[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 71 ไฟล์ 8 : นกน้อยในกล่อง [6.3]
ฉันคลานไปหาเป้ของตัวเองที่พิงอยู่กับกำแพง รูดซิปเปิดออก แล้วฉันก็ชักมาคารอฟออกมา
เอาจริงๆ รู้สึกว่าถ้ามีไรเฟิลจู่โจมน่าจะช่วยให้อุ่นใจได้มากกว่านี้นะ แต่มันยังแยกเป็นชิ้นๆ อยู่ในกระเป๋านี่อยู่เลย ตอนนี้ ฉันก็เลยเอามาใช้ไม่ได้
ถ้าเกิดโทริโกะยอมสอนฉันดีๆ แทนที่จะทำท่าทางเหมือนจะรำคาญละก็นะ… ไม่สิ ต่อให้จะทำเป็น ตอนนี้มันก็ไม่มีเวลาอยู่ดีนั่นแหละ
หญิงชุดดำคนนั้นหยุดก้าวเดินแล้ว หยุดอยู่ตรงที่โทริโกะกำลังนอนอยู่พอดีเลย พอฉันยกปืนชี้ไปหาเธอ ดวงตาสีน้ำเงินที่ลึกสุดหยั่งถึงคู่นั่นก็จ้องกลับลงมาหาฉัน
เธอเป็นของจริงงั้นเหรอ? ผู้หญิงกังหันลมน่ะเป็นสัตว์ประหลาดแน่นอน แต่ครั้งนี้เป็นรูปร่างมนุษย์เลยนะ ตาขวาของฉันเห็นภาพแบบเดียวกันกับตาซ้ายเลย
ตอนที่ได้มองดูดีๆ แล้วเนี่ย ถึงได้เห็นนะว่าเธอสวยขนาดไหน แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปอีกเนี่ยสิ นี่ถ้าเกิดจู่ๆ เธอก็เปลี่ยนหน้าไปเป็นหน้าที่น่ากลัวสุดๆ แบบคันคันดาระล่ะก็ การเปลี่ยนไปแบบปุบปับนั่นคงทำฉันตกใจหัวใจวายตายอยู่ตรงนี้แหงๆ
“คุณคือ… คุณซัทสึกิเหรอ?”
ฉันถาม แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเธอละออกจากฉันแล้วก็ไปจ้องอยู่ที่โทริโกะแทน รู้สึกลางไม่ดีสุดๆ ไปเลย
แล้วชั่วพริบตาต่อมา ก็มีเสียงกระพือปีกเล็กๆ จำนวนเยอะมากๆ ดังขึ้นมา
ฝูงนกสีแดงนั่นโผบินขึ้นไปในอากาศพร้อมกันหมดทุกตัวเลย เสียงร้องที่ฉันได้ยินเหนือหัวมันไม่เหมือนเสียงนกเลย มันเหมือนกับเสียงคนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระซิบกระซาบที่ให้ความรู้สึกไม่ดี เสียงอู้อี้ฟังไม่ชัดเหมือนพูดกันมาจากอีกฟากนึงของกำแพง นกพวกนั้นมองลงมาที่พวกเรา ก่อนจะหักจะงอยลงมา เหน็บปีกหุบเข้าหาตัว แล้วดิ่งตรงมาที่พวกเรา
ถ้าเกิดโดนคำสาปพวกนั้นพร้อมกันรวดเดียวล่ะก็ พวกเราเจ็บเห่แน่ ร่างกายของฉันไม่เหลือแรงพอที่จะทนมันได้ไหวหรอกนะ ฉันหลับตาปี๋ รอความเจ็บปวดขนานหนักที่จะถาโถมเข้ามาใส่
ไม่มาเหรอ
แสดงว่า ฉันไม่ใช่เป้าหมาย!
ฉันลืมตาขึ้นมาในตอนที่ฝูงนกถาโถมกันจมดิ่งลงไปในตัวของโทริโกะด้วยความรุนแรงที่น่าเหลือเชื่อพอดีเลย
“ไม่นะ!”
เสียงตะโกนของฉัน ถูกเสียงกระแทกของปีกกลบไปจนหมด
ทันทีที่คำสาปทั้งหมดหายเข้าไปในท้องของโทริโกะ ตัวเธอที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นก็กระตุกขึ้นมา
ก่อนที่จะมีลมหมุนที่รุนแรงก่อตัวจากในท้องของโทริโกะพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า เหมือนกับเค้าโครงตอนที่ตัวของโทริโกะถูกแยกออก เมื่อตอนที่พวกเราต้องเจอกับผู้หญิงกังหันลมเลยนี่นา เธอถูกดูดขึ้นไปบนฟ้าด้วยแรงที่ไม่ได้เบาไปกว่าเมื่อตอนนั้นเลย สาวชุดดำยังคงก้มมองดูโทริโกะอยู่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก
โทริโกะจะโดน… โดนเอาตัวไปแล้ว!
ฉันยกมาคารอฟขึ้นเล็ง แล้วเหนี่ยวไกออกไป
ไม่มีความลังเลเลยซักนิดเดียว กระสุนปักเข้าเต็มอกซ้ายของผู้หญิงคนนั้นเลย เธอหันหัวกลับมา มองมาทางฉัน ที่ยังคงยิงต่อไปอีก ใช้มือทั้ง 2 ข้างประคองตัวปืนเอาไว้เพื่อต้านกับแรงดีดของมัน
พลาด
ไหล่ขวา
ต้นแขนซ้าย
พลาด
คอ
หน้า
หน้าอีกนัด
กระสุนหมด
ฉันลดปากกระบอกของมาคารอฟที่มีควันโชยออกมาลงแล้วมองไปข้างหน้าตัวเอง กระสุน 8 นัด เข้าเป้าไป 6 แต่สาวชุดดำคนนั้นก็ยังยืนได้อยู่เลย ตรงจุดที่ถูกยิงมันทะลุออกไปจนเป็นรูโหว่ แต่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาซักหยด
ผู้หญิงคนนั้นยืนโยกไปมาเหมือนต้นไม้ลู่ไปตามลม รูกระสุนทั้งหมดค่อยๆ ฟื้นสภาพกลับมาเป็นปกติต่อหน้าต่อตาฉัน เหมือนกับฮอร์นแมนที่สถานีคิซารากิเลย แค่ช้ากว่า…
เรื่องปรากฏการณ์ที่มันเกิดกับโทริโกะอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ถึงนี่มันจะพอแล้วก็เถอะในการหยุดผู้หญิงกังหันลมน่ะ การพังกล่องโคโทริบาโกะมันไม่ได้ผล ยิงหญิงชุดดำคนนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ กระสุนในมาคารอฟของฉันก็ไม่เหลือแล้ว เหลืออะไรอีกมั้ยเนี่ยที่ฉันพอจะทำได้น่ะ?
“…อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วด้วยนะ”
ในเมื่อเรื่องมันมาถึงตรงนี้ ก็มีแต่ต้องทำเท่านั้นแหละ
“เธอผิดเองนะที่ไม่ยอมตื่นให้เร็วกว่านี้ เข้าใจไว้ด้วยล่ะ?”
ฉันกระซิบบอกคำแก้ตัวที่เธอไม่มีทางจะได้ยินอยู่แล้วออกไป ก่อนจะเพ่งตาขวาของตัวเองมองไปที่โทริโกะ
การใช้ตาขวาของฉันกับมนุษย์ เมื่อเร็วๆ นี้ ตอนที่ฉันใช้มันกับคาราเทก้า ฉันก็เกือบจะทำให้เธอเสียสติไปอยู่แล้ว
ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็พยายามเต็มที่เลยที่จะไม่เพ่งไปที่ใครก็ตามที่เข้ามาในลานสายตาฝั่งขวาของตัวเอง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าฉันอาจจะเสียโทริโกะไปก็ได้ นี่เป็นวิธีการเดียวแล้วที่ฉันพอจะคิดออกที่จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ตรงหน้านี้ได้
ในร่างกายของโทริโกะที่ตอนนี้ฉันจับตามองอยู่ด้วยตาขวาของตัวเอง ฉันเห็นวัตถุรูปร่างเหมือนโดนัทอยู่ด้วย เป็นพวกนกสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนที่บินเข้าไปในตัวของของโทริโกะก่อนหน้านี้นั่นแหละ ทุกตัวบินวนไปรอบๆ กันเร็วมากจนเหมือนกับว่าตัวของพวกมันซ้อนทับกันไปแล้ว วัตถุที่งอกขึ้นมาจากตรงใจกลางวงเป็นวัตถุเรขาคณิต 3 มิติที่ดูเหมือนขนอ่อนของนกเลย
ฉันยังจำข้อมูลที่โทริโกะพูดออกมาตอนที่พวกเราเจอกับผู้หญิงกังหันลมได้อยู่ ถ้าเกิดมันมีตัวตนที่เราไม่รู้อยู่อีกด้านของแสงสีฟ้านั่น แล้วพวกมันก็พยายามจะติดต่อกับพวกเราด้วยล่ะก็ อะไรกันล่ะที่พวกมันพยายามจะทำความเข้าใจพวกเรา?
มันจะเปลี่ยนแปลงพวกเราไปเป็นสิ่งที่พวกมันทำความเข้าใจได้หรือเปล่า? มันคือกระบวนการแบบที่ฉันกำลังอยู่เห็นอยู่ตอนนี้ใช่มั้ยเนี่ย?
*ฟู่ว* เสียงเหมือนกับลมรั่วดังขึ้นมา
โทริโกะอ้าปากออก เริ่มหายใจเข้าแล้ว
ฉันตะโกนออกไป แทบจะทุบพื้นแรงๆ ด้วยความโล่งใจอยู่แล้ว
“โทริโกะ! ต―”
แล้วฉันก็นึกได้พอดี
ท่าไม่ดีแล้ว ถ้าเกิดเธอได้สติขึ้นมาตอนนี้ล่ะก็ เธอก็จะเห็นผู้หญิงที่ยืนค้ำพวกเราอยู่ตอนนี้น่ะสิ
ฉันทิ้งมาคารอฟในมือ ก่อนจะโยนตัวเองไปหาโทริโกะ ฉันเข้าไปขวางตรงหน้าเธอที่กำลังไอหลังจากที่กลับมาหายใจอีกครั้งนึง แล้วก็กำลังจะลืมตาอยู่แล้ว พร้อมกับกอดหัวของเธอเอาไว้แน่น
“ซ-… โซราโอะ ทำอะไรน่ะ…?”
“อย่าลืมตานะ อย่าเพิ่งมองอะไรทั้งนั้น ถ้าเกิดเธอเห็น มันจะทำเธอเป็นบ้าได้เลยน่ะ”
“มันมีอะไรอยู่ตรงนี้ที่… บ้ามากๆ เลยงั้นเหรอ?”
“ใช่ เพราะงั้นแหละ ห้ามลืมตาเด็ดขาดเลยนะ”
“เธอเป็นอะไรมั้ย โซราโอะ?”
“ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกน่า ฉันไม่เป็นไร”
ตอนที่ฉันตอบคำถามของโทริโกะ ฉันก็เงยหน้าขึ้นมา หญิงชนดำคนนั้นที่ฟื้นตัวกลับมาแล้วก็ก้มลงมามองที่พวกเรา
อย่าพูดอะไรออกมาเชียว ขอร้องล่ะ ช่วยหุบปากให้สนิทด้วยเถอะ
สายตาที่ฉันจ้องเขม็งไปที่ผู้หญิงคนนั้นใส่แรงอาฆาตนี้เข้าไปด้วย
“ที่สำคัญกว่านั้นนะ โทริโกะ ร่างกายไม่เป็นไรแล้วเหรอ? หัวล่ะเป็นไงบ้าง?”
“หัว? หมายถึงอะไรล่ะนั่นน่ะ?”
โทริโกะพูดพลางขำคิกคัก
“พนันได้เลยว่าท้องยังเจ็บอยู่ล่ะสิท่า?”
“เจ็บเจิบอะไรกันเล่า ไม่เลยซักนิดจ้า!”
การโต้ตอบของเธอมันดูร่าเริงแปลกๆ แฮะ
“อันที่จริง รู้สึกว่าตัวมันเบามากเลยนะ เหมือนอะไรก็ตามที่มันไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรมันละลายหายไปเฉยๆ จากนี้ไป อะไรๆ มันก็จะง่ายขึ้นแล้วล่ะ”
“ย- ยังไงนะ?”
“ทำไมไม่ลองดูบ้างล่ะ โซราโอะ? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำยังไง แต่อาจจะแค่สูดหายใจเข้าลึกๆ กดมือเข้าไปในท้อง แล้วก็วนๆ มันดูแบบสุ่มๆ ดูน่ะ”
อ่าาา ว่าแล้วเชียว นี่มันแย่สุดๆ ไปเลย
ไม่สิ แป๊บ เดี๋ยวก่อนนะ…
ถ้าฉันมองมันเอาไว้ด้วยตาขวา… แล้วเธอก็ใช้มือซ้าย…
“โทริโกะ พอจะมีความคิดดีๆ อะไรอยู่นะ”
“เอ๋? จะฉีกท้องของตัวเองออกแล้วเหรอ? แบบ ฉีกเลยยยย?”
“อ- เออ…”
“โถ่ ไม่เอาน่า ฉันลุยได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะ! เพราะเธอจะลุยไปพร้อมกันฉันไง!”
ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย
“เนอะ?”
“…เงียบไปเลย ขอยืมมือซ้ายเธอหน่อยแล้วกันนะ?”
“โอเค ยืมแล้วคืนด้วยล่ะ”
ฉันยกมือซ้ายที่โปร่งแสงของเธอขึ้นมา
“ฟังนะ โทริโกะ พอฉันให้สัญญาณ เธอช่วยกำอะไรก็ตามที่มือซ้ายของเธอไปแตะโดนให้ทีนะ แล้วก็ดึงมันออกมาเลย โอเคมั้ย?”
“อ่าฮะ เหมือนอย่างทุกทีสินะ?”
“ใช่ ตามนั้นแหละ เหมือนอย่างทุกที―เอาล่ะนะ”
ฉันจับที่ข้อศอก ยกแขนซ้ายของโทริโกะขึ้นมา แล้วก็ทิ่มมันเข้าไปที่ท้องของเธอเอง
“อึก”
เธอร้องโอดครวญขึ้นมา กำปั้นที่โปร่งแสงจมลงไปในหน้าท้องของเธอ แล้วเริ่มจะส่งผลกับเจ้าทอรัสสีแดงนั่นแล้ว เส้นทางการบินของพวกนกถูกขัดขวาง การหมุนวนของมันก็บิดเบี้ยวไป ผิวหน้าของทรงทอรัสก็เริ่มไม่สม่ำเสมอ จนกลายเป็นลูกคลื่นไปแล้ว
“นั่นแหละ! กำเอาไว้เลย! ถ้ารู้สึกว่ามันมีอะไรก็กระชากมันออกมาเลยนะ! ทำได้มั้ย?”
“ด- ได้ แต่ อี๋! รู้สึกว่ามันแหยะมากเลยเนี่ย อยากจะอ้วกชะมัดเลย”
“ทำไปเถอะน่า!”
“ก็ได้… กุอุบ!”
พอโทริโกะใช้มือซ้ายกำมันเอาไว้ แล้วก็ดึงออกมา ทอรัสที่บิดเบี้ยวก็ค่อยๆ ถูกลากออกมาจากในท้องของเธออย่างช้าๆ
ตอนที่วงทอรัสนั่นถูกดึงออกมา ลมหมุนที่พุ่งออกมาจากท้องของเธอมันก็ขาดช่วง ก่อนจะหายไป พอมันถูกดึงออกมาจนหมด สิ่งที่เธอกำลังกำอยู่นั่นก็ดูเหมือนนกกระเรียนกระดาษสีแดงสด 1,000 ตัวเลย
ตอนที่มือของโทริโกะปัดเจ้าสิ่งนั่นออกไป ก้อนนกสีแดงที่ซ้อนทับกันนั่นก็กระแทกกับพื้นพร้อมกับเสียงแฉะๆ
นั่นแหละ! เป็นไงล่ะ!? เธอไม่มีทางได้ตัวของโทริโกะไปได้ง่ายๆ หรอก!
พอฉันเงยหน้ากลับขึ้นไปมองที่หญิงชุดดำคนนั้น พร้อมกับพ่นลมทางจมูกออกมาอย่างตื่นเต้น
ฉันก็ต้องตกใจที่เห็นหน้าของเธอที่เข้ามาใกล้ที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย
ถึงก่อนหน้านี้ เธอจะแทบไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยก็เถอะนะ แต่เธอกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนหน้าของเธออยู่ห่างจากฉันในระดับที่แทบจะชนกันอยู่แล้ว
“เอ๊ะ? กลิ่นนี่… มันรู้สึกค―”
ก่อนที่โทริโกะจะทันพูดว่าคุ้นๆออกมา ฉันก็กอดเธอเอาไว้แน่นขึ้น ปิดทั้งการมองเห็น การได้ยิน กับการได้กลิ่นของเธอให้หมด
เป็นตอนนั้นแหละ ที่ฉันได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ของผู้หญิงดังขึ้นที่ข้างหูของฉัน
“มา―――เธอ ด้วย”
“ฮะ…?”
ฉันฟังไม่ออกเลยว่าเธอพูดว่าอะไร แต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าอะไรที่เธอพูดนั่นน่ะมันน่ากลัวมากแน่ๆ
ผู้หญิงคนนั้นที่ฉันจ้องเธอได้ก่อนที่เธอจะทันทำอะไร แค่ใช้คำพูดที่ฉันไม่เข้าใจความหมายแค่ไม่กี่คำ ก็กลายเป็นแหล่งก่อความกลัวที่รุนแรงได้แล้ว
ฉันไม่อยากจะเห็นอะไรทั้งนั้น ไม่อยากจะรู้อะไรทั้งนั้น ทั้งที่เป็นแบบนั้น หัวของฉันกลับเงยขึ้นไปไม่เหมือนกับที่ใจสั่งเลย
พอฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ในสายตาอีกรอบนึง ตาขวาของฉันก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลังเธอด้วย
ไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนี้เชื่อมต่อกับแสงเหนือฟ้า พวกนั้นที่มีตัวตนอยู่เหนือไปกว่าส่วนลึกของโลกเบื้องหลังนี่ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่พิศดารที่พยายามหาทางทำให้พวกเราก้าวข้ามผ่านหุบเหวสีฟ้าแห่งความน่ากลัวและความบ้าคลั่ง―รู้สึกถึงตัวตนของพวกมันได้เลย
แล้วแค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันโอเวอร์โหลดได้แล้ว
อวัยวะรับสัมผัสทั้งหมดของฉันมันเจอกับข้อผิดพลาดเข้า แล้วข้อผิดพลาดนั่นมันก็ส่งผลให้สมองกับระบบประสาทของฉันมันล้มเหลวและปิดตัวในทันที ฉันทอดสายตามองออกไปอย่างไม่แยแส ราวกับว่ามันไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกแล้ว
TN: ขั้นกว่าของคุเนะคุเนะอีกนะเนี่ย