[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 31 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 3]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 31 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 3]
“ฟู่ว ขอบใจสำหรับการช่วยเหลือนะ โลเรียจัง”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่เลย…”
สีหน้าของโลเรียจังที่ดูจะหลบสายตานิดๆ ยังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
จะว่าไป โอกาสจะเห็นสภาพเจ็บสาหัสหนักขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเลยนี่นะ
แต่ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น เธอก็ไม่ได้นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก หรือตีโพยตีพายเลย แถมยังช่วยฉันได้เป็นอย่างดีเลย แค่นั้นก็สุดยอดแล้วนะ มีความสามารถมากเลยล่ะ
“สำหรับโลเรียจังแล้ว แรงกระตุ้นขนาดนี้อาจจะแรงไปหน่อยใช่มั้ยเนี่ย?”
“ค่ะ ตกใจมากเลย―――นักเล่นแร่แปรธาตุนี่ ก็ต้องทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยสินะคะ”
“ก็ มีหลายครั้งเลยนะที่เราจำเป็นต้องทำการรักษาพยาบาล ฉันก็ต้องฝึกทำเรื่องพวกนี้มาด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเจออาการที่สาหัสขนาดนี้น่ะ”
“งั้นเหรอคะ? คุณดูใจเย็นเหมือนเป็นปกติเลยนะคะ”
ฉันยิ้มแหยๆ ให้โลเรียจังที่เหมือนจะกำลังทึ่งอยู่
ถ้าโลเรียจังเห็นเป็นแบบนั้น ก็แสดงว่าการแสดงออกมาของฉันก็จัดการได้ดีอยู่นะ
“แบบสุดขีดจำกัดเลยล่ะ―――แต่ ฉันดีใจนะที่คุณเคทเลือกที่จะจ่ายน่ะ ฉันไม่อยากทิ้งให้เธอต้องตายเลย”
“…หรือว่า นี่ถ้าเกิดคุณเคทไม่ยอมจ่าย คุณซาราสะจะไม่ยอมรักษาให้งั้นเหรอคะ?”
ตอนที่ฉันได้ยินโลเรียพูดแบบนั้น พลางมองตรงมาที่ฉันแบบนี้ ก็ทำเอาพูดอะไรไม่ออกไปพักนึงเลย
“―――เป็นคำถามที่ตอบยากเลยแฮะ ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ นั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเราอยากจะทำนะ เพื่อจะได้ช่วยคนให้ได้มากกว่า”
ต่อให้ตอนนี้จะช่วยคน 1 คนเอาไว้ได้ ถ้าระบบระหว่างนักเล่นแร่แปรธาตุกับนักเก็บสะสมเสียไปล่ะก็ คนที่ต้องประสบวิกฤติจะเพิ่มขึ้นเยอะเลย
เพราะแบบนั้น ก็มีหลายครั้งที่เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเลือกที่จะไม่ช่วย ต่อให้เรามีวิธีการจะช่วยเหลือก็ตาม นอกจาก [วิธีการ] นั่นจะใช้ได้แบบไม่มีวันหมดล่ะนะ
“ฉันทำให้เธอฝันสลายหรือเปล่า?”
ฉันร้องทักโลเรียจังที่ดูจะครุ่นคิดไปซักพักนึง
ฉันไม่มีความคิดจะเปลี่ยนหลักการนี้ หรือจะสามารถไปเปลี่ยนหลักการนี้ได้ด้วย แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากให้โลเรียจังเข้าใจนะ เพื่อจะได้ร่วมมือกันได้อย่างสนิทใจกันในอนาคตด้วย
แต่ว่า โลเรียจังแค่สะบัดหัวตัวเองนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าตอบความกังวลของฉัน
“อา ไม่ค่ะ ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณซาราสะพูดนะคะ ฉันก็คิดว่าเรื่องที่ ‘เพราะชีวิตของฉันอยู่ในวิกฤตินะ’ ก็เป็นแค่คำแก้ตัว ที่จริง คุณซาราสะที่ใช้โพชั่น (ยาแปรธาตุ) ไปตั้งหลายขวด จากแค่สัญญาปากเปล่าก็สุดยอดไปเลยค่ะ… แล้วก็ มันแพงด้วยใช่มั้ยคะ?”
“เอ๊ะ? อ- อื้อ แพงเลยล่ะ ถ้าเป็นโลเรียจัง… ถ้าไม่ทำงานหนักซัก 10 ปี ก็ซื้อไม่ได้หรอก มั้งนะ?”
ที่จริง ค่าแรง 10 ปีก็ยังไม่พอค่าวัตถุดิบเลยด้วยซ้ำไปนะ
“งั้นเหรอคะ แล้วใช้โพชั่นแบบนั้นกับใครไม่รู้ที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกเนี่ย… ไม่คิดว่าจะถูกชักดาบเลยเหรอคะ?”
“อื~ม ถ้าเป็นพวกผู้ชายพวกนั้น ฉันอาจจะกังวลอยู่หรอก? แต่ ฉันคิดว่าฉันเชื่อใจคุณเคทได้นะ”
เป็นแค่ลางสังหรณ์ล่ะนะ
แค่เพื่อคุณไอริสแล้ว เธอก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลย
มั่นใจเลยว่า คุณไอริสต้องเป็นคนที่สำคัญกับคุณเคทแน่นอน
“ก็ ถ้าฉันถูกชักดาบครั้งนี้ล่ะก็ มันก็แค่ว่าฉันมีตาหามีแววไม่ก็เท่านั้นแหละ”
พอฉันบอกโลเรียจังไปแบบนั้น ฉันก็หัวเราะออกมา
คุณไอริสได้สติในช่วงบ่ายๆ ในวันรุ่งขึ้น
ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะใช้โพชั่นฟื้นฟูกำลังกายไปเยอะขนาดไหน แต่นี่ก็เร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีกนะเนี่ย
ตามปกติ ถ้าฉันฟื้นสภาพร่างกายกลับมาหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บมาขนาดนั้น ฉันก็น่าจะหลับไปอยู่ซัก 2-3 วันนะ แต่… ฉันสงสัยว่าเพราะสภาพร่างกายของตัวเองพิเศษหรือเปล่า? แสดงว่าการคาดการณ์ของฉันเป็นมุมมองจากคนทั่วไปงั้นสินะ
ร่างกายที่ฉันเห็นระหว่างทำการรักษา เป็นร่างกายที่ผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีเลย
“นายท่านผู้จัดการ ต้องขออภัยกับความไม่สะดวกที่ก่อให้เป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ ขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้เลยค่ะ”
คุณเคทช่วยประคองคุณไอริสเดินลงมาจากชั้น 2 แล้วพอคุณไอริสมานั่งอยู่หน้าฉัน เธอก็โค้งหัวให้ฉันแบบสุดตัวเลย
ท่าทางสวยงามมากเลย บางที คุณไอริสอาจจะเติบโตมาจากในพื้นที่ที่ดีก็ได้นะ
“ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้รักษาให้ฟรีๆ ด้วย เดี๋ยวคุณเคทจะจ่ายค่ารักษาให้ค่ะ”
พอฉันเลื่อนสายตาไปหาคุณเคท คุณเคทก็พยักหน้าให้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
พอเห็นแบบนั้น คุณไอริสก็พูดเสียงดังขึ้นมาอย่างลนลานเลย
“อะ ไม่สิ คือว่า ฉัน―――”
“ฉันเป็นคนร้องขอจากคุณผู้จัดการเอง เพราะงั้น หนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของฉันนี่แหละ”
“แต่ว่า คนที่บาดเจ็บมาคือฉันนะ”
“การบาดเจ็บนั่น ก็ได้รับมาจากการเข้าปกป้องพวกเราไม่ใช่เหรอ?”
“แต่―――”
แล้ว พวกเธอ 2 คนก็แย่งกันเป็นคนจ่าย
โชคดีจังที่ทั้งคู่เป็นคนที่ ‘ฉันจ่ายเอง’ ไม่ใช่ผลักหนี้ให้กัน แบบนี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ
เพราะฉันก็ไม่อยากเห็นทั้งคู่บาดหมางกันจากการช่วยเหลือของฉันด้วย
แต่ ต่อให้เถียงกันตรงนี้ ก็เป็นปัญหายุ่งยากที่แก้ไม่ออกอยู่ดี แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแบกหนี้ก้อนนี้เอาไว้คนเดียวด้วย
“เอาล่ะค่า!”
ฉันปรบมือ *แปะแปะ* เพื่อขัดการสนทนา (?) ระหว่าง 2 คนนั้นเอาไว้ก่อน
บางที เสียงนั่นอาจจะช่วยเตือนให้ทั้งคู่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมามองที่ฉันด้วยสีหน้าอึกอักหน่อยๆ
“อา นายท่านผู้จัดการ ต้องขออภัยด้วยค่ะ”
“ขอโทษด้วยค่ะ คุณผู้จัดการ”
ฉันส่ายหน้า แล้วก็บอกข้อเสนอให้ทั้ง 2 คนที่กำลังก้มหัวให้ฉันอยู่
“เพราะฉันช่วยคุณเคทตามคำร้องขอของเธอ ฉันต้องเก็บค่าใช้จ่ายกับคุณเคทค่ะ แต่ ไม่คิดว่าถ้าพวกคุณทั้ง 2 คนช่วยกันจะดีกว่าเหรอคะ? คุณรู้อยู่แล้วใช่มั้ยคะว่ามันไม่ใช่ถูกๆ เลยน่ะค่ะ?”
“ค่ะ ว่าตามตรงแล้ว ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนั้นแล้ว ตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ได้ ผ่านไปเพียงแค่วันเดียว ฉันก็สามารถขยับแขนข้างที่ขาดไปได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เลย”
คุณไอริสพยักหน้ารัวๆ พลางขยับแขนขวาพร้อมกับบีบนวดแขนข้างนั้นไปด้วย เป็นการตอบรับคำพูดของฉัน
การเคลื่อนไหวไม่มีอะไรผิดปกติ ดูเหมือนจะหายดีโดยไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษสินะ
ฉันรู้แค่ว่ามันใช้ได้ดีทางทฤษฎี แต่ก็ได้มั่นใจขึ้นแล้ว พอเห็นว่ามันรักษาได้ผลจริงๆ ด้วย
“ฉันไม่อยากเชื่อภาพที่เห็นเลยค่ะ! ไม่เคยคิดเลยว่าร้านในเขตชนบทขนาดนี้จะมีโพชั่นระดับนี้อยู่ด้วย! ――― อะ ข- ขอโทษนะคะ คุณผู้จัดการ”
คุณเคทรีบขอโทษเรื่องคำพูดที่เสียมารยาทอย่างการดูหมิ่นหมู่บ้านนี้ แต่ฉันกับโลเรียจังก็ทำแค่หัวเราะเฝื่อนๆ ให้กับข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้นั่น
“ไม่หรอกค่ะ ที่จริง ฉันก็คิดว่าที่นี่เป็นเขตชนบทเหมือนกัน แล้วก็ ฉันไม่มีโพชั่นแบบนั้นแล้ว ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บแบบนั้นมาอีก ฉันช่วยรักษาให้ไม่ได้แล้วนะคะ”
“งั้นเหรอคะ? ฉันจะแปลกใจมากเลยล่ะค่ะถ้าเกิดมีโพชั่นแบบนั้นอยู่เยอะเลยน่ะ”
ก็ อันที่จริง มันยังมีโพชั่นมีค่าที่มีระดับสูงกว่านั้นอีก 1 ระดับด้วยนะ
แน่นอนว่า วัตถุดิบที่ใช้ก็คือของขวัญอำลาจากอาจารย์เหมือนกัน
สารภาพตรงนี้เลยว่า มือของฉันเกือบจะสั่นเลย ตอนที่หยิบวัตถุดิบราคาแพงนั่นออกมาใช้น่ะ
มองอีกมุมนึง จะเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ แล้วก็ในฐานะลูกศิษย์แล้ว ฉันคิดว่าจะไม่ใช้มันก็น่าเสียดาย เพราะงั้น ฉันก็เลยเอามาใช้ซะเลย
“จะว่าไปแล้ว… ราคานี่ เท่าไหร่เหรอคะ?”
คุณเคทกับคุณไอริสจ้องฉันกันพลางกลืนน้ำลายเอื้อก ระหว่างที่ฉันยังลังเลอยู่นิดหน่อย ฉันก็ตัดสินใจจะบอกราคาของโพชั่นทั้งหมดที่ฉันใช้ออกไปตามตรง
“นั่นสินะคะ… ตามปกติจะมีค่าบริการรักษาด้วย แต่ถือซะว่าเป็นการบริการแถมให้กันไปเลยก็ได้ค่ะ ค่าโพชั่นอย่างเดียวโดยคร่าวๆ ก็อยู่ที่―――”
ไม่ใช่แค่คุณไอริสหรือคุณเคทนะ แม้แต่โลเรียจังที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็อึ้งกันพูดอะไรไม่ออกเลยตอนที่ได้ยินจำนวนเงินที่ฉันบอกออกมา
แล้วก็ สีหน้าของคุณไอริสที่พยายามกันมาอย่างหนักเลยกว่าจะดีขึ้น ก็เริ่มจะกลับไปแย่ลงนิดหน่อยอีกแล้วด้วยตอนนี้
“ย- อย่างนี้นี่เอง ต- ต้องพยายามกับเรื่องนี้ อือ”
“น- นั่นสินะ พวกเรา 2 คนมาพยายามด้วยกันเถอะ ไอริส”
ทั้ง 2 คนที่เถียงกันอยู่ว่าใครจะเป็นคนจ่ายจนถึงเมื่อกี้นี้หันมา มองหน้ากัน จับมือ แล้วพยักหน้าให้กันในขณะที่ตัวยังสั่นอยู่นิดๆ
มิตรภาพนี่สวยงามจริงๆ เลยเนอะ?
แต่ ขนาดนั้นแล้ว ฉันก็ลดราคาไปพอควรแล้วเหมือนกัน ถึงยังงั้นก็ยังแพงเกินไปที่จะซื้อได้ตามปกติอยู่ดีงั้นสินะ?