[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 60 ไฟล์ 7 : โดนแมวนินจาทำร้าย [5.3]
ฉันเองก็ชักมาคารอฟออกมา แล้วก็ก้าวออกมาข้างหน้าเหมือนกัน
“ขอโทษด้วยนะ อาคาริ แต่ถ้าเธอปริปากบอกเรื่องนี้กับใครไปล่ะก็ เธอได้ชดใช้กับเรื่องนี้แน่”
ฉันพยายามจะทำเสียงขู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อาคาริดูจะไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเลยนะ พอเป็นแบบนั้นฉันก็รู้สึกผิดทันทีเลย ไม่น่าทำแบบนั้นเลยให้ตายเถอะ
อีกอย่าง ถ้าเธอเอาไปบอกใครจริงๆ คนที่ต้องชดใช้สุดท้ายก็ต้องเป็นฉันกับโทริโกะอยู่ดี
“โซราโอะ มองเอาไว้แล้วหรือเปล่า?”
“ต- ตอนนี้ฉันดูอยู่”
ฉันเพ่งมองด้วยตาขวาเหมือนอย่างทุกที
แมว 2 ตัวนั้นที่ยืนกันอยู่ตรงขอบหลังคา… ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย นี่เป็นของที่เราเจออยู่บ่อยๆ ที่โลกเบื้องหลังเลยเหมือนกัน พวกนู่นนี่ที่ตาขวากับตาซ้ายของฉันเห็นมันไม่ได้ต่างกันน่ะ
“อึก เป็นแมวจริงๆ เลยน่ะ… ไม่อยากยิงเลย…”
“ตั้งสติไว้สิ! พวกมันจะมาฆ่าเรานะ!”
อยู่ๆ แมวทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีเสียงของโทริโกะเป็นสัญญาณ พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง อุ้งมือยังจับดาบที่ดูโหดเหี้ยมพวกนั้นเอาไว้พร้อม การขยับตัวของพวกมันไม่ได้น่ารักซักนิดเลย นั่นมันมีแต่ความกระหายเลือดล้วนๆ
โทริโกะเปิดฉากยิง เสียงปืนดังสะท้อนไปกลับมาจากตามกำแพงเลย พวกแมวนินจาหลบไปรอบๆ ใช้อุ้งเท้าเตะกำแพงส่งตัวเองลอยอยู่ในอากาศ พริบตาต่อมา ดาบใบหยักนั่นมันก็ทิ่มปักตรงที่โทริโกะเพิ่งยืนอยู่เมื่อกี้นี้เต็มๆ เลย
“น่ากลัว!”
โทริโกะพูดขึ้น มือก็ยังคงยิงต่อไป ระหว่างที่ฉันเสียสมาธิไปกับการมองเจ้าตัวถือดาบที่ก้มลงหมอบต่ำเพื่อหลบกระสุนในระยะเผาขน แมวอีกตัวนึงก็วิ่งมาถึงด้านข้างของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันหันปากกระบอกไปทางนั้นตอบสนองกับมีดปาแอฟริกันในมือของมันที่เหวี่ยงฟาดเข้ามาได้อย่างเฉียดฉิว ฉันเกือบจะกรี๊ดออกมาพร้อมความกลัวอยู่แล้ว ก่อนจะลั่นไกออกไป 2 นัด แต่กระสุนก็เด้งไปกับพื้นคอนกรีตเฉยๆ เลย
ซวยแล้วฉัน! ฉันมองดูใบมีดที่พุ่งตรงเข้ามาหาตัวโดยที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น ก่อนที่เท้าของอาคาริจะพุ่งมาจากด้านข้างตัว
“เ―เอ้!!”
เสียงตะโกนที่เฉียบคมดังขึ้นพร้อมกับเท้าที่ถีบไปข้างหน้า เจ้าแมวตัวที่ถือมีดก็โดดถอยหลังไป ทิ้งระยะห่างระหว่างทั้งคู่เอาไว้ เสียงตะโกนของเธอทำเอาฉันตกใจจนเกือบเซไปเลย ก่อนที่อาคาริจะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางเดียวกันกับการลดขาลงมากับพื้น
“ถอยไปก่อนนะคะ! รุ่นพี่!”
เธอบอกก่อนจะเข้าเตะตัดขาต่อทันที ดูแรงมากพอจะหักครึ่งไม้เบสบอลได้เลยนะนั่น แต่แมวนินจาก็กระโดดหมุนตัวถอยหลบไปได้อยู่ดี
“ว- ว้าว! ดูแล้วเธอไม่จำเป็นต้องให้เราช่วยเลยนะเนี่ย!?”
ฉันอุทานออกมา แต่อาคาริกลับส่ายหัวให้พร้อมกับสีหน้าตึงเครียด
“ไม่ไหวค่ะ จะถีบจะเตะยังไงก็ไม่ได้ผลกับเจ้าพวกนี้เลย ทั้งเร็วทั้งตัวเล็ก แถมตอนที่รู้สึกเหมือนว่าโดนตัวแล้ว กลับไม่รู้สึกเหมือนแตะโดนอะไรเลยด้วยค่ะ”
โอ้… ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ถึงเจ้าแมวพวกนี้จะดูเหมือนมีกายเนื้อ แต่จริงๆ แล้วก็เป็น [ปรากฏการณ์] เหมือนกับแบบคุณลุงในห้วงมิติเท่านั้นเอง ต่อให้ฉันจะจ้องมันอยู่ด้วยตาขวาก็ตาม ถ้ากระสุนหรือคาราเต้โจมตีไม่โดน มันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรอยู่ดี แถมนี่มันยังแยกกันสู้เพื่อเบี่ยงเบนสมาธิของพวกเราด้วยอีกต่างหาก
“โทริโกะ อาคาริ ขยับเข้าไปชิดกับกำแพงหน่อยดีกว่า ถ้าเกิดโดนพวกมันล้อมหน้าล้อมหลังเข้าล่ะก็แย่แน่”
“โอเค”
“ค่ะ!”
พวกเรา 3 คนเกาะกลุ่มกัน แล้วก็ถอยหลังช้าๆ เข้าไปหากำแพง โดยที่นินจาทั้งสองยังคงเกาะติดพวกเรามาด้วย
แล้วท่าทีของพวกมันก็เปลี่ยนไป แมวนินจาทั้ง 2 ตัวเดินตรงเข้าไปหากระเป๋าของอาคาริที่วางทิ้งเอาไว้อยู่บนหลังคา แล้วพวกมันก็ส่องเข้าไปดูของข้างในด้วย พวกมันมุดหัวเข้าไปข้างในกระเป๋าเหมือนกับว่ากำลังหาอะไรซักอย่างอยู่
“โซราโอะ เจ้าพวกนั้นทำอะไรอยู่น่ะ?”
“อย่าถามฉันสิ นี่ อาคาริ ในกระเป๋านั่นมีอะไรอยู่เหรอ?”
“เอ๊ะ? ก็แค่ของทั่วๆ ไปนะคะ อย่างกระเป๋าเครื่องสำอาง แบตสำรองสำหรับมือถือ―”
“คงไม่ได้มีปลาดิบหรืออะไรแบบนั้นอยู่ในกระเป๋าใช่มั้ย?”
“ฉันไม่เดินถือของแบบนั้นไปๆ มาๆ หรอกค่ะ!”
ฉันจำตอนที่อาคาริพูดถึงเสียงที่เธอได้ยินพวกแมวมาชุมนุมกันได้อยู่นะ นี่หรือว่า อาคาริจะมี [เครื่องหมาย] ที่เสียงนั่นพูดถึงอยู่กับตัว แล้วเจ้าพวกนี้ก็ถูกมันดึงดูดเข้ามางั้นเหรอ?
“เธอไม่รู้จริงๆ ใช่มั้ยว่าทำไมพวกมันถึงต้องการตัวเธอขนาดนี้? ถึงเรื่องนี้มันออกจะจำเจจนน่าเบื่อเลยในเรื่องผีที่มีการพบเห็นจริงก็เถอะ แต่ฉันกำลังคิดว่าตอนยังเด็ก เธอไปทำทารุณอะไรกับแมวหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่มีทางแน่นอนค่ะ!”
อาคาริยืนกรานอย่างหนักแน่น แล้วฉันก็สังเกตสีหน้าของเธอตอนที่ทำแบบนั้นอยู่ใกล้ๆ ด้วย เธอดูไม่เหมือนว่าจะโกหกฉันอยู่เลยนะ แต่ฉันจะสามารถเข้าใจอารมณ์การนึกคิดของมนุษย์ได้จริงๆ น่ะเหรอ…?
ยังไงก็เถอะ มันต้องเป็นอะไรซักอย่างแน่ๆ ไม่ว่าเธอจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เจ้า [เครื่องหมาย] อะไรนั่นที่พวกแมวนินจามันตามหากันอยู่น่ะ
ฉันเพ่งไปที่กระเป๋าใบนั้น แต่ที่ตาขวาของฉันก็ไม่เห็นภาพอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลย ฉันเลยตัดสินใจหันตาขวามาตั้งใจมองที่ตัวอาคาริแทน
นานเหมือนกันนะตั้งแต่ที่ฉันทำแบบนี้กับคนอื่นน่ะ ครั้งสุดท้ายที่ทำแบบนี้ก็น่าจะตอนที่เจอกับคุณลุงในห้วงมิติ―ในเมืองร้างที่โลกเบื้องหลังนี่แหละ ตอนที่ฉันเปลี่ยนมุมมองที่มองคุณโคซากุระ แล้วเปลี่ยนเธอเป็นต้นไม้น่ะ
เหตุผลที่ฉันไม่ใช้ตาขวากับมนุษย์อีกเลยตั้งแต่ตอนนั้นมาน่ะเหรอ เอาจริงเลยก็เพราะ ฉันกลัวน่ะสิ
ถึงมันจะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขพิเศษอย่างการที่อยู่ภายในกลิตช์ก็เถอะ มันก็น่ากลัวมากๆ เลยนะว่ามันอาจจะเปลี่ยนรูปร่างของคนๆ นั้นไปอย่างสมบูรณ์ ผ่านทางการรับรู้ของฉันเอง ถ้าเรื่องแบบนั้นมันยังเกิดขึ้นอยู่อีกเรื่อยๆล่ะก็ ไม่นาน ฉันอาจจะเสียความสามารถในการรับรู้ว่ามนุษย์นั้นคือมนุษย์ไปเลยก็ได้―นั่นคือความรู้สึกที่ฉันรู้สึกเอง
ยิ่งกว่านั้น ตอนที่ฉันถามคุณโคซากุระเรื่องนี้ทีหลัง เธอก็บอกว่าตอนที่เธอกลายเป็นต้นไม้ เธอยังมีสติรู้ตัวอยู่ แล้วก็ต้องเจอกับประสบการณ์ที่น่ากลัวสุดๆ ในอีกสถานที่นึงแยกจากการรับรู้ของฉันไปแล้ว
เพราะแบบนั้นแหละ ฉันเลยเลี่ยงไม่ใช้ความสามารถของตัวเองแบบนี้ แต่นี่คือทั้งหมดที่ฉันคิดออกแล้วว่าจะทำได้ในตอนนี้ ฉันต้องทำอะไรก็ตามที่ฉันพอจะทำได้ ก่อนจะถูกดาบหน้าตาดูเป็นภัยคุกคามนั่นสับจนเป็นเนื้อลูกเต๋าน่ะ
ฉันคิดอยู่ในใจแบบนั้น พลางจับจ้องอาคาริไว้ด้วยตาข้างขวา ก่อนจะต้องสูดหายใจเข้าฮึกเพราะตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
ร่างกายของอาคาริ มีแสงจางๆ สว่างมาจากข้างในตัวด้วย
“เป็นอะไรเหรอ โซราโอะ?”
โทริโกะสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉัน ก่อนจะถามขึ้น ฉันถอนหายใจเฮือกนึงก่อนจะอธิบายให้เธอฟัง
“มันมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในตัวเธอ บางอย่างที่มีแสงสีเงินแผ่ออกมาน่ะ”
“มันคือ…?”
พวกแมวนินจาคงจะสังเกตถึงอะไรซักอย่างในคำสนทนาของพวกเรา พวกมันถึงได้เงยหน้าออกมาจากกระเป๋า พอพวกเราสบตา พวกมันก็เริ่มเดินตรงเข้ามาหาพวกเราอีกรอบนึงแล้ว
“อาคาริ เธอคงจะไม่ได้ไปดื่มหรือไปกินอะไรแปลกๆ มาใช่มั้ย?
โทริโกะรีบถามออกไป
“เธอไม่ได้ไปแอบกินของไหว้สุสานหรืออาหารแมวอะไรแบบนั้นใช่มั้ย?”
“เ――อ๊? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยยยยยยยย”
เสียงพูดนั่นยืนกรานหนักแน่นอย่างเต็มที่ มันต่างจากลักษณะการพูดตามปกติของเธออย่างสิ้นเชิงจนฉันไม่ทันตั้งตัวเลย
“ทำไ――ม้ถึงได้พูดแบบนั้นล่ะคะ รุ่นพี่? รุ่นพี่ทำฉันโโโมโโโหแล้วนะ ฉันไม่กินอยู่แล้วค่ะ ของที่ตกพื้―พื้อออ―อออ―พื้ออ――”
น้ำเสียงที่ใส่อารมณ์เกินจริงของเธอ ฟังเข้าใจยากขึ้นยากรวดเร็ว
ขนทุกเส้นบนตัวฉันลุกขึ้นพร้อมกันจากการรับรู้ด้วยสัญชาตญาณเลย เธอเสียสติไปแล้ว
ฉันนึกออกอยู่แค่สาเหตุเดียวเลยด้วย―ฉันมองเธอด้วยตาขวาของฉัน!
“โทริโกะ! มือซ้าย!”
พอฉันบอกแบบนั้น โทริโกะก็กัดถุงมือข้างซ้ายแล้วดึงออกออกมาเลย
โห! เท่สุดๆ!
แต่ เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมเธอซักหน่อย
“ให้ทำยังไงเหรอ!?”
“ยัดมือเข้าไปในตัวของอาคาริเลย!”
“ฮ-… หาาาาา!?”
แน่ล่ะ นี่มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เธอจะแค่ตอบว่า ได้ แบบทันทีซักหน่อย แต่ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว
พวกแมวนินจาใกล้เข้ามาจะถึงตัวพวกเราทุกทีๆ แล้วตาของอาคาริก็กลอกไปมาไม่จับจดอยู่ที่อะไรเลยซักอย่าง ถ้าเกิดเธอเสียสติไปจริงๆ ล่ะก็ กลายเป็นว่าเราต้องรับมือกับตัวประหลาดคาราเต้เพิ่มอีกหนึ่งเลยนะ
ฉันจับชายเสื้อยืดของอาคาริเลิกขึ้นด้วยมือข้างนึง ส่วนมืออีกข้างก็คว้ามือที่อ้อยอิ่งของโทริโกะมา ก่อนจะยัดมาทิ่มเข้าใส่หน้าท้องของอาคาริโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง มือซ้ายที่โปร่งแสงของโทริโกะฝังตัวเข้าไปในกล้ามเนื้อหน้าท้องแน่นๆ ของอาคาริได้โดยไม่มีแรงต้านอะไรเลย แล้วอาคาริก็ส่งเสียงครวญครางออกมาพร้อมกับงอตัวโก่ง
“เอ๋! แหวะ! เอ๊ะ? มีอะไรแข็งๆ อยู่ในนี้ด้วย…”
“นั่นแหละ! ดึงออกมาเลย!”
“คือมันปลอดภัยใช่มั้ย!?”
พอโทริโกะดึงมือของเธอออกมา อาคาริก็ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น แล้วก็อาเจียนอย่างรุนแรงเลย พอฉันรีบละตาขวาที่จ้องเธออยู่ออกไป อาคาริก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา 2 คน หอบหายใจเอาอากาศพร้อมกับน้ำตาที่ไหลจากตาทั้ง 2 ข้าง
“ท-… ทำไมต้องชกท้องฉันด้วย…?”
โอ้ ดีเลย กลับมาพูดเหมือนปกติแล้ว
“พอจะรู้หรือเปล่าว่านี่คืออะไร?”
โทริโกะยื่นมือซ้ายไปไว้ตรงหน้าอาคาริ เผยให้เห็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ อยู่ในฝ่ามือของเธอ ดูเป็นของรูปร่างเรียบง่ายที่ทำจากเซรามิก บนหัวมีหูตั้ง 2 ข้าง ส่วนที่กลมๆ โค้งๆ นั่นต้องเป็นหางแน่ ตรงจุดที่ควรจะเป็นหน้ากลับมีหินเรียบๆ สีเขียวก้อนนึงแปะอยู่
เจ้าของชิ้นนั้น มีแสงสีเงินจางๆ หุ้มอยู่รอบเลย มันต้องเป็นสิ่งแปลกปลอมจากโลกเบื้องหลังนี่แน่นอนเลย
“โอ๊ะ! นี่มัน… เครื่องรางของฉันนี่นา! นึกว่าทำหายไปแล้วซะอีก”
เป็นตอนนั้นแหละที่เจ้าแมวนินจาทั้ง 2 ตัวขู่ฟ่อออกมาพร้อมกัน ก่อนจะวิ่งเข้าใส่พวกเราทันที
“ระวัง!”
ฉันผลักอาคาริออกไปทันเวลาก่อนที่ทั้งมีดทั้งดาบจะเสียบเข้าใส่กำแพงตรงที่พวกเราอยู่เมื่อกี้ได้พอดี ทั้งอาคาริทั้งโทริโกะล้มหงายหลังอยู่ ส่วนพวกแมวนินจาก็ดึงมีดของตัวเองออกมาจากกำแพงกันได้แล้ว เตรียมจะเหวี่ยงมันฟันใส่ทั้งคู่ที่ยังขยับตัวกันไม่ได้
“โทริโกะ! ส่งมา!”
ฉันตะโกนบอก แล้วโทริโกะก็สะบัดมือซ้ายของเธอ ส่งรูปปั้นเซรามิกนั่นไหลมาตามพื้นดาดฟ้า ลอดขาของพวกแมวนินจามา ตอนที่ฉันหยิบมันแล้วเงยหน้าขึ้น แมวทั้ง 2 ตัวนั่นก็หัวขวับมาทางฉันแล้ว
“น- นี่แหละ นี่แหละสิ่งที่พวกมันถูกดึงดูดมา”
พอฉันพูดแบบนั้น อาคาริก็ตาโตเลย
“เธอได้มันมานานแค่ไหนแล้ว?”
“ตั้งแต่ปีก่อนค่ะ มีคนให้ฉันม―”
ระหว่างที่เรากำลังพูดกันอยู่ พวกแมวนินจาก็เปลี่ยนเป้ามาเล็งที่ฉันแทน และเริ่มเข้ามาใกล้ตัวแล้ว
“โซราโอะ จะถือเอาไว้อยู่แบบนั้นไม่ได้นะ รีบปล่อยมันทิ้งไปเลยเร็ว”
โทริโกะบอกด้วยความเป็นกังวล พร้อมกับที่ตอนนี้อยู่ในท่านั่งคุกเข่า จับปืนพร้อมไว้ในมือแล้ว
แวบนึง ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าเกิดเอาเจ้านี่กลับไป ก็ให้คุณโคซากุระช่วยซื้อให้ก็ได้นี่นา? แต่รับประกันเลยว่าฉันต้องถูกพวกแมวนินจาตามไล่ล่าจัดการแน่ๆ…
โชคร้ายจัง คงต้องปล่อยของชิ้นนี้ไปสินะ
“…แน่นอน ต้องทิ้งมันไปอยู่แล้ว”
“แล้วเมื่อกี้หยุดชะงักเรื่องอะไรอยู่ล่ะนั่น?”
*กรร!* พวกแมวนินจาขู่พร้อมกับกระโจนเข้าใส่ ฉันก็เหวี่ยงแขน ขว้างเจ้าตุ๊กตาดินนั่นออกไปให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลงไปจากหน้าผานี่เลย
ตุ๊กตาเซรามิกตัวนั้นลอยละล่อง วาดตัวเป้นเส้นโค้งพาราโบลาอย่างเอื่อยเฉื่อย ไปไม่ได้ไกลเท่ากับที่ฉันคิดเอาไว้เลยแฮะ แถมไหล่ฉันก็ลั่นเสียงกรอกแกรกน่าเป็นห่วงออกมาเลยด้วย แต่ก็เลยผ่านขอบหน้าผานี่ไปได้แบบเฉียดฉิวพอดีล่ะนะ
เจ้าแมวนินจาทั้ง 2 ตัวก็ตอบสนองกับเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น มันก็ไม่ได้มาสนใจฉันเลยซักนิด พวกมันพุ่งตัววิ่งไปทางด้านข้างด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ก่อนจะโดดออกไปจากหน้าผาแล้วหายวับไป
พอฉันมองลงไปจากขอบเหว แวบนึง ฉันเห็นแสงที่กระทบบนหินสีเขียวบนรูปปั้นเซรามิกกระพริบสะท้อนแสงอาทิตย์ขึ้นมาด้วย เงา 2 เงาไล่ตามมันไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว โดดข้ามจากตึกนึงไปยังอีกตึกนึง ยังกับว่ากำลังตกลงไปที่ก้นเหวยังไงยังงั้นเลย
“…ฟิ่ววววว”
ฉันทรุดลงนั่งกับพื้น ราวกับผ่อนคลายอาการเกร็งทั้งหมดในร่างกายออกไป แล้วก็นั่งอยู่ไปตรงที่ฉันอยู่นั่นแหละ
โทริโกะเอาถุงมือกลับมาใส่ที่มือซ้ายของเธอแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาหา มองมาที่ฉันด้วยสีหน้ากังวลใจ
“มันไปแล้วสินะ”
“ช่ายยย น่ากลัวชะมัดเลยนะ ขอเถอะนะ พวกตัวที่มีร่างแบบกายภาพเนี่ยพอซักทีเถอะ”
ฉันก็ไม่ได้ชอบการจู่โจมทางจิตหรอกนะ แต่ให้มันวิ่งเข้ามาฆ่าฉันด้วยมีดนี่มันผิดกฏชัดๆ เลย
“อ- เอ๊ะ? นั่นคือของที่พวกมันตามหาเหรอ? ทำไมล่ะ? แล้วนี่ฉันถือมันเอาไว้ที่ไหนกันแน่เนี่ย?”
“ไม่รู้สิ อาคาริ เธออาจจะโดนจัดฉากก็ได้นะ? จากใครซักคนที่ให้ของชิ้นแปลกๆ นั่นกับเธอมานั่นน่ะ…”
“เอ๊ะ? แต่ มันเป็นเครื่องรางนะคะ…”
ดูเหมือนจะทำใจยอมรับได้ยากเลยแฮะ ก็นะ จะเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้น่าตกใจอะไร พวกเราทำได้แค่คาดเดาแรงจูงใจที่น่าจะเป็น แล้วก็ไม่มีทางที่พวกเราจะรู้คำตอบที่ถูกต้องได้อยู่แล้ว
ถ้าฉันอธิบายไปว่าดึงมันออกมาจากในตัวเธอล่ะก็ มันก็มีแต่จะทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากวุ่นวายเข้าไปใหญ่ ฉันว่าไม่ต้องไปพูดถึงมันเลยน่าจะดีกว่า
แต่ เรื่องที่ตาขวาฉันทำให้อาคาริเสียสติได้นี่ยังทำให้ฉันตกใจไม่หายเลยนะ ภาพของอาคาริที่ตอนนั้นดูคล้ายกับสิ่งผิดเพี้ยนบนถนนที่พื้นที่กึ่งกลางนี่น่ะ ถ้าฉันใช้ตาขวากับมนุษย์ มันอาจจะเปลี่ยนคนคนนั้นให้กลายเป็นอะไรซักอย่างจากโลกเบื้องหลังไปก็ได้
นี่ถ้าฉันยังจ้องเธอต่อไปแบบนั้นล่ะก็ ไม่อยากจินตนาการเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น บางที ฉันอาจจะทำถูกแล้วก็ได้นะ ไม่ควรจะใช้มันกับผู้คนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเลยจริงๆ
เอาล่ะ… ทีนี้มาที่คำถามที่ว่าเราจะกลับกันยังไงแล้วล่ะ
ตอนที่ฉันคิดแบบนั้น พลางเอามือค้ำกับพื้นเอนหลังลงมา ฉันก็เงยหน้าขึ้นไป แล้วตัวแข็งทื่ออยู่ทั้งๆ ท่านั้นเลย
ข้างบนนั่น มีหัวแมวโผล่ออกมาจากช่องหน้าต่างแบบนับไม่ถ้วนเลย
พวกมันทั้งหมดก้มลงมามองที่พวกเรา เสี้ยววินาทีต่อมา พวกแมวทั้งหมดก็โดดออกมาจากหน้าต่าง วิ่งไต่กันลงมาตามกำแพง แห่แหนลงมายังกับหิมะถล่มเลย
“กรี๊ดดดดดดด!?”
ฉันกรี๊ดออกมา พร้อมๆ กับที่ทั้งฉัน ทั้งโทริโกะ ทั้งอาคาริ ก็โดนแมวถล่มโถมเข้าใส่
พื้นที่รอบตัวฉันโดนฝังอยู่ใต้ขนนุ่มๆ อุ้งเท้า หาง กับจมูก พวกเราถูกมวลมหาประชาแมวที่ไหลทะลักกันเข้ามาไม่หยุดเข้าปกคลุม จนดำดิ่งลงไปสู่ห้วงลึกกัน
TN: ตอนนี้ เหล่าทาสแมวน่าจะชอบกันนะครับ 55555
ไอเท็มพิเศษ มีแพสซิฟสกิลในการดึงดูดแมวมาจากทั่วทุกสารทิศให้มาเดินตามคุณได้ มีผลข้างเคียงนิดเดียวเองคือจะมีแมวนินจามาตามฆ่าคุณด้วย
กฎของ [การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม]