[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 34 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 6]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 34 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 6]
“ถ้างั้น มาเริ่มปฏิบัติการกำจัดหมีกันเลยค่ะ! คุณแจสเปอร์ วันนี้ ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
“อ่า วางใจได้เลย สำหรับฉันแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้วล่ะหนู”
สมาชิกทีมล่าหมี มีฉัน, คุณเคท, คุณไอริส แล้วก็พรานอย่างคุณแจสเปอร์
คุณแจสเปอร์เพิ่มเข้ามาเพราะเขาอยู่บ้านข้างๆ นี่เอง สามารถไปขอให้ช่วยได้ง่ายๆ เลย แต่เหตุผลหลักก็เพราะพวกเราคาดหวังความสามารถในการตามรอยของพรานอย่างเขาเลยล่ะ
ไม่สำคัญหรอกว่าจะฆ่ามันได้หรือเปล่า ถ้าเกิดหามันไม่เจอ นั่นแหละปัญหา
แล้วกับเรื่องนี้ ฉันก็เป็นแค่มือสมัครเล่น พวกคุณไอริสเองก็ไม่ไหว เพราะยังงั้น ฉันก็เลยถามให้ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมด้วย
ถ้าเป็นคุณแจสเปอร์ พรานคนเดียวในหมู่บ้านล่ะก็ ฉันมั่นใจว่าเขาจะทำได้แน่นอน
“ซาราสะจัง ขอถามหน่อยแล้วกันนะ หนูไม่เป็นไรใช่มั้ย? ฉันเป็นพรานก็จริง เรื่องล่าหมียังพอว่า แต่ถ้าเป็นอสูรร้ายเนี่ย ฉันทำอะไรไม่ได้หรอกนะ หนูรู้ใช่มั้ย?”
“ค่ะ ฉันจะสู้คนเดียวเอง ถ้าเกิดเห็นว่าอันตรายก็รีบหนีเลยนะคะ”
“ถ้าฉันทำยังงั้น เมียฉันฆ่าฉันแน่! ฉันขอร้องแล้วกัน ถ้ามันอันตรายแล้ว หนูก็หนีด้วยนะ ตกลงมั้ย?”
“อะฮะฮะ… ฉันไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ”
น่าตกใจเลยแฮะ นี่คุณแจสเปอร์เป็นพ่อบ้านใจกล้าหรอกเหรอเนี่ย
คุณเอลลิส ดูแข็งแกร่งจังเลยค่ะ
“ถ้างั้น คุณเคท ขอฝากการนำทางด้วยนะคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ เออ… ทางนี้ค่ะ”
จากการนำทางของคุณเคท พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่ที่ถูกโจมตีใส่ก่อนเลย
ดูเหมือนว่าเธอจะจำไม่ค่อยได้ชัดๆ เหมือนกัน แต่ตอนที่เธอหนีมา เธอก็แบกคุณไอริสที่เสียแขนไปข้างหนึ่งขึ้นไหล่ออกมาด้วย เพราะงั้น มันต้องมีรอยเลือดระหว่างทางแน่นอน
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นป้ายบอกทางอย่างดีให้กับพรานอย่างคุณแจสเปอร์เลยล่ะ ตอนไหนที่คุณเคทเกิดลังเลไม่มั่นใจ เขาก็ช่วยสนับสนุนด้วย
และ ประมาณ 30 นาทีนับตั้งแต่ที่เราออกมาจากหมู่บ้านกัน
“ตรงนี้ไง! พวกเราถูกโจมตีใส่ตรงนี้ค่ะ!”
ขนาดมือสมัครเล่นอย่างฉันยังรู้เลยว่าตรงนี้มีฉากโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นน่ะ
“นี่มัน… ซาราสะจัง เจ้านั่นคงตัวใหญ่ไม่น้อยเลยใช่มั้ยเนี่ย? อย่างน้อย ฉันก็จัดการมันไม่ได้แน่ๆ แล้วล่ะ ต่อให้มันจะเป็นแค่หมีตัวโตก็เถอะ”
คุณแจสเปอร์สำรวจรอยกรงเล็บตามต้นไม้ในละแวกนี้ ก่อนจะส่ายหน้าด้วยท่าทางอึ้งๆ หน่อย
จากที่คุณไอริสบอก มัน ‘สูงกว่าอยู่ 2 ศีรษะ’ แต่จากที่คุณแจสเปอร์มองแล้วเนี่ย ตัวมันใหญ่กว่านั้นมากเลยล่ะ
“ม- ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปัญหาคือจะฆ่ามันยังไงให้ดี―――”
“อ๊ะ! ดาบของฉัน!!”
ระหว่างนั้น คุณไอริสที่มองไปรอบๆ อย่างจริงจังเหมือนกับกำลังมองหาอะไรซักอย่าง ก็ร้องออกมาอย่างดีใจ แล้วก็หยิบดาบเล่มนึงออกมาจากในพุ่มไม้
พอมาคิดดูแล้วเนี่ย เรายังไม่ได้เก็บดาบกลับมาเลยนี่เนอะ
“ดีจังเลยนะคะ”
“อะ นายท่านผู้จัดการ…”
คุณไอริสที่กอดดาบของเธออย่างดีใจ ก็มีสีหน้าเขินๆ นิดหน่อยตอนที่เธอเรียกฉัน ก่อนจะเริ่มโบกมือไปมาอย่างตระหนกเลย
“คือว่า! นี่น่ะ! ฉันไม่เคยคิดว่าถ้าตามมาช่วยแบกสัมภาระแล้ว ฉันจะเก็บดาบของตัวเองกลับมาได้อย่างปลอดภัยเลยนะคะ! ถึงจะหวังเอาไว้ว่าจะได้อะไรบางอย่างกลับมาก็เถอะค่ะ!”
“เอ๊ะ? อา ฉันไม่ถือสาอะไรหรอกค่ะ ถ้าไม่มีดาบ คุณก็ทำงานไม่ได้ด้วยนี่คะ”
ฉันก็สงสัยอยู่ว่าเธอตระหนกอะไร ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เองเหรอเนี่ย
เธอก็ไม่ได้ต้องรู้สึกผิดอะไรเลยนะ
เหมือนอย่างตอนที่ฉันมาที่หมู่บ้านนี้ไง ดาบน่ะค่อนข้างราคาแพง แล้วก็ไม่ได้ซื้อได้ง่ายๆ เลย
โดยเฉพาะกับคุณไอริสที่มีหนี้อยู่ด้วยตอนนี้ ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่เข้าไปอีก
ไม่มีดาบก็ทำงานไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ใช่นักเก็บสะสมด้วย ไม่มีให้ยืมซักเล่มเลย
แน่นอนสิ ฉันจะให้ยืมดาบเล่มที่ได้จากอาจารย์ได้ยังไงล่ะ
“ขอโทษนะคะ คุณผู้จัดการ ฉันหาทางไม่เจอแล้วค่ะ ――― ไอริส ถ้าอยากเก็บดาบกลับมา จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอตามมารยาทน่ะ?”
“อูว… นายท่านผู้จัดการ ขออภัยด้วยนะคะ เรื่องที่ว่าฉันนึกถึงดาบของฉันตอนที่เสนอตัวเป็นคนช่วยแบกสัมภาระ ไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ ค่ะ”
คุณไอริสโค้งให้ฉันด้วยท่าทางอึดอัด แล้วคุณเคทก็โค้งให้ฉันตาม
“อา ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากแบบนี้หรอกนะคะ? จริงๆ ค่ะ ดีใจด้วยนะคะที่หาเจอแล้ว”
“อูว ใจดีจังเลยค่ะ นายท่านผู้จัดการ ฉันน่ะ…”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
ฉันช่วยให้คุณไอริสที่มีสีหน้าน่าสงสาร ให้ใจเย็นลงได้ ก่อนจะกลับมาในเส้นทางที่ถูกต้องต่อ
“คุณแจสเปอร์คะ ตามรอยได้หรือเปล่าคะ?”
“ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ถ้ารอยใหญ่ขนาดนี้แล้วยังตามรอยไม่ได้อีก ก็เป็นพรานไม่ได้หรอก”
“ช่วยได้มากเลยค่ะ ถ้างั้น ฉันขอฝากด้วยนะคะ”
คุณแจสเปอร์พยักหน้าให้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนที่พวกเราจะตามร่องรอยของหมี ตามคุณแจสเปอร์ไป
เจ้าหมีมุ่งหน้าไปในทางที่พวกเรามาก่อนเลย
แต่ว่า พวกเราตามไปได้ไม่นานก็หยุดเดิน ก่อนที่จะหันออกไปอีกทางนึง
“นี่… พวกเราบังเอิญโดนโชคหล่นทับจริงๆ เหรอเนี่ย?”
“นั่นสินะ ถ้าหมีมันตัดสินไปแล้วว่าหนูเป็นเหยื่อ มันจะตามไล่หนูแบบไม่ลดละเลยล่ะ เจ้านั่น… เฮล เฟลม กริซลีสินะ? ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องนี้จะเป็นเหมือนกันด้วยมั้ย”
“อสูรร้ายน่ะ ค่อนข้างจะหัวรั้นเลยนะคะ ไม่เหมือนกับพวกสัตว์ทั่วๆ ไป พวกมันมากมายจะกระหายการต่อสู้ และมักจะบุกเข้าโจมตีใส่อยู่บ่อยๆ ค่ะ”
สัตว์ป่าทั่วๆ ไป เวลาเจอกับมนุษย์ ก็จะเตลิดหนี
ถ้ามันไม่ได้หิวมาก แล้วเราทำเสียงดังขึ้นมาตอนเดิน พวกสัตว์ป่าก็หลบกันหมดแล้วล่ะ
แต่ว่า พวกสิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดประเภทเป็นอสูรร้ายน่ะมันต่างออกไป
กรณีที่มันกล้าเดินเข้าไปหามนุษย์และเข้าโจมตีน่ะมีเกิดขึ้นไม่น้อยเลย
ถึงมันจะแตกแขนงแยกจากสัตว์ทั่วๆ ไปไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่อาจจะต่างกันชัดเจนตรงนี้นี่แหละ
แน่นอนว่าอสูรร้ายก็ไม่ได้แค่เข้าโจมตีใส่อะไรก็ตามแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้นหรอกนะ แต่พวกเราเองก็ไม่รู้รายละเอียดระบบนิเวศของพวกมันเหมือนกัน
“ก็ ยังดีนะคะที่เฮล เฟลม กริซลีมันเลิกล่าไปกลางคัน ถ้ามันตามพวกคุณไปถึงหมู่บ้านล่ะก็ จะอันตรายกว่านี้อีกค่ะ”
“เพราะในหมู่บ้านของเราก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้เลย… นอกจากซาราสะจังล่ะนะ”
“ฉันไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาสำหรับนักเก็บสะสมมือเก๋านะคะ แต่… ก็ เรื่องที่พวกเขาจะช่วยสู้เพื่อหมู่บ้านมั้ยก็เป็นอีกเรื่องนึง”
“ห- ให้ฉันช่วยสู้มั้ยคะ?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณไอริส ได้รับบาดเจ็บมานี่คะ?”
“ใจสู้ยังไงล่ะคะ ใจสู้”
ชีวิตน่ะ สำคัญกว่าใจสู้นะคะ
ถึงจะเป็นปาร์ตี้ชั่วคราว ฉันก็คิดว่าเธอเป็นคนดีมากๆ เลยนะ แต่ก็ทำให้ตัวเองอันตรายนิดหน่อย เพราะเธอไม่ยอมทิ้งนักเก็บสะสม 2 คนที่เป็นภาระถ่วงรั้งเธอเอาไว้เลย
“ตามทางที่เราเดินมาทางนี่ พวกเราก็เข้าไปใกล้หมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ”
“ใช่ ดีจริงๆ ที่เรามาน่ะ”
ร่องรอยของมันคดเคี้ยวไปมา แต่การเคลื่อนที่ในภาพรวมก็มุ่งหน้าตรงไปที่หมู่บ้าน
ถ้าปล่อยไว้ไม่ได้สนใจ เป็นไปได้สูงเลยว่าหมู่บ้านจะถูกบุกเข้าโจมตีน่ะ
“หึม รอยค่อนข้างใหม่เลย จากนี้ต้องระวังแล้ว”
“นั่นสินะคะ ถ้างั้น…”
ถ้าเข้าไปใกล้ จะจับได้หรือเปล่านะ? สำรวจรอบข้างด้วยเวทตรวจจับแล้วกัน
“―――อ๊ะ นั่นมัน เจอซักที ถ้างั้นก็ ไปกันเลยค่ะ แค่ตามไปน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเจอแล้วมันจะยุ่งยากอยู่นะคะ”
ฉันคิดว่าคุณแจสเปอร์คงไม่เป็นไรหรอก แต่อีก 2 คนนี่…
“ไปคนเดียว จะดีจริงๆ เหรอ?”
“ค่ะ ยังไงฉันก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนะคะ”
“ฉันไม่มีภาพของนักเล่นแร่แปรธาตุที่แข็งแกร่งเลยนะ แต่ก็…”
ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณอยู่นะคะ แต่ คนแข็งแกร่ง ยังไงก็แข็งแกร่งอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ?
โดยเฉพาะ อาจารย์ของฉันน่ะ ไร้เหตุผลที่สุดเลย
แบบ ฉันมั่นใจเลยนะว่าต่อให้อาจารย์สู้ด้วยดาบอย่างเดียว อาจารย์เก่งยิ่งกว่าอัศวินรักษาพระองค์ซะอีก
ถึงฉันจะเทียบไม่ได้เลยก็เถอะ แต่ในการต่อสู้ระยะสั้นที่ไม่ต้องอาศัยความอึดเนี่ย ฉันก็ใช้ได้อยู่นะ
ฉันค่อยๆ แอบเดินไปในทิศทางที่หาเจอจากเวทตรวจจับ
พวกคุณแจสเปอร์ก็เดินตามหลังฉันมา
สิ่งสำคัญคือการจัดการทีเผลอนี่แหละ―――เพื่อจะได้วัตถุดิบที่ดีไงล่ะ เนอะ
อยู่นั่นไง
มันหันหลังให้พวกเรา กำลังข่วนกรงเล็บของตัวเองกับลำต้นของต้นไม้ต้นนึงอยู่
”นายท่านผู้จัดการ จะจัดการยังไงเหรอคะ?”
“ขอแค่ฆ่ามันได้ จะใช้วิธีไหนก็ได้เลยค่ะ แต่ครั้งนี้ ฉันจะเล็งที่คอของมันแล้วกันนะคะ”
“คอ?”
“ใช่ค่ะ การหักคอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บวัตถุดิบแล้วค่ะ”
“เอ๊ะ…?”
“ฮ่า!”
ฉันทิ้งคุณไอริสที่เอียงคอสงสัยเอาไว้ก่อน แล้วก็กระโดดสุดตัวไปทางด้านหลังของเจ้าหมี
ก่อนจะกระแทกใส่แบบเต็มๆ เท้า
เสียงทื่อๆ ลั่นพ้องดัง *กร็อก*
แล้วคอหนาๆ ของเฮล เฟลม กริซลีก็เบี้ยวไปเลย
ฉันเหยียบเจ้ายักษ์นั่นซ้ำ แล้วก็กลับลงมายืนอยู่ข้างหลังมัน
ร่างของเฮล เฟลม กริซลีก็ร่วงลงกับพื้น นิ่งไม่ไหวติง
“ฟู่ว”
“เอ๊ะ? เอะ? เ―――เอ๋!?”
“…คะ?”
“ไม่อยากเชื่อเลย…”
พวกคุณไอริสยืนตะลึงกัน มองสลับไปมาระหว่างที่ฉัน กับที่พื้นที่มีเฮล เฟลม กริซลีนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่
“เคยบอกว่าเป็นแค่เรื่องกล้วยๆ ด้วยนี่นา”
“ใช่ นายท่านผู้จัดการเคยพูดไว้แบบนั้นจริง นี่หรือว่า ไม่จริงน่า ไม่หรอก เนอะ?”
นี่? ถึงจะว่ายังงั้นก็เถอะ
“ฉันนึกว่าจะจัดการมันด้วยดาบแล้วนะคะ แต่ว่า”
“ฉันเอามาเผื่อเอาไว้ค่ะ แต่หลายๆ ครั้ง เราเลือกจะไม่ฟันมัน เพื่อจะสามารถเก็บวัตถุดิบมาได้”
ก่อนอื่นเลยคือ ฉันต่อสู้มือเปล่าได้ดีน่ะ เพราะฉันไม่มีเงินไง
อาวุธใช้ไปเรื่อยๆ ก็พัง แถมการบำรุงรักษาก็ต้องใช้เงินด้วย
จุดๆ นี้นี่แหละ เวทมนตร์กับการต่อสู้มือเปล่าเนี่ย ใช้ได้ดีเลยล่ะ
ราคาเป็นศูนย์ ทั้งหมดที่ต้องมีก็แค่ความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจเท่านั้นเอง! เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดีมั้ยล่ะ!
ก็ เพราะแบบนั้นแหละ ในชั่วโมงฝึกภาคปฏิบัติ ฉันก็เลยใช้การต่อสู้มือเปล่าในการจัดการพวกมันเป็นพื้นฐานไปเลย
แถมยังสามารถเก็บขนมาได้อย่างสมบูรณ์ดีด้วยนะ
มันไม่มีการสอบวิชาการต่อสู้มือเปล่าหรอก แต่ครูเหมือนจะเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน ครูก็เลยเห็นใจฉันที่อยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน แล้วก็สอนให้ฉันเป็นอย่างดีเลย
“ถ้างั้น รีบเก็บวัตถุดิบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยก็แล้วกัน ยิ่งสดมาก ของที่ได้ก็ยิ่งดีด้วย… อื้อ มันมีถุงไฟอยู่เยอะเลยด้วย”
ถุงไฟเป็นอวัยวะบรรจุของเหลวที่สามารถพบได้ในอสูรร้ายที่พ่นไฟได้ อย่างเฮล เฟลม กริซลีนี่ไง
ทั้งหมดที่ต้องทำเพื่อจะเก็บมันมา ก็คือจัดการมันให้ได้ในชั่วพริบตานี่แหละ
เพราะถ้าสู้ยืดเยื้อจนมันตาย จนไฟถูกพ่นออกมาจนหมดแล้ว สิ่งที่ได้ก็คือถุงเปล่าๆ เท่านั้นเลย
การต่อสู้กับพวกคุณไอริสไม่กี่วันก่อนเหมือนจะไม่ได้ผลาญไปมากขนาดนั้นนะ
“โห ซาราสะจัง ฝีมือหนูดีเลยนี่?”
“ฉันก็เป็นมืออาชีพเหมือนกันนะคะ ถ้าทำประมาณนี้ไม่ได้ ก็เรียกตัวเองว่านักเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้หรอกค่ะ”
อย่างน้อย ถ้าเป็นเรื่องการชำแหละอสูรร้ายล่ะก็ ฉันมั่นใจว่าฉันชนะคุณแจสเปอร์ได้เลยนะ
“อูว ศัตรูที่ฉันสู้ด้วยอย่างยากลำบาก กลายเป็นแค่วัตถุดิบไปซะแล้ว…”
ฉันค่อยๆ เก็บรวบรวมวัตถุดิบต่อไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่คุณไอริสก็มองดูอยู่ด้วยสีหน้าซับซ้อน
วัตถุดิบสดๆ แบบนี้น่ะ ยากเลยนะกว่าจะได้มา คาดหวังได้เลยว่าราคาดีแน่นอน
ส่งซักครึ่งหนึ่งไปให้อาจารย์ หรือควรจะส่งไปที่เซาว์ท สแตรกดี…
“เอาล่ะ สุดท้ายก็ลูกตาสินะ ที่เหลือไว้จัดการหลังจากกลับถึงบ้านก็พอ”
“เสร็จแล้วเหรอ? เร็วจริงๆ เลยนะ”
“ยิ่งสด มูลค่าก็ยิ่งสูงนะค-…เอ๊ะ! ไม่จริงน่า นี่มัน…”
ลูกตาของเฮล เฟลม กริซลีที่ปกติจะเป็นสีขาว
แต่ว่า ตอนที่ฉันเอาออกมา มันกลับถูกย้อมเป็นสีแดงสดเลย