[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 32 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 4]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 32 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 4]
“ถ้ามันเป็นแผล ‘แค่ถูกฟันจากของมีคม’ ก็อาจจะพอรักษาได้ด้วยโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ที่ถูกกว่านี้นิดหน่อยนะคะ แต่… แผลที่ท้องนี่ก็สาหัสมากเหมือนกัน”
“อา ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ นายท่านผู้จัดการ ฉันไม่ได้ไม่พอใจกับเรื่องราคาหรอกค่ะ เรื่องที่ช่วยรักษาจนหายเป็นปกติจากสภาพนั้นได้ ฉันไม่มีคำใดนอกจากขอบคุณเลยค่ะ”
“นั่นสินะคะ ฉันเอาแขนข้างนั้นกลับมาได้ก็จริง แต่ว่ากันตามตรง ฉันก็ไม่คิดเลยว่ามันจะกลับมาต่อกันได้แบบนี้”
“ขอบใจกับเรื่องนี้ด้วยนะ เคท จากตอนนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย”
อา นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันคิดอยู่เหมือนกันเลยล่ะ
ดูท่ามันจะเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานพอควรเลย แต่ก็ยังพอมีเวลาไปเก็บแขนมาได้สินะ
“ก็ ฉันได้ยินมาว่าการงอกอวัยวะที่ขาดหายไปเนี่ยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฉันก็เลยรู้สึกเข้าตาจนเลย คิดว่าอาจพอมีความเป็นไปได้อยู่บ้างถ้าเกิดยังมีแขนท่อนนั้นอยู่… ถ้าไอริสเสียแขนข้างนั้นไปล่ะก็ ต้องแย่แน่ๆ”
พอพูดแบบนั้น คุณเคทก็ลูบๆ แขนข้างที่ขาดไปของคุณไอริส เหมือนเป็นการยืนยันว่ามันยังอยู่ตรงนั้นอยู่
คุณไอริสเองก็เอามือซ้ายไปจับที่แขนข้างนั้นด้วยเหมือนกัน ก่อนจะกล่าว ‘ขอบคุณ’ อีกรอบ
อื้อๆ เป็นมิตรภาพที่สวยงามจริงๆ เลย ดีจังเลยนะ!
ฉันไม่มีเพื่อนเท่าไหร่ด้วย บางที ฉันอาจจะอิจฉาหน่อยๆ ก็ได้ล่ะมั้ง?
“คือว่า คุณซาราสะคะ? แขนที่ขาดไปแล้วเนี่ย งอกใหม่ไม่ได้เหรอคะ?”
อา นั่นก็ทำให้ฉันกังวลอยู่เหมือนกัน
ในสายตาของคนทั่วไปแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุคงถูกมองว่าสามารถทำอะไรก็ได้เลยสินะ
แต่ว่า คุณไอริสที่มีความรู้มากกว่าเด็กชาวบ้านธรรมดาก็ยิ้มแห้งๆ แล้วก็ทำสีหน้าแบบว่า ‘ทำไม่ได้หรอกนะ’ ด้วย
“เปล่าหรอก จริงๆ ก็ทำได้นะ?”
“““เอ๋!?”””
ฉันตอบคำถามของโลเรียจังไปแบบง่ายๆ ไม่ใช่แค่โลเรียจังนะ ขนาดคุณไอริสกับคนอื่นๆ ก็ยังร้องเสียงดัง แล้วเริ่มจ้องหน้าฉันแบบจริงจังเลย
ก็เข้าใจความรู้สึกอยู่นะ
“แต่ จะบอกว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ เนี่ย ก็ไม่ผิดหรอกนะคะ? อาจารย์ของฉัน―――ฉันคงไม่ถึงขั้นจะไปเรียกท่านมาหรอกนะคะ แต่ก็จำเป็นต้องให้นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงเป็นคนจัดการ กับวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุราคาสูง แล้วก็แน่นอนค่ะ เงินที่จำเป็นต้องใช้ จะคนละระดับกับที่ฉันบอกคุณเคทกับทุกคนในครั้งนี้อย่างสิ้นเชิงเลยด้วย สำหรับคนทั่วๆ ไป ก็ ‘เป็นไปไม่ได้’ ใช่มั้ยล่ะคะ?”
คุณไอริสที่มีสีหน้าตกใจก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เป็นไปไม่ได้นั่นแหละค่ะ ถ้าเป็นฉัน ก็คงไม่สามารถจ่ายได้เลย”
“ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะนะคะ?”
มันไม่ใช่จำนวนเงินที่สามารถเตรียมได้เลยไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม เรื่องจะไปยืมเงินจากที่ไหนก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยด้วย
ขายตัวเองไปเป็นทาสก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นงานธรรมดา ทำงานทั้งชีวิตก็เก็บเงินไม่พอหรอก
เพราะงั้น ต่อให้ประชาชนคนธรรมดาจะรู้ว่าการงอกอวัยวะสามารถทำได้ก็ตาม พวกเขาก็จะ [ยอมแพ้] ไปอยู่ดี
ไม่ว่าฉันจะพูดยังไง มันก็น่าลำบากใจอยู่นะ แต่ก็จริงที่ว่า วัตถุดิบมูลค่าสูงนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แล้วเพื่อที่จะเก็บรวบรวมพวกมันมา ต้องมีบางคน―――โดยเฉพาะนักเก็บสะสมที่ต้องรับความเสี่ยงเอาไว้
ไม่มีทางที่ใครจะทำงานให้อยู่แล้ว อย่างการบอกว่า ‘น่าเสียดาบนะ ที่ต้องทำงานให้ฟรีน่ะ’
“ว่าแล้วเชียวว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ว่า…”
“ไม่เป็นไรนะ โลเรียจังเป็นพนักงานของฉัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะช่วยเธอแน่นอน”
“…ว่าแต่ว่า แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะคะ?”
“ก็หักจากค่าจ้างเอาไงล่ะ”
“งั้นก็ต้องทำงานไปจนตายเลยน่ะสิคะ!?”
“วางใจได้เลย ฉันมีส่วนลดพนักงานให้เธอด้วยนะ”
“ฉันไม่คิดว่าส่วนลดนิดหน่อยจะช่วยได้เท่าไหร่นะคะ…”
ฉันเองก็ยิ้มแห้งๆ ให้โลเรียจังที่พูดแบบนั้นพลางถอนหายใจ
เอาเถอะนะ ถึงจะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็เป็นจำนวนเงินที่มากไม่สมเหตุสมผลนิดหน่อย
แต่ว่า ถ้าโลเรียจังเก่งขึ้นจนเหมือนคุณมาเรียที่ร้านของอาจารย์ได้ล่ะก็ บางที อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ
เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงอยากให้เธอพยายามให้เต็มที่น่ะ ฉันเองก็ไม่อยากเสียโลเรียจังไปเหมือนกัน
“ฉันรักษาได้เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นก็วางใจได้แล้วนะคะ?”
“อูว… จะว่าดีใจ หรือไม่ดีใจเลยดี…”
“ฮุฮุฮุฮุ…”
ถึงจะดีใจที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แต่การต้องติดหนี้แบบนี้ก็ไม่ได้ดีใจเลยงั้นสินะ?
ไม่เป็นไรหรอกนะคะ ต่อให้เป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่ยึดเอารายได้ทั้งหมดของพวกคุณมาหรอกนะ
ถ้าพวกคุณไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ แล้วถูกฆ่าตายไปก่อนล่ะก็ ฉันก็เก็บหนี้ไม่ได้น่ะสิ ว่ามั้ย?
―――แค่ล้อเล่นนะ
“ค- คือว่า นายท่านผู้จัดการ พวกเราต้องชำระหนี้เร็วแค่ไหนเหรอคะ?”
บางที อาจจะเพราะเห็นฉันยิ้มก็ได้ คุณไอริสก็เลยยกมือขึ้นมาอย่างเกร็งๆ แล้วก็ถามคำถามข้อนั้นออกมา
“นั่นคือจุดที่เราต้องปรึกษากันค่ะ ฉันยังไม่รู้เลยค่ะว่าความสามารถของพวกคุณไอริสสามารถทำอะไรได้บ้าง”
“พวกฉันก็มีฝึมืออยู่ระดับนึง―――ตั้งใจจะพูดแบบนั้นอยู่นะคะ แต่…”
“ฉันบาดเจ็บสาหัส และถูกพาตัวมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะโน้มน้าวให้เชื่อได้เลยค่ะ หากพูดอย่างเปิดใจแล้ว ให้พวกฉันพยายามกันอย่างเต็มที่ด้วยนะคะ”
คุณไอริสประกาศความตั้งใจของตัวเอง ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างตึงๆ
ตั้งแต่ตอนที่เข้าไปในทะเลป่าใหญ่ พวกเธอคงจะมาที่หมู่บ้านนี้ด้วยความมั่นใจอยู่ประมาณนึงนั่นแหละ แต่ต้องมาบาดเจ็บสาหัสซะต้องแต่เริ่มแล้วเนี่ย… คิดว่าเป็นเรื่องโชคหล่นทับเลยก็ได้มั้ง
“ก็ ฉันไม่ได้จะบังคับพวกคุณหรอกนะคะ ไม่ต้องกังวลกันไปหรอก”
“ง- งั้นเหรอคะ ต้องขออภัยที่สร้างความลำบากให้ค่ะ”
ตอนที่คุณไอริสถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็ได้ยินเสียง *โครกกกกก* ดังออกมา
แล้วหน้าของคุณไอริสก็แดงขึ้นมาเลย
“…อ่า หิวกันแล้วสินะคะ”
“อ๊ะ เปล่านะ คือ…”
“ทานอะไรกันเลยดีมั้ยคะ ฉันมีอาหารเก็บเอาไว้อยู่”
“จริงสิ! แค่เช่าเรียวกังก็ยังพออยู่… เดี๋ยวทานข้างนอกก็ได้ค่ะ”
“แต่ว่า พวกคุณต้องออมเงินไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”
“จะดีเหรอคะ…?”
“ค่ะ โลเรียจัง ฝากด้วยนะ ทีนี้ก็…”
ฉันมองส่งโลเรียจังเดินไปที่ห้องครัว ฉันก็กลับมามองที่พวกคุณไอริส มองไปทั่วตัวของพวกเธอ แล้วก็… อืม ตัวยังสกปรกกันอยู่เลย
“คุณไอริส… ไม่สิ คุณเคทด้วย ขอให้อาบน้ำกันก่อนเวลามื้ออาหารด้วยนะคะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ จะให้ดูแลมากขนาดนั้นมันก็…”
“ถ้าจะพักอยู่ที่บ้านของฉันล่ะก็ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ―――ไม่สิ พวกคุณควรจะมาพักอยู่กับพวกเรานะคะ ฉันไม่ชอบให้เนื้อตัวสกปรกหรอกค่ะ”
“อูว… ฉัน ตัวสกปรกขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
พอฉันพูดไปตรงๆ แบบนั้น ในตาของคุณไอริสก็เหมือนมีน้ำตาเอ่อนิดๆ เลย แทงใจดำเลยเหรอเนี่ย
“ฉันแค่ใส่ชุดนอนให้เองนะ? ตอนที่ฉันมาเจอเธออีกที ตัวเธอก็เปลือยเปล่า แค่มีผ้าห่มเอาไว้เท่านั้นเอง”
“อุ……”
นั่นคืออาการตะลึงที่มีใครมาเห็นตอนเปลือยเหรอ?
คุณไอริสห่อไหล่ลงมาอย่างท้อแท้เลย
แสดงว่า ไม่เคยให้ผู้ชายซักคนได้เห็นเลยสินะ?
สำหรับตอนนี้ ฉันปล่อยให้เธอซึมอยู่ตรงนั้นไปก่อน แล้วไปเตรียมอ่างอาบน้ำ พอฉันใช้เวทมนตร์จนเรียบร้อยแล้วกลับมาอีกที คุณไอริสก็คืนสภาพกลับมาแล้ว บางทีอาจจะเพราะคุณเคทช่วยพูดอะไรให้แล้วก็ได้ล่ะมั้ง
“งั้น เข้าได้เลยนะคะ ทั้ง 2 คนเลย”
“ขออภัยที่รบกวนนะคะ… รวมทั้งเรื่องที่ช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ด้วยค่ะ”
“ก็ พวกเรานักเล่นแร่แปรธาตุก็เหมือนหมอนั่นแหละค่ะ การช่วยเหลือดูแลคนเจ็บคนป่วยถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันเข้าใจดี เพียงแต่…”
คุณไอริสพูดออกมาแบบนั้น พลางยิ้มแหยๆ
ถึงจะเข้าใจได้ทางทฤษฎี แต่ก็ยังรู้สึกละอายกับเรื่องน่าอายแบบนี้อยู่ดีงั้นเหรอ ก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจหรอกนะ
ตอนแรกที่เห็นคนอื่นเปลือยเนี่ย ฉันก็รู้สึกอายๆ เหมือนกันนะ
แต่ ก็แค่ไม่นานเท่านั้นเอง
การฝึกภาคปฏิบัติในวิทยาลัยฝึกสอนนักเล่นแร่แปรธาตุน่ะไม่ได้ง่ายๆ แบบนั้นหรอกนะ
ถึงจะอาย แต่ก็ถูกโยนไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถพูดอะไรอย่างไร้ความรับผิดชอบได้ แล้วความรู้สึกพวกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเลย
ตอนนี้ ต่อให้เห็นร่างผู้ชายเปลือย ก็ไม่ได้สนใจหรอก―――ถ้าเป็นในเรื่องปฏิบัติเวชกรรมนะ
“ไอริส เธอตัดสินใจไปก่อนหน้านี้แล้วใช่มั้ยว่าจะไม่ติดใจกับเรื่องนี้แล้วน่ะ? ถ้างั้น คุณผู้จัดการ ขอยืมใช้อ่างอาบน้ำหน่อยนะคะ”
“เชิญเลยค่ะ ขอให้ช่วยรักษาความสะอาดด้วยนะคะ”
ฉันตอบไปแบบนั้น แล้วก็มองส่งคุณเคทประคองตัวคุณไอริสเดินไปที่ห้องอาบน้ำ