[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 69 ไฟล์ 8 : นกน้อยในกล่อง [6.1]
“กรี๊ดดดดดด!?”
ฉันตกใจจนหลุดกรี๊ดลั่นออกมา ตัวก็ถอยกรูดไปจนหลังชนกับชั้นหนังสือ ฉันชี้ไปที่ด้านหลังของโทริโกะ ในขณะที่เสียงพูดของตัวเองก็สั่นไปหมด
“ข้างหลัง! ข้างหลังน่ะ!”
โทริโกะหันขวับไปมอง ส่วนคุณโคซากุระก็เอามือกุมหัวย่อตัวลงไปตรงนั้นเลย
“เอ๊ะ…? ตรงนั้นมันไม่มีอะไรเลยนะ…?”
โทริโกะบอกมาด้วยน้ำเสียงที่คลางแคลงสงสัย คุณโคซากุระก็ค่อยๆ ลดแขนลงอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปมองข้างหลังเธอทีละนิด
“อะไรของเธอเนี่ย…? อย่ามาทำให้กลัวยังงี้สิ!”
เธอตะโกนใส่อย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านคามิโคชิครับ… มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
คุณมิงิวะถามด้วยเสียงที่ฟังดูเป็นห่วง
แต่ทางฉันเนี่ย กำลังมองไปที่ทั้ง 3 คนแบบไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ไม่เห็นกันจริงๆ เหรอ? ฉันเห็นเธอคนนั้นแบบชัดเต็ม 2 ตาเลยนะ
ฉันเงยหน้าขึ้นไปดูอีกรอบนึงแล้ว อุรุมะ ซัทสึกิก็ยังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย
สายตาของเธอจ้องตรงอยู่ที่โทริโกะแบบไม่กระพริบตาเลย เธอตัวแข็งนิ่งอยู่กับที่ยังกับว่าเป็นภาพนิ่งที่ฉายอยู่ในอากาศ; หัวที่ก้มลงกับแขนขาที่ห้อยต่ำทำให้รู้สึกไม่ดีเลย ในมือขวาของเธอกำลังถืออะไรซักอย่างอยู่ด้วย
ไอ้ของที่เป็นเหมือนสี่เหลี่ยมนั่นมันอะไรน่ะ?
“โซราโอะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เอ๊ะ อ-… อือ”
ดูเหมือนว่าฉันจะกลับมามองที่โทริโกะได้แล้ว เธอลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เดินมาจ้องที่หน้าของฉันแทนแล้วตอนนี้
“เธอเห็นอะไรที่ตาขวาของเธองั้นสินะ?”
เธอถามฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ฉันก็ไม่จะบอกยังไงดี
ฉันเผลออุทานไปแล้วด้วยสิ แต่ต่อให้เธอจะรู้ว่าฉันเห็นอะไรซักอย่างแน่ๆ ฉันก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วปิดเรื่องที่ว่าที่ฉันเห็นนั่นคืออุรุมะ ซัทสึกิได้อยู่นี่นา เอาไงดีล่ะทีนี้? ฉันจะหนีให้พ้นจากสถานการณ์ตรงนี้ยังไงดี?
ได้เวลายอมแพ้ แล้วก็ยอมบอกเธอไปเลยดีมั้ย? ว่าคุณซัทสึกิโผล่ขึ้นมาในห้องนี้แล้ว แถมตอนนี้เลยเนี่ย เธอก็กำลังจ้องลงมาที่โทริโกะด้วย…
ระหว่างที่ฉันกำลังอยู่ท่ามกลางการตีกันอย่างดุเดือดของเสียงในใจฉันที่บอกให้ฉันควรจะบอกข้อมูลสำคัญนี่ต่อให้ทุกคนได้รู้ กับความรู้สึกที่ไม่อยากจะทำแบบนั้นเลยซักนิดเดียว ตัวฉันมันก็แข็งนิ่งไปเลย
พอฉันพูดอะไรไม่ออกแบบนี้ ฉันก็เลยส่ายหน้าให้ช้าๆ แทน
“ม-… ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไรหรอก!”
พอฉันตะโกนคำโกหกที่มันไม่น่าเชื่อเลยซักนิดออกไป ฉันก็เห็นของเหลี่ยมๆ มันตกลงมาตรงมุมสายตา กระแทกกับพื้นพร้อมเสียงดัง *ตุบ*
มันเป็นกล่องลูกบาศก์งานไม้ ความยาวด้านประมาณ 20 เซน ดูเหมือนจะประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนเล็กๆ มากมายเหมือนเป็นภาพโมเสกที่ทำจากไม้เลย แถมยังมีรอยต่อที่ซับซ้อนวิ่งไปทั่วแต่ละหน้าของลูกบาศก์นี้ด้วย แล้วมันไม่มีฝาเปิดให้เห็นเลย―――นี่มันของที่อุรุมะ ซัทสึกิเพิ่งจะถืออยู่ในมือนี่นา
ตอนที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง ผู้หญิงที่ลอยอยู่ในอากาศคนนั้นก็หายวับไปแล้ว
“นี่มันอะไร…?”
คุณมิงิวะออกเสียงเป็นการกระซิบอย่างสงสัย ทั้ง 3 คนจ้องตรงไปที่กล่องใบนั้นที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันเปลี่ยนมามองด้วยตาขวาทันทีตามสัญชาตญาณ แล้วกล่องใบนั้นก็มีแสงเรืองสีเงินหุ้มอยู่รอบๆ แบบจ้าสุดๆ ไปเลย
เหมือนมันมีอะไรซักอย่างพยายามจะออกมาจากหน้าของกล่องใบนี้ด้วย
มันเป็นนกตัวอ้วนที่มีจะงอยปากสั้นๆ ที่ดูเหมือนนกอีเสือเลย; ตัวมันเป็นสีแดงโปร่งแสง กับปีกที่น่าจะยาวพอๆ กับนิ้วมือเท่านั้นเอง
TN: モズ (Mozu) หรือนกอีเสือ (Shrike) เป็นนกขนาดเล็ก มีจะงอยปากสั้นกว่าส่วนหัว เป็นนกกินเนื้อที่ล่าเหยื่อด้วยการบินโฉบจับแมลง สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงนกขนาดเล็กเป็นอาหาร ด้วยการฉีกกินเหมือนสัตว์กินเนื้อ บางครั้งหากกินไม่หมด ก็จะนำซากสัตว์ไปซุกซ่อนตามคาคบไม้หรือเสียบไว้ตามกิ่งไม้หรือลวดแหลม แล้วค่อยย้อนมากินทีหลัง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวที่เหมือนเสือก็คือที่มาของชื่อ
คุณโคซากุระที่อยู่ใกล้กับกล่องใบนั้นที่สุด ยังทำแค่ก้มดูมันอย่างขวัญเสีย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเจ้านกสีแดงตัวนั้นเลย
นกตัวนั้นกางปีกออกและพุ่งขึ้นมาในอากาศ พอฉันเห็นว่าจะงอยของมันชี้ตรงไปหาทางคุณโคซากุระ ฉันก็รู้สึกได้ว่านี่มันชักจะท่าไม่ดีสุดๆ ไปเลย
“คุณโคซากุระ! ฟัง―”
ฉันพยายามจะเตือนเธอ แต่เจ้านกตัวนั้นก็กระพรือปีกบินพุ่งเข้าใส่คุณโคซากุระแล้ว
ฉันเลยผลักคุณโคซากุระออกไปก่อนโดยไม่ทันคิดเลย
“หวา…!?”
ตัวคุณโคซากุระเบามากเลย ฉันอาจจะไม่ได้มีแรงมากมายอะไรขนาดนั้นหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะความฉุกเฉินของสถานการณ์ก็ได้ที่ดันไปปลดกำลังแฝงอะไรซักอย่างในตัวฉันขึ้นมาซะงั้น เธอก็เลยกระเด็นไปไกลกว่าที่ฉันตั้งใจเยอะอยู่ คุณโคซากุระถอยไปไหล่กระแทกกับชั้นหนังสือข้างหลังจนร้องออกมาเลย
“โอ้ย! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยฮะ!?”
“ข- ขอโทษค่ะ เมื่อกี้นกมัน…”
ฉันพูดข้ออ้างที่ดูไร้สาระออกไป ในขณะที่ยังมองหานกสีแดงไปรอบๆ ว่ามันไปไหนกันแน่
ไม่เห็นเลย… ไปไหนแล้วล่ะ?
รู้ตัวอีกที โทริโกะก็มองมาทางฉันด้วยสีหน้าดุๆ แล้ว
“อ- อะไรเหรอ?”
“โซราโอะ―”
โทริโกะยื่นมือมาทางฉัน แวบนึง ฉันคิดว่าเธออาจจะตบหน้าฉันก็ได้ ก็เลยเอี้ยวหัวหลบ
มือของเธอตบลงมาที่บ่าของฉัน แล้วหัวของเธอก็ร่วงลงมาตกที่อกฉัน
“ท- โทริโกะ?”
“อึก…”
หน้าเธอซีดจนน่ากลัว แถมท่าทางก็เกร็งไปหมดเลย
“นี่! เกิดอะไรขึ้น!?”
คุณโคซากุระรู้สึกขึ้นมาแล้วว่ามีอะไรซักอย่างผิดไปแล้วแน่ๆ ก็เข้ามาช่วยฉันพยุงตัวโทริโกะเอาไว้
“ท้อง… มันเจ็บ…”
เธอพูดตอบทั้งที่ยังกัดฟันแน่น
พอฉันกับคุณโคซากุระช่วยประคองตัวโทริโกะมานั่งเก้าอี้ได้เรียบร้อย โทริโกะก็โก่งตัวคุดคู้เพราะความเจ็บปวด นกสีแดงตัวนั้นบินออกมาจากทางหลังของเธอ ฉันมองตามมันที่บินวนเป็นวงกลมอย่างทำอะไรไม่ได้ ก่อนที่มันจะกลับลงไปในกล่อง
บ้าเอ๊ย! ทำอะไรของฉันเนี่ย?
เจ้านกแดงนั่นมันอันตรายอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกจริงๆ ด้วย พอฉันไปช่วยคุณโคซากุระ มันก็ไปจัดการโทริโกะแทนงั้นเหรอ!
“ลูกบาศก์นี้… หรือว่าจะ”
คุณมิงิวะจ้องพินิจพิเคราะห์กล่องใบนั้นอยู่ อาการหน้าซีดของเขาเปลี่ยนไปเลย
“รู้แล้วเหรอคะว่ามันคืออะไร!?”
ฉันถามกดดันเขาไป
“นี่เป็นหนึ่งใน UBL อาร์ติแฟกต์ที่คุณอุรุมะเก็บกลับมาครับ มันควรจะถูกเก็บเอาไว้ภายใต้การปิดล็อกอย่างแน่นหนาที่ห้องเก็บของ แล้วมันมาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
มันมาที่นี่ได้ยังไงน่ะเหรอ? ก็เธอเองเลยนั่นแหละ―ไม่ก็อย่างน้อย ก็อาจจะเป็นตัวอะไรซักอย่างที่คัดลอกรูปร่างหน้าตาของเธอมา―ที่เอามันมาโยนทิ้งไว้ตรงนั้นน่ะ
“เธอบอกว่าไปเก็บมันมาจากในภูเขาที่ไม่ค่อยมาผู้คนเข้าไปถึง ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งของต้องสาป ผมได้ยินมาว่ามันสามารถทำให้อวัยวะภายในของผู้หญิงและเด็กที่อยู่ใกล้กับมันนั้นได้รับบาดเจ็บได้”
คุณมิงิวะอธิบายในขณะที่ก้มลงไปมองที่กล่องใบนั้น
“ถ้าผมจำไม่ผิด มันชื่อว่าโคโทริบาโกะนะครับ”
ฉันจ้องไปที่กล่องไม้นั่นแบบอึ้งไปเลย
อย่างอื่นมีอีกเป็นร้อยเป็นพัน… ดันเป็นไอ้ของตัวปัญหานี่เนี่ยนะ! [โคโทริบาโกะ (コトリバコ)] ที่เป็นเรื่องเล่าน่ากลัวจากจังหวัดชิมาเนะสินะ
วันนึง เพื่อนที่แวะเยี่ยมบ้านของผู้เล่าเรื่องได้เอากล่องไม้เก่าๆ ใบนึงที่เธอบอกว่าไปเจอมันในเพิงเก็บของมา พอเพื่อนของเขาอีกคนที่มีสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติเป็นอย่างดีได้เห็นกับมันเข้า เขาก็หน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบโทรไปหาพ่อของตัวเองที่เป็นนักบวชชินโตทันที เพื่อนคนนั้นได้บอกว่ามีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้และสามารถรับมือกับมันได้ พร้อมกับลงมือทำพิธีปัดเป่าที่น่าทึ่งตรงนั้นทั้งๆ ที่ยังร้องไห้น้ำตาไหลพราก ยังไอค่อกแค่กไม่หยุดเลย
หลังจากที่จัดการพิธีจนจบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพื่อนคนที่ทำพิธีก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว เมื่อผู้เล่าเรื่องถามขอคำอธิบาย เขาก็บอกว่ากล่องใบนั้นคือโคโทริบาโกะ และมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะฆ่าล้างเป้าหมายให้สูญสิ้นไปทั้งสายเลือด
ของจากเรื่องเล่าทางเน็ตที่พอจะดังอยู่พอควรนั่น ที่แค่เข้าไปใกล้ๆ ก็อันตรายแล้วเนี่ย มาอยู่ตรงหน้าฉันแล้วตอนนี้
ทำไมเธอต้องเอาเจ้านี่มาตรงนี้ด้วยฮะ!? อุรุมะ ซัทสึกิ!?
ฉันจะพูดว่ายัยนั่นพยายามจะทำร้ายพวกเราชัดๆ เลยได้แล้วใช่มั้ยเนี่ยฮะ? เธออยากจะทำร้ายอวัยวะในท้องของโทริโกะเพื่ออะไรน่ะ? พวกเธอไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรือไง?
พอเห็นโทริโกะเจ็บแบบนั้น ฉันก็เครียดยิ่งกว่าทุกทีซะอีก ฉันใช้ตาขวาจ้องเขม็งไปที่โคโทริบาโกะ พร้อมกับที่พูดกับคุณมิงิวะโดยที่ไม่ละสายตาออกมาเลย
“คุณมิงิวะ มีไม้แข็งๆ หรือเปล่าคะ? แบบที่ทุบกล่องใบนี้ให้แตกได้น่ะค่ะ”
“มีครับ”
พอคุณมิงิวะสะบัดแขนขวา ก็มีเสียงกระทบของโลหะดังขึ้น จากนั้น แขนที่เขายื่นออกมาของคุณมิงิวะก็มีกระบองตำรวจยืดได้อยู่ในมือแล้ว
นี่เขาพกของแบบนี้ติดตัวไว้ตลอดเลยเหรอเนี่ย? เป็นคนที่น่ากลัวชะมัดเลย
ฉันแอบคิดแบบนั้นนะ แต่ก็พูดออกไปต่ออยู่ดี
“ช่วย ทุบมันให้แตกไปเลยทีค่ะ เดี๋ยวนี้เลย”
“พังมันเลยจะไม่เป็นไรเหรอครับ?”
“ถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น มันจะฆ่าโทริโกะได้เลยค่ะ ทางคุณมิงิวะน่าจะไม่เป็นไรนะคะ”
คุณมิงิวะตอบด้วยการพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น”
เขาเหวี่ยงแขนไปข้างหลัง ก่อนจะทุบกระบองตำรวจในมือหวดใส่ไปเต็มๆ
กล่องนั่นไม่ได้ร้าวเลยซักนิด มีแค่เสียงกระแทกทึบๆ ดังออกมายังกับว่าเขาหวดกระบองใส่กำแพงยังไงยังงั้น
ก่อนที่พวกนกจะพากันบินกรูออกมายังกับว่าจะออกมาแก้แค้นที่ทุบกล่องไปเมื่อกี้นี้เลย
“ย-… หยุด! หยุดก่อนค่ะ!”
ฉันหยุดคุณมิงิวะเอาไว้ก่อนที่เขาจะหวดกระบองลงไปทุบเป็นครั้งที่ 2
คุณมิงิวะหยุดมือเอาไว้ และลดกระบองลง เจ้านกต้องสาปที่เขามองไม่เห็นบินแยกกันออกมาเป็น 2 กลุ่ม ก่อนจะบินวนรอบผ่านเขาไปทางซ้ายกับทางขวา
พวกมันพากันบินช้าๆ มาทางโทริโกะที่ยังนั่งโอดครวญอยู่บนเก้าอี้อยู่เลย ฉันยื่นมือพุ่งออกไปไว้ตามสัญชาตญาณ พยายามจะขวางพวกมันเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ผล ฝูงนกสีแดงนั่นบินทะลุผ่านฝ่ามือของฉันไปโดยที่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิด
“อื้กกก…”
โทริโกะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทุกครั้งที่มีนกสีแดงนั่นบินทะลุผ่านเธอไปตัวนึง เธอก็ร้องขึ้นมายังกับถูกมีดแทงใส่ทุกครั้งเลย
พวกนกสีแดงที่บินทะลุผ่านตัวของเธอแล้วกลับมาที่กล่อง แต่ละตัวคาบอะไรซักอย่างแดงๆ อยู่ในจะงอยปากของมันด้วย ยังกับว่าพวกมันพากันมารุมทึ้งตับไตไส้พุงของเธอยังไงยังงั้นแหละ
แถม บางที พวกนกสีแดงอาจจะรู้สึกได้ว่าฉันพยายามเข้าไปขวางพวกมันด้วย เพราะพวกมันบินเข้ามาหาฉันต่อเป็นรายต่อไปแล้ว
ก่อนที่ฉันจะทันหลบไปไหน นกสีแดงตัวนึงก็โผเข้ามาใกล้กับตรงสะดือของฉัน พริบตานั้น ฉันก็รู้สึกไม่ดีสุดๆ ในท้องของตัวเองขึ้นมาเลย พร้อมๆ กับความเจ็บแปล๊บเหมือนมีอะไรเข้ามาทิ่มอยู่ข้างในเลย
“โอ้ย…”
มันเจ็บจนร้องออกมาเลย ฉันยังไม่รู้สึกว่านกตัวนั้นมันบินทะลุไปอีกฝั่งเลยนะ แต่นี่มันก็เจ็บพอจะทำให้ฉันอยากจะลงไปนั่งมันซะตรงนี้เลยเนี่ย
แล้วฝูงนกสีแดงนั่นก็เปลี่ยนเส้นทางการบินของพวกมันยังกับจรวดที่ล็อกเป้าเอาไว้แล้ว มันเหมือนกับกำลังดูระเบิดแบบสโลว์โมชั่นเลย ระเบิดที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา โดยที่เศษสะเก็ดระเบิดทุกชิ้นมันติดตามเป้าหมายของมัน แล้วก็เจาะทะลุเป้าหมายให้พรุนทั้งตัว
แถมดูแล้วเนี่ย ต่อให้ฉันพยายามหลีกออกจากแนวการบินของพวกนกก็คงจะไม่ได้ผลอะไรอยู่ดี
ฉันเห็นพวกมันได้ แต่หลบพวกมันไม่ได้ ทำได้แค่มองพวกสะเก็ดระเบิดพวกนั้นเข้ามาหาอย่างช้าๆ แล้วรอให้พวกมันฉักฉันเป็นชิ้นๆ―จะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ สิ่งของต้องสาปชิ้นนี้มันมีผลชัดเจนเต็มตาเลย
“นี่ โซราโอะจัง มันเกิดอะไรขึ้น?”
คุณโคซากุระถามขึ้นในขณะที่ยังลูบหลังของโทริโกะอยู่
“ท-… โทริโกะถูกคำสาปของโคโทริบาโกะค่ะ พวกเราพยายามจังทำลายมันทิ้ง แต่กลายเป็นว่าพวกเราดันไปแหย่รังแตนซะงั้น”
ฉันอธิบายด้วยสีหน้าบึ้งตึงจากอาการเจ็บแปล๊บและความรู้สึกหนาววาบขึ้นมา
“ตอนนี้ คุณเองก็เสี่ยงเหมือนกันนะคะ รีบออกจากห้องนี้ก่อนเลยเถอะนะคะ ฉันขอ”
“แล้วโซราโอะจังล่ะ?”
“ฉันจะ… ทำอะไรซักอย่างดู”
“จะทำอะไรล่ะ?”
“อันนั้นไว้ค่อยคิดอีกทีนึงค่ะ”
ฉันเร่งสมองขึ้นท็อปเกียร์แล้ว นี่ถ้าเกิดกระสุนใช้ได้ผลล่ะก็ ฉันคงยิงมันให้เละเป็นเศษไม้ไปแล้วล่ะตอนนี้ แต่เจ้านี่มันดูเหมือนจะไม่มีทางพังได้ยังงั้นแหละ แล้วฉันที่ไม่ได้เป็นคนไล่ผีจะจัดการเจ้ากล่องนี่ได้ยังไงกันนะ?
ตามเรื่องราวต้นฉบับนี่ มันต้องมีอะไรซักอย่างอยู่ในกล่องใบนั้นสินะ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมีนิ้วคนที่ถูกตัดขาดออกมาซัก 2-3 นิ้ว กับสายสะดือเด็กล่ะมั้ง
แต่… แกนกลางของคำสาปมันถูกปกป้องเอาไว้ด้วยกล่องที่อยู่เป็นเปลือกนอก ถ้าเกิดจัดการของที่อยู่ข้างในตรงๆ ไม่ได้ ก็กำจัดรากเหง้าของคำสาปไม่ได้หรอก
ต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเพื่อเปิดกล่องนั่นออกให้ได้
ฉันเอามือกุมท้องของตัวเอง ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้โทริโกะแล้วก็ตีแก้มเธอเบาๆ
“โทริโกะ ช่วยทีสิ”
“อึก…”
“ฉันรู้ มันเจ็บสินะ ขอโทษ แต่พวกเราต้องลงมือแล้ว”
เธอเงยหน้าที่เลือดหายไปจนซีดขึ้นมาหาฉัน
“คราวนี้ ฉันต้องแตะอะไรเหรอ…?”
ฉันละสายตาไปจากสีหน้าที่เจ็บจนบิดไปหมดไม่ได้เลย คิ้วขมวดกันแน่น ผมชุ่มเหงื่อจนแนบกับหน้าผาก แก้มที่กระตุกเพราะความเจ็บปวดที่มาเป็นระยะๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะว่าเธอจะทำสีหน้าแบบนี้ได้ด้วย…
“โซราโอะ…”
“ช-… ใช่ อืม เห็นกล่องตรงนั้นมั้ย? นั่นแหละที่ทำให้เธอเจ็บท้องอยู่แบบนี้น่ะ”
ฉันดึงสติกลับมาแล้วก็อธิบายให้ฟัง โทริโกะก็หันไปดูที่กล่องบ้าง
“โอเค… แล้ว?”
“เธอจำที่เราแยกส่วนหมวกของท่านฮัชชาคุตอนที่หนีจากชายหาดได้มั้ย? เราจะทำแบบนั้นอีกรอบนึง”
“หมายถึง จะเปิดเกทเหรอ?”
“เปล่า จะว่ายังไงดีล่ะ? มันมีอะไรซักอย่างอยู่ในกล่องนั่นที่ทำให้เกิดคำสาปน่ะสิ ขอแค่เราเปิดมันออกมาได้ ฉันว่าเราก็น่าจะทำลายมันทิ้งตรงๆ ได้แล้วนะ”
“…เธอนี่สุดๆ ไปเลยนะ โซราโอะ”
โทริโกะพูดขึ้น ก่อนจะรอยยิ้มเกิดขึ้นบนหน้าซีดๆ ของเธอ
ฉันหันกลับไปหาคุณมิงิวะ
“พวกเราจะเปิดกล่องแล้วค่ะ ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะมีอะไรออกมาหรือเปล่า เพราะงั้น ขอให้ออกไปอยู่ข้างนอกห้องนี้เผื่อเอาไว้ก่อน แล้วก็ ฝากดูคุณโคซากุระแทนพวกเราด้วยนะคะ”
“ผมทำแบบนั้น―”
คุณมิงิวะพยายามจะปฏิเสธ แต่ฉันก็รีบพูดสวนไปก่อน
“ฉันไม่รู้เรื่องของทางคุณมิงิวะนะคะ แต่การให้คุณโคซากุระอยู่ใกล้กับโคโทริบาโกะมันจะอันตรายมากๆ พวกเราดูแลตัวเองกันได้ เพราะงั้น ถ้ามีอะไรไปทางนั้นล่ะก็ ขอให้ช่วยปกป้องเธอด้วยนะคะ”
คุณมิงิวะดูจะยังลังเลอยู่เหมือนกัน แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ยอมพยักหน้าให้
“…ได้ครับ”
“เดี๋ยว! โซราโอะจัง! ฉัน―”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่มีเวลาคอยดูคุณจริงๆ ค่ะ”
พอคุณโคซากุระมองดูสีหน้าของฉันแล้ว เธอก็กัดริมฝีปากแน่น
“เข้าใจแล้ว… ระวังตัวกันด้วยนะ”
TN: เจอของอาถรรพ์ขนานแท้เข้าให้ซะแล้ว!
(นอกจากความหมายของมันจะแปลว่า [กล่องนกน้อย] แล้ว ยังพ้องเสียงกับคำว่า [กล่องช่วงชิงเด็ก] ได้อีกด้วยนะ)