[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 30 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 2]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 30 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 2]
“โลเรียจัง ใส่กลอนประตู แล้วปิดผ้าม่านทีนะ”
“ค่ะ”
โลเรียจังรีบไปปิดกลอนประตูและผ้าม่านอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ฉันก็ใช้เวทมนตร์จุดให้ภายในร้านสลัวๆ สว่างขึ้นมา ใช้มีดตัดเสื้อผ้าของคุณไอริสออก แล้วก็แกะผ้าที่พันอยู่รอบท้องของเธอออกด้วย
“นี่มัน รอยกรงเล็บ?”
“ใช่ค่ะ เป็นสัตว์ร้ายหน้าตาเหมือนหมีที่มี 4 แขน แล้วก็พ่นไฟได้ด้วย…”
“มี 4 แขน, มีพิษ, พ่นไฟ… เฮล เฟลม กริซลี?”
ไม่ใช่ตัวอะไรที่น่าจะเจอได้แถวๆ นี้เลยนะ
ฉันใช้น้ำสะอาดล้างแผลที่ท้อง ระหว่างที่ยังรู้สึกสงสัยอยู่
คุณไอริสมีปฏิกิริยานิดๆ ทุกครั้งที่แตะที่แผลแล้ว บางที กำลังกายของเธออาจจะเริ่มกลับมาบ้างแล้วก็ได้
“แต่ว่า แผลสาหัสมากเลย ฉันต้องใช้อีกซักขวดนึงมั้ยนะ?”
แผลของเธอน่าจะฟื้นขึ้นมาเยอะแล้วจากโพชั่นฟื้นฟูที่ฉันให้ไปตั้งแต่แรกเลย แต่พอฉันเห็นว่าแผลนี้ยังไม่สมานปิดเลย นี่แสดงว่าเธอบาดเจ็บหนักขนาดที่ว่าส่วนหน้าท้องหายไปเลยงั้นเหรอ…?
ถึงจะไม่ได้แพงขนาดขวดที่ฉันใช้ไปตอนแรก แต่ฉันก็ใช้โพชั่น (ยาแปรธาตุ) อีกขวดที่ราคาสูงพอประมาณลงบนแผลที่ท้องอีกครั้ง
“ฉันไม่อยากใช้มันมากเกินไปค่ะ เพราะมันกินกำลังกายมากเลย”
มันเป็นโพชั่นที่ให้ผลสุดยอด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าสามารถใช้เท่าไหร่ก็ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
การใช้โพชั่นฤทธิ์แรงหลายชนิดพร้อมกัน เป็นการกระทำที่อันตรายมากเลย
แล้วมันก็มีความเสี่ยงที่ฤทธิ์ของโพชั่นแต่ละชนิดอาจส่งผลแทรกแซงกันเอง จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึงได้อีกต่างหาก
แต่ถ้าไม่ใช้ล่ะก็ เธอต้องตายแน่ๆ ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากต้องใช้มันแล้ว
ทั้งหมดที่ฉันทำได้ มีแค่ปรับสัดส่วนให้ผลข้างเคียงที่ออกมาอาการน้อยที่สุดเท่านั้นเอง
หลังจากให้โพชั่นรักษาอาการบาดเจ็บกับเธอแล้ว ฉันก็กรอกโพชั่นฟื้นฟูกำลังกายใส่ปากของคุณไอริสทีละนิดอีกรอบนึง
ระหว่างนั้น ผื่นตามตัวของคุณไอริสก็ยุบลงแล้ว สีหน้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย
พอเห็นแบบนั้น คุณเคทก็สบายใจได้ซักที แล้วก็โค้งให้ฉันพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พวกเขาดูเหมือนพวกมือใหม่เลย คุณก็อารมณ์เสียใช่มั้ยคะ?”
“ไม่หรอกค่ะ มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าโพชั่นน่ะราคาแพงนี่คะ”
ฉันส่ายหัวให้ให้คุณเคทที่มองมาที่ฉันด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
สารภาพเลยว่า ฉันเองก็เซ็งเหมือนกัน แต่ของที่นักเล่นแร่แปรธาตุขายก็ค่อนข้างจะแพงจริงๆ นะ และอัตรากำไรเองก็สูง
แต่ว่า มันไม่สามารถลดราคากันได้ง่ายๆ ด้วย
คล้ายๆ กับที่ฉันเคยว่าไปก่อนหน้านี้ ถ้าเกิดมีใครลดราคาล่ะก็ ผู้คนก็จะไปที่นั่นกันเยอะขึ้น กดดันให้นักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆ ต้องลดราคาสินค้าของตัวเองตามไปด้วย
ถ้าเกิดยังลดราคาอยู่แบบนั้นเรื่อยๆ อัตรากำไรก็จะลดลง และผลลัพธ์ก็จะไปลดแรงจูงใจในการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แม้ว่าจะต้องผ่านความยากลำบากมากมายมากว่าจะเป็นได้
อีกอย่าง ปัญหาตั้งแต่แรกเลยก็คือ วัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุเองก็ราคาสูงด้วย
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่นักเก็บสะสมจะเสี่ยงอันตรายไปรวบรวมมันมาไงล่ะ
ถ้าราคาไม่สูง นักเก็บสะสมก็ไม่มีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นมา แล้วก็จะไม่มีใครไปเก็บวัตถุดิบมาด้วย
ต่อให้อัตรากำไรจะสูง แต่นั่นคือ ‘ถ้ามองแค่ผลิตภัณฑ์สุดท้ายอย่างเดียว’ และถ้าเกิดรวมเรื่องการเสียวัตถุดิบไปจากการเล่นแร่แปรธาตุที่ล้มเหลวเข้าไปด้วยล่ะก็ กำไรมันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้นเลย
พิจารณาจากเรื่องสินค้าที่ขายไม่ออก และสิ่งของในขั้นตอนสุดท้าย อัตราความสำเร็จซัก 70-80% ก็พอจะได้กำไรแบบคาบเส้นแล้วล่ะ
ถ้าเกิดอยากจะสร้างอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ระดับความยากสูงที่ต้องใช้วัตถุดิบราคาแพงล่ะก็ ถ้าไม่เก็บเงินเอาไว้ประมาณนึง แล้วเล่นแร่แปรธาตุล้มเหลวไปซักครั้งนึงล่ะก็ แค่นั้นก็ทำให้ล้มละลายได้เลยนะ
เพราะฉะนั้น ยิ่งเป็นการเล่นแร่แปรธาตุที่จริงจังมากขนาดไหน ความยุ่งยากของสถานการณ์ทางการเงินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
โชคร้ายที่เรื่องพวกนี้ ค่อนข้างลำบากหน่อยที่จะให้คนทั่วไปเข้าใจได้
ตั้งแต่ตอนที่ฉันเข้าในโรงเรียน แล้วเริ่มเรียนแล้ว ฉันมีภาพแค่ว่า ‘นักเล่นแร่แปรธาตุทำเงินได้เยอะแยะเลย!’ เท่านั้นเอง
ก็นะ คนที่คิดคำนวณได้ก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น เรื่องจะคุยเรื่องอัตรากำไรเนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอก
“คนพวกนั้น ไม่ใช่ปาร์ตี้ของคุณเหรอคะ?”
“เพิ่งเจอกันครั้งแรกวันนี้เลยค่ะ ไอริสกับฉันจับคู่กันเพื่อจะเข้าไปที่ทะเลป่าใหญ่เป็นครั้งแรก ก็เลยสร้างทีมกับพวกนั้นที่บอกว่าตัวเองเคยเข้าไปจนชินแล้ว… กลายเป็นว่าได้ภาระมาเต็มๆ ซะได้”
“โลเรียจัง เคยเห็น 2 คนนั้นมาก่อนหรือเปล่า?”
“ไม่เคยเลยค่ะ เพิ่งเห็นหน้าเป็นครั้งแรกเลย”
“นั่นสินะ”
ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน
แทบไม่มีนักเก็บสะสมคนไหนที่เข้าไปในทะเลป่าใหญ่แล้วไม่มาที่ร้านของฉันหรอก คำพูดที่ว่า ‘เคยเข้าไปจนชินแล้ว’ เนี่ย โกหกแน่นอน
อย่างน้อย ก็ไม่เคยเข้าไปในทะเลป่าใหญ่จากหมู่บ้านนี้ล่ะนะ
“ว่าแล้วเชียว เป็นแบบนั้นจริงๆ สินะคะ?”
“อย่างน้อย ก็ไม่ใช่พวกมือเก๋านะคะ จับได้ของพลาดรางวัลซะแล้ว”
“เฮ้อ… ฉันน่าจะหันหลังกลับตั้งแต่ตอนที่เห็นการเคลื่อนไหวแบบพวกมือสมัครเล่นแล้วแท้ๆ”
คุณเคทเอามือก่ายหน้าผาก แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เลย
“เอาเถอะค่ะ ก็ยังดีนะคะที่พวกเขาไม่ทิ้งพวกคุณแล้ววิ่งหนีกันไปเลย”
ระหว่างที่เราพูดคุยกันอยู่นี่ ฉันก็เทโพชั่นฟื้นฟูกำลังกายให้ดื่มจนหมดขวดแล้ว ทีนี้ ฉันก็เอาโพชั่นป้องกันอาการป่วยออกมา
อันนี้ต่อให้ดื่มทีเดียวหมดเลยก็ไม่มีปัญหา ฉันก็เลยป้อนด้วยปากให้เธอดื่มทีเดียวหมดอีกรอบนึง ก่อนจะเช็ดปากของเธอเบาๆ
ปากแผลปิดเรียบร้อยแล้ว แต่หน้าของคุณไอริสยังซีดอยู่เลย น่าจะเพราะเสียเลือดมากนั่นแหละนะ
ถึงยังงั้น ผื่นที่เคยขึ้นอยู่เต็มตัวนั่นก็ยุบลงไปแล้วเรียบร้อย จังหวะการหายใจก็สงบลงจนเห็นได้ชัดแล้วเหมือนกัน
ชีพจรเองก็… น่าจะกลับมาอยู่ในช่วงปกติแล้วมั้ง?
พลังเวทน้อยอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะ
หลังจากใช้เวทมนตร์ทำการตรวจโดยคร่าว แล้วยืนยันเรียบร้อยว่าไม่มีความผิดปกติอะไรแล้ว ฉันก็โล่งอกได้ซักที
“ฟิ่ว… คิดว่า ตอนนี้น่าจะไม่เป็นไรแล้วนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ! จริงๆ ฉันกลัวว่าจะแย่แล้ว…”
คุณเคทกุมมือฉันแน่นพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ทางฉันก็ยิ้มตอบเธอกลับไป
ฉันก็เคยฝึกมานะ แต่พูดกันจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันต้องรักษาอาการบาดเจ็บที่สาหัสขนาดนี้น่ะ
แต่ ฉันก็พยายามทำให้ตัวเองดูใจเย็นที่สุดแบบสุดชีวิตเลย อย่างคำกล่าวที่ว่าไง ว่า [ผู้ทำการรักษาไม่ควรลนลานหรือดูกระวนกระวาย] น่ะ
―――ทำได้จริงๆ สินะ? แน่นอนแล้ว อื้อ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ
“ก่อนอื่นก็ ล้างเนื้อล้างตัว แล้วไปนอนพักเถอะค่ะ มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่าคะ?”
“เออคือ อยู่ที่หองพัก…”
“งั้น ช่วยไปเอามาเลยนะคะ ถ้าไม่รังเกียจ จะพักอยู่ที่บ้านของฉันก่อนมั้ยคะ? ที่นี่มีห้องว่างอยู่”
“จะดีเหรอคะ? จริงๆ คือ ฉันก็อยากเก็บเงินเอาไว้จ่ายค่ายาด้วย ขอบคุณนะคะ”
“ค่ะ ฉันคิดว่า เฝ้าดูอาการของคุณไอริสไปอีกซักพักน่าจะดีกว่า”
ฉันคิดว่าไม่เป็นไรแล้วนะ แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงอยู่
สำหรับฉันแล้ว ให้เธออยู่ใกล้ๆ เอาไว้ก่อนจะสบายใจกว่าน่ะ
“เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาสัมภาระก่อนนะคะ!”
พอคุณเคทพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น เธอก็วิ่งออกจากร้านไปทันทีเลย
ตอนนั้น ฉันเห็นผู้ชาย 2 คนนั้นยืนรออยู่นอกร้านด้วยนะ แต่คุณเคทเมินพวกเขาไปแบบไม่ใส่ใจเลยซักนิดเดียว
“โลเรียจัง ช่วยล้างถังใบนี้ให้หน่อยได้หรือเปล่า?”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ตอนที่โลเรียจังกลับมา เสื้อผ้าของคุณไอริสก็ถูกถอดออกหมดจนเปลือยทั้งตัวแล้ว
เพื่อจะตรวจสอบทั้งตัวไว้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า เผื่อเอาไว้ก่อน
ถ้าเป็นแผลทั่วๆ ไป ใช้โพชั่นรักษาก็หายแล้ว แต่ถ้ายังมีเข็มพิษหรืออะไรแบบนั้นฝังคาอยู่ล่ะก็ ผลของยาต้านพิษก็จะไปไม่ถึง เพราะงั้นต้องระวังมากๆ เลย
ถึงจะขับพิษออกมาได้ ก็ถูกฉีดเข้าไปใหม่อีกจากตรงนั้นอยู่ดี
พิษของเฮล เฟลม กริซลีจะอาบอยู่ที่กรงเล็บของมัน เพราะงั้นฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก แต่ก็จำเป็นต้องตรวจสอบก่อนดีกว่า
“…อืม ไม่มีปัญหาตรงไหน ว่าแต่ว่า เป็นคนสัดส่วนค่อนข้างดีเลยเนอะ?”
ฉันไม่มีเวลาได้ทันสนใจเลยก่อนหน้านี้ แต่เธอเป็นคนค่อนข้างสวยเลย
ร่างกายมีกล้ามเนื้อกระชับสมกับที่เป็นนักเก็บสะสม หน้าตาก็ดีด้วย
ถึงจะถูกเลือดอาบอยู่ตอนนี้ แต่ผมของเธอเป็นสีดำขลับเลยเหมือนกัน
พูดถึง คุณเคทเองก็สวยเหมือนกันนะ
―――พวกผู้ชายก่อนหน้านี้ คงจะทักเพราะหน้าตาของพวกเธอแน่เลย
“คุณซาราสะคะ ล้างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบใจนะ เอามาตรงนี้เลย”
ครั้งนี้ ฉันใช้เวทมนตร์รินน้ำร้อนลงในถังที่โลเรียจังเอากลับมาแทน
เอาผ้าจุ่มน้ำร้อน แล้วเช็ดร่างกายให้สะอาดทั้งตัว
จริงๆ ฉันก็อยากจะให้แช่น้ำนะ แต่คุณไอริสค่อนข้างจะตัวใหญ่กว่าฉันน่ะสิ
ถ้าแค่อุ้มตัวขึ้นเนี่ย ใช้การเสริมแกร่งจัดการเอาก็ได้ แต่เรื่องความต่างทางร่างกายนี่แหละที่ทำให้ลำบาก
ยังไงก็ คงต้องขอให้อดทนจนกว่าจะขยับเองไว้ล่ะนะ
ฉันทำความสะอาดผมของเธอที่ถูกเลือดอาบมาเท่าที่จะทำได้แล้ว ก่อนจะพาขึ้นไปนอนที่เตียงในห้องชั้น 2 ให้เรียบร้อย