[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 61 ไฟล์ 7 : โดนแมวนินจาทำร้าย [6]
เสียงรถรา เสียงผู้คน กลิ่นไอเสียจากรถ กับกลิ่นหอมจากร้านฟาสต์ฟู้ด รายละเอียดข้อมูลของโลกเบื้องหน้าที่เข้ามาทางประสาทสัมผัสช่วยดึงฉันกลับมามีสติอีกครั้งนึง
ภาพที่ฉันเห็นมันโดนกิ่งไม้บางๆ บังเอาไว้อยู่ ดูเหมือนฉันจะนอนหงายหลังอยู่ในพุ่มไม้สินะ
ฉันรีบเก็บปืนของตัวเข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนเลย แล้วถึงจะยื่นหน้าออกมาจากพุ่มไม้นั่น
แล้วฉันก็รู้ทันทีเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน: สวนสาธารณะตรงหน้าโรงหนังเหนือทางออกฝั่งตัวเมือง พวกแมวที่เคยมากองอยู่แถวนี้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ไม่เห็นเลยแม้แต่เงา
ในที่สุด ฉันคลานออกมาจากพุ่มไม้นั่นได้ซักที ระหว่างทางก็หักพวกกิ่งไม้ไปบ้าง จนไปสังเกตเห็นผมของโทริโกะติดอยู่กับพุ่มไม้ข้างๆ ฉันนี่เอง
“โซราโอะ ช่วยด้วยยยย”
“ทำอะไรของเธอเนี่ย?”
“ผมฉันมันพันกันไปหมดเลยน่ะ…”
ฉันจับมือของโทริโกะ แล้วก็ดึงตัวเธอขึ้น ทั้งผมทั้งเสื้อผ้าของเธอมีใบไม้ติดอยู่เต็มเลย
“ฟู่ว ขอบใจนะ แล้วอาคาริอยู่ไหนล่ะ?”
“อยู่นี่ค่าาา”
พอฉันหันไปตามเสียง ก็เห็นอาคาริหน้าทิ่มอยู่ตรงฐานของพุ่มไม้อยู่
“แล้วเธอทำอะไรอยู่ล่ะนั่นน่ะ?”
“ของในกระเป๋าฉันมันกระจายออกมาหมดเลยน่ะค่ะ…”
“ให้ช่วยมั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอเวลาแป๊บนึง”
ระหว่างที่อาคาริกำลังเก็บของกลับมาอยู่ ฉันกับโทริโกะก็นั่งรอกันที่ขอบของพุ่มไม้
“เฮ้อออ ฉันต้องสะดุ้งทุกครั้งที่เห็นแมวไปอีกซักพักแน่เลย เพราะงี้ไง ฉันถึงได้เกลียดเรื่องแปลกๆ ที่มันเกี่ยวกับแมวน่ะ”
ฉันพูดพลางถอนหายใจไปด้วย ดึงใบไม้ที่ติดอยู่กับผมของโทริโกะไปด้วย
“ขอโทษนะ ทั้งหมดเพราะฉันบังคับเธอให้มาด้วยแท้ๆ เลย”
“เธอพูดเองนะ เอาเถอะ สุดท้ายทุกอย่างก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะงั้น ถ้าฉันไม่ต้องไปกังวลเรื่องโดนแมวสะกดรอยตามอีกแล้ว จากนี้จะยังไงก็ช่างเถอะ”
ฉันพูดไปแบบนั้น โทริโกะก็มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยขึ้นมาบนใบหน้า
“ถ้างั้น จนกว่าแผลเป็นในใจเธอจะหายดี ฉันจะช่วยเป็นแมวให้เธอเป็นไง?”
“ฮะ?”
“เมี้ยวววว~”
โทริโกะมองมาที่ฉันพร้อมกับหางตาที่ชี้ขึ้น พลางทำท่าเหมือนแมวกวักไปด้วย
“…”
“ฉันไม่ใช่แมวน่ากลัวหรอกนะเมี้ยว~”
“ช-… ช่วยอย่าทำอะไรน่ารักแบบไม่สนใครแบบนี้จะได้มั้ย!?”
ฉันเค้นตัวเองพยายามพูดออกมา ในขณะที่โทริโกะกลับเอียงคอไปด้านข้างเป็นการตอบรับ
“ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะเมี้ยว~?”
“ก็ไอ้คำลงท้ายประโยคนั่นไงเล่า!”
ระหว่างที่ฉันยังสติเตลิดอยู่นั่น อาคาริก็เดินมาทางพวกเราพอดี
“รุ่นพี่! คุณโทริโกะ! ขอบคุณมากนะคะ!”
ทำอะไรไม่ถูกเลยแฮะพอเจอเธอก้มหัวให้แบบนี้
“น่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เลี้ยงข้าวพวกเรามื้อนึงซักครั้งก็พอแล้วล่ะเนอะ”
โทริโกะพูดโดยไม่ได้มีอะไรจากทางฉันเพิ่มเข้าไปเลย เธอเอาเมี้ยวๆ น่ารักๆ ที่ลงท้ายประโยคนั่นออกไปแล้ว ฉันก็เลยพอจะรวบรวมสติตัวเองกลับมาได้อยู่
จะว่าไปแล้วนี่ ทุกที ไม่ใช่ว่าเราจะได้ค่าตอบแทนอะไรซักอย่างกลับมาด้วยหรอกเหรอตอนนี้? รู้งี้ฉันพูดอะไรดักไว้ก่อนก็คงดีสินะ?
“พวกรุ่นพี่ทั้งคู่สุดยอดเลยไปเลยนะคะ! ต้องทำเรื่องแบบนี้กันตลอดเลยเหรอ?”
“เออ อาคาริ เรื่องที่เกิดขึ้นนี่นะ ห้ามเด็ดขาดเลยนะ อย่า―”
“รู้แล้วค่ะ ฉันจะพูดอะไรแน่นอน อีกอย่างนะคะ ฉันไม่มีทางเอาเรื่องไร้สาระแบบนี้ไปบอกให้ใครฟังได้อยู่แล้วด้วย”
“อืม จริงด้วยสิ ที่เธอพูดมามันก็มีประเด็นอยู่นะ”
แต่เด็กคนนี้ก็มีประวัติอยู่นะ เดินเข้ามาคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์อย่างฉัน แล้วก็พูดเรื่องแมวนินจาใส่เนี่ย เอาเป็นว่าฉันคงจะยังประมาทไม่ได้ล่ะนะ
“ขอโทษเรื่องตุ๊กตาด้วยนะ ฉันปามันทิ้งไปโดยไม่ได้ถามก่อนเลย”
“ไม่เลยค่ะ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลย ฉันก็ไม่เคยคิดเลยนะคะว่าฉันเดินถือต้นตอของปัญหาเอาไว้กับตัวอยู่ตลอดแบบนี้”
“เธอบอกว่ามีคนให้เธอมางั้นสินะ… ใครกันเหรอที่เอาของแบบนั้นมาให้เธอน่ะ?”
มันกวนใจฉันพอควรเลย ก็เลยถามเธอไปแบบนั้น
แค่คิดว่ามีใครซักคน เอาของจากโลกเบื้องหลังมาให้อาคาริเดินถือมันไปๆ มาๆ ด้วยแล้วเนี่ย นั่นต้องมีจุดมุ่งหมายอะไรอยู่แน่―ถ้าให้เจาะจงเลยก็ต้องมีจุดมุ่งหมายร้ายๆ แน่นอน―หลังการกระทำแบบนี้น่ะ
“เป็นครูสอนพิเศษของฉันเมื่อปีก่อนค่ะ เธอบอกว่ามันเป็นเครื่องรางที่จะช่วยให้ฉันสอบข้อสอบเข้าผ่านได้ ฉันก็เลยทะนุถนอมเป็นอย่างดีเลย”
“หืม… เธอเป็นคนยังไงเหรอ? มีช่องทางการติดต่อหรือเปล่า?”
“ค่ะ คือเรื่องนั้น ฉันติดต่อเธอไม่ได้มาซักพักนึงแล้วน่ะค่ะตอนนี้ บางที น่าจะตั้งแต่ช่วงเริ่มปีใหม่ล่ะมั้งค่ะ? เราขาดการติดต่อกันไปเกือบจะครึ่งปีได้แล้ว”
อาคาริลดตาเหลือบมองลง พลางพูดออกมาอย่างเศร้าๆ
“เธอชื่อครูอุรุมะค่ะ”
ได้ยินแบบนั้น โทริโกะก็ตาเบิกโพลง รู้สึกเหมือนกับถูกฟ้าผ่าใส่อย่างจังเลย
“อุรุมะ… อุรุมะ ซัทสึกิน่ะเหรอ?”
“เอ๊ะ? ค่ะ ใช่ค่ะ รู้จักเธอด้วยเหรอคะ?”
อาคาริถามออกมาอย่างสับสน แต่โทริโกะกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
อุรุมะ ซัทสึกิ
‘เพื่อน’ ของโทริโกะที่หายสาปสูญไปในโลกเบื้องหลัง คนที่โทริโกะเคารพรัก และยังคงเสี่ยงชีวิตตามหาตัวอยู่
ตอนได้เจอกับอาคาริครั้งแรก ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินชื่อนี้ออกจากปากของเธอ มันแน่อยู่แล้วล่ะว่าฉันตกใจมาก แต่คิดว่ามันจะส่งผลกับโทริโกะมากขนาดไหนล่ะ?
ดูจากท่าทางของเธอก่อนหน้านี้ เธอคงไม่เคยรู้มาก่อนแน่นอนเลยว่าคุณซัทสึกิไปเจอกับคนอื่นด้วย
ฉันนึกว่าเธอจะเค้นเอารายละเอียดจากอาคาริเพิ่มซะอีก แต่ตรงข้ามเลย โทริโกะกลับเงียบไป แล้วก็กลับบ้านไปคนเดียวเลย
ถ้าพิจารณาเอาจากข้อมูลที่ฉันมีจากที่ทั้ง 2 คนบอกมาแล้ว ช่วงที่อุรุมะ ซัทสึกิสอนพิเศษให้เซโตะ อาคาริ กับช่วงที่เธอบอกเล่าเรื่องของโลกเบื้องหลังให้โทริโกะรู้แล้วออกไปสำรวจด้วยกันเนี่ยจะซ้อนทับกันพอดี ฉันมั่นใจเลยว่าโทริโกะเชื่อมาตลอดว่าเธอเป็นคนสนิทที่สุดของอุรุมะ ซัทสึกิ แต่นี่ก็เป็นหลักฐานพิสูจน์อย่างดีเลยว่าจริงๆ เธอออกมาเจอกับเด็กคนนี้ด้วยโดยที่เธอเองก็ไม่รู้มาก่อนเลย ข้ออ้างที่ว่าเป็นแค่การรับงานสอนพิเศษอีกงานนึงเฉยๆ มันก็ใช้ไม่ได้ เพราะโทริโกะที่ถูกอุรุมะ ซัทสึกิเจอตัวในการสอนพิเศษ ก็ยังถูก ‘ทาบทาม’ ให้มาเป็นเพื่อนร่วมทางในการเดินทางสำรวจโลกเบื้องหลังด้วยเลย
โทริโกะน่าสงสารจัง ฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกอยู่นะว่าทำไมเธอถึงกลับบ้านไปโดยไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ
ยังไงโทริโกะก็ต้องอยากได้ข้อมูลอะไรซักอย่างที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคุณซัทสึกิอยู่แล้ว แต่เธอไม่อยากได้ยินมันจากอาคาริ เดี๋ยวเธอก็น่าจะทำใจได้กับเรื่องนี้ได้นั่นแหละ แต่ยังไม่ใช่เดี๋ยวนี้แน่นอน ขนาดฉันที่ถูกมองว่าขาดอารมณ์ความเป็นมนุษย์ไปยังมองออกเลย
เพราะแบบนั้นแหละ วันต่อมา ตอนที่ฉันส่งข้อความไปถามเธอเรื่องออกมาตามหาเกทด้วยกัน แล้วเธอส่งกลับมาแค่สติกเกอร์ขอพักเพราะรู้สึกไม่ดีเนี่ย ฉันถึงได้ไม่แปลกใจเลย
ไม่เป็นไรหรอก โทริโกะ พักผ่อนไปก่อนได้เลยนะ ฉันเข้าใจ
ฉันเตรียมพร้อมออกไปตามหาเกทด้วยตัวคนเดียว สภาพเต็มเปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ
แต่ ก่อนหน้านั้นเนี่ย―ก่อนที่ฉันจะลืม ฉันเอาสิ่งแปลกปลอมรูปร่างเหมือนเปลือกหอยทะเลนั่นไปให้คุณโคซากุระก่อนดีกว่า เธอไม่ขี้เหนียวกับฉันหรอก แต่เธอก็ต้องเตรียมการก่อนอยู่ดีถึงจะเปลี่ยนมันเป็นเงินสดได้; เพื่อตรวจสอบวัตถุชิ้นนั้น กับเตรียมเงินเอาไว้ให้เรียบร้อย
ฉันลงจากรถไฟสายเซบุที่สถานีสวนสาธารณะชาคุจิอิ หลังจากผ่านย่านการค้ามาแล้ว เดินลงมาตามเนินไปหาพื้นที่สวน แล้วก็เลี้ยวไปทางย่านชุมชน เส้นทางตรงนี้คุ้นเคยสำหรับฉันแล้วล่ะ
ระหว่างที่ฉันคิดไปเรื่อยเปื่อยว่า นี่ถ้าเกิดมีเกทซักอันอยู่แถวนี้นะ คงจะสะดวกสบายดีเลย ฉันก็ใช้ตาข้างขวามองลงไปตามถนนที่มีไอร้อนระอุขึ้นมา เมื่อวานฉันก็มองตรงนี้ไปแล้วนั่นแหละ แต่ก็เผื่อไว้ก่อนไง…
ไม่ล่ะ มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ตาฉันก็แค่ล้า แล้วฉันก็มาถึงบ้านของคุณโคซากุระได้อย่างง่ายดาย ฉันเดินเข้าประตูรั้วหน้าบ้านมา แล้วก็สะดุ้งตกใจที่ยังเห็นเจ้าเครื่อง AP-1 ยังตั้งอยู่ตรงนั้นอยู่เลย
หวา พลาดไปซะแล้วสิ ไม่แปลกเลยที่คุณโคซากุระจะหัวเสียน่ะ เอาจริงๆ เลยนะ แล้วนี่ฉันจะย้ายเจ้าเครื่องนี่ไปไว้ที่โลกเบื้องหลังด้วยวิธีไหนกันล่ะเนี่ย?
ตอนที่ฉันเหนื่อยหน่ายกับตัวเอง ฉันก็มองผ่านเครื่อง AP-1 ไป
ตรงนั้น มีเกทอยู่อันนึง
“…ฮะ?”
ฉันหยุดยืนนิ่ง กระพริบตาปริบๆ ไม่ผิดแน่: นั่นมันเกทจริงๆ
ตรงหน้าประตูบ้านคุณโคซากุระ มีพื้นที่ว่างๆ ขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร สูง 3 เมตร เรืองแสงสีเงินจางๆ ออกมาอยู่
ทำไมล่ะ? มันมาทำอะไรที่นั่นกันล่ะเนี่ย?
“อ๊ะ!”
พอเหตุผลมันแล่นเข้ามาในหัว ฉันก็อุทานขึ้นมาเลย
จริงสิ พอมาลองนึกๆ ดูแล้วนี่ เกทตรงนี้มันก็เคยเปิดออกมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งนึงไม่ใช่เหรอ? ตอนที่พวกเราเปิดประตูออกมาจัดการกับมนุษย์ป้า 3 คนน่ะ มีหน้าใหญ่ๆ โผล่มา แล้วฉันกับคุณโคซากุระก็โดนบังคับลากเข้าไปในโลกเบื้องหลัง
จะว่าไป ฉันไม่เคยตั้งใจใช้ตาขวากับที่นี่มาก่อนเลยนี่นา เกทมันก็ตั้งอยู่ตรงนี้มาตลอดเลย
สำหรับฉัน มันก็สะดวกมากๆ เลยนั่นแหละ แต่ว่า… ถ้าคุณโคซากุระรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ เธอต้องหงายหลังล้มตึงแหงๆ เลย
“ทำอะไรล่ะเนี่ย? เอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ได้”
คุณโคซากุระเรียกฉันในขณะที่กำลังยืนเหม่อมองไปที่เกท ช่วยดึงสติของฉันกลับมาหาตัวได้
คุณโคซากุระออกมาที่ประตูหน้าบ้านทั้งรองเท้าแตะเลย มองมาที่ฉันอย่างงงๆ มาจากใต้ชายคาของบ้าน
“อะ หวัดดีค่ะ…”
ฉันทักทายเธอไปอย่างเก้ๆ กังๆ มันเลยทำให้คุณโคซากุระรู้แล้วว่ามันต้องมีบางอย่างแน่นอน
“อ๋า… นี่เธอยังกังวลเรื่องที่ฉันตะโกนดุไปเมื่อคราวก่อนอยู่งั้นเหรอ? ก็ ฉันคิดว่าฉันอาจจะพูดแรงไปหน่อยนะ ที่ฉันอยู่นี่น่ะ ขังตัวเองอยู่ตามลำพังแล้วแท้ๆ แต่ดันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมาได้ไม่หยุดไม่หย่อน ฉันก็เลยหงุดหงิดน่ะ ขอโทษนะ”
“อ- อ่า ไม่หรอกค่ะ”
“พวกเธอเจอเกทกันรึยัง? ไม่สิ ไม่มีทางหาได้เร็วขนาดนั้นอยู่แล้วล่ะเนอะ?”
“เรื่องหาเกทนี่… เจอแล้วค่ะ แต่มัน…”
“เอ๊ะ? เจอแล้วเหรอ? งานเร็วดีนี่ ต้องมองพวกเธอใหม่กันซะแล้วสิตอนนี้”
“ฮะฮะฮะ… ไม่ต้องชมอะไรฉันหรอกค่ะ จริงๆ นะ…”
เสียงฉันค่อยๆ เล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ
“ยังไงก็เข้ามาก่อนสิ ตรงนี้ร้อนชะมัดเลย เอาไอติมมั้ย?”
ฉันเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของคุณโคซากุระเปล่งประกายออกมาผ่านทางม่านมัวสีเงินตรงหน้าประตูบ้านของเธอนี่ ฉันเดินไปหาเธอพร้อมกับก้าวเท้าหนักๆ พลางคิดสงสัยกับตัวเองว่าจะบอกเรื่องนี้กับเธอยังไงดี
TN: หลากรส หลากอารมณ์ แต่จบลงแบบละครไทย 555