสามารถเดินไปรอบๆ ได้ กำแพงมันยังสูงขึ้นไปอีกนะ แต่พวกเรามาถึงขีดจำกัดกันแล้วล่ะ… ถ้ามัวแต่ปีนกันขึ้นไปมากกว่านี้ พวกนั้นจะตามเราทันเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเลย
ฉันได้ยินเสียงผึบผับของผ้าดังใกล้เข้ามาจากทางด้านล่าง แล้วแมวนินจา 2 ตัวก็ปีนป่ายบันไดที่เราใช้ความพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะขึ้นมาถึงนี่ได้ อย่างง่ายดายเลย แล้วพวกมันก็โผล่มาที่นี่อีกแล้ว
พวกเรา 3 คนจ้องมองพวกนินจาพร้อมกับเสียงหายใจหวีดหวิว แถมถูกต้อนมาจนมุมอยู่ที่ขอบของพื้นที่เปิดโล่งนี่แล้ว
พอเป็นแบบนี้ อาคาริก็ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น วางกระเป๋าลงกับพื้น แล้วก็ตั้งท่าสู้แบบคาราเต้แล้ว
“เดี๋ยว―”
“หนีไปกันได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะคอยถ่วงเวลาไว้ให้พวกรุ่นพี่เอง”
“ม- ไม่ ไม่ได้ พวกเราให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก…”
“ไม่ค่ะ นี่เป็นความผิดของฉัน ที่ลากพวกรุ่นพี่เข้ามาเจอกับเรื่องนี้”
ต้องใจกล้ามากเลยนะที่ทำแบบนี้ แต่ไม่เกี่ยวหรอกว่าเธอจะเก่งคาราเต้ขนาดไหน แมวนินจาที่ชักมีดออกมาเตรียมพร้อมแบบนี้ยังไงก็ยังเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวอยู่ดีนั่นแหละ
ฝ่ายนั้นมีแมวนินจาอยู่ 2 ตัว แต่ทางฝ่ายเรามีแค่นักคาราเต้คนเดียว…
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ อะไรกันเนี่ย? มาคิดๆ ดูแล้วนี่ คงจะบ้าไปแล้วล่ะมั้งฉันเนี่ย
ระหว่างที่ฉันยังตื่นตระหนกอยู่ พยายามจะหาทางออกจากสถานการณ์ตรงหน้านี่ โทริโกะก็พูดขึ้นมา
“โซราโอะ พอแค่นี้เถอะ ฉันจะใช้ไอ้นั่นแล้วนะ”
พร้อมกับทำนิ้วเป็นรูปปืน
“ม- ไม่ได้นะ!”
ฉันพูดขึ้นอย่างลนลาน
“นี่ มันไม่มีทางอื่นแล้วนะนอกจากไอ้นั่นแล้วนะ คงต้องดึงเด็กคนนี้มาเป็นผู้สมรู้รวมคิดของพวกเราด้วยแล้วล่ะ”
“[ไอ้นั่น] คืออะไรเหรอคะ?”
“เธอเงียบไปก่อน!”
ฉันตะโกนบอกอาคาริ ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้กับโทริโกะ แล้วกระซิบบอกอย่างรีบๆ
“เธอจะมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับพวกเราไม่ได้ ไม่มีทาง หยุดซะเดี๋ยวนี้เลย”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็!”
พอฉันเร่งเสียงขึ้นอย่างหงุดหงิด โทริโกะก็มองกลับมาหาฉันอย่างงงๆ
เฮ้อ อ๊าาา
ก็เธอเองนั่นแหละที่เป็นคนพูดน่ะ
ว่าการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันคือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันที่สุดในโลก
เธอ! พูด! เอง! นะ!
“…เธอเป็นเหยื่อได้”
ฉันพูดพร้อมกับกดเสียงให้เบาอยู่แบบนี้
“เหยื่อตัวน้อยที่น่าสงสารที่ดันโดนเราลากมาเอี่ยวด้วย แบบนั้น ฉันรับได้”
“ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แฮะ… แต่ ได้สิ”
โทริโกะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้าโท้ทของเธอ โดยไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของฉันเลย
“อาคาริ ฉันมั่นใจเลยว่านี่ต้องทำให้เธอตกใจแน่ เพราะงั้น โทษทีนะ”
โทริโกะพูดไว้แบบนั้นก่อนจะหยิบมาคารอฟออกมา ดึงโครงเลื่อนมาตรวจเช็คกระสุน แล้วก็ก้าวไปข้างหน้า จากด้านข้างแบบนี้ ฉันเห็นแค่อาคาริอ้าปากค้างเท่านั้นเอง
“เอ๊ะ…?”
TN: ว้าว เพราะ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ คือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันที่สุดในโลกแล้วยังไงหล้า~! โซราโอะจัง