[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 35 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 7]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 35 [1] เสียงเล่าจากสายลม [Part 7]
“การคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลีเหรอ?”
“ค่ะ ความเสี่ยงที่เป็นไปได้สูงมากๆ เลยค่ะ”
[การคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลี]
หมายถึงการที่ฝูงเฮล เฟลม กริซลีเข้าโจมตีหมู่บ้านหรือเมืองในละแวกใกล้เคียง
ถึงสาเหตุของมันจะมีอยู่หลากหลายทฤษฎี แต่อันที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ ‘การขาดแคลนหินอัคคี’
ตามชื่อของมันนี่แหละ หินอัคคีคือก้อนหินที่มีพลังของธาตุไฟกักเก็บเอาไว้อยู่ และในพื้นที่บริเวณนี้ สามารถหาได้ในส่วนที่ลึกเข้าไปในทะเลป่าใหญ่ แล้วก็ตามสันเขาในแนวเทือกเขาด้วย
เฮล เฟลม กริซลีชอบกินหินนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าเกิดมันไม่สามารถหาได้ในปริมาณที่เพียงพอ มันก็จะเริ่มอาละวาด เหมือนกับว่าเสียสติสัมปชัญญะไป
สัญญาณที่แสดงให้เห็นได้ก็คือลูกตาสีแดงก่ำนี่แหละ
ตัวที่ฉันฆ่าไปครั้งนี้เป็นเหมือนตัวลาดตระเวนเท่านั้น หลังจากนี้อีกซักพัก ตัวฝูงหลักจะตามมาแน่ๆ
ที่ฉันเคยได้ยินมา อย่างดีก็คงมีซัก 10 ตัว เลวร้ายที่สุดก็เกิน 100 ตัวไปอีก
“บ- แบบนั้น…”
ผู้ใหญ่บ้านฟังคำอธิบายของฉันแล้วก็พูดอะไรไม่ออกเลย
หลังจากตอนนั้น พวกเราก็รีบกลับมาที่หมู่บ้าน เข้าไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องของการคลุ้มคลั่ง
1 ตัวหรือ 2 ตัวก็ทำได้แค่ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ฉันเท่านั้นแหละ แต่ก็นะ จะรับมือกับ [การคลุ้มคลั่ง] ด้วยตัวคนเดียวเนี่ยเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้โม้ดด้วย แต่ฉันไม่มีแรงพอจะสู้ศึกยืดเยื้อได้เลย
“ค- ควรจะทำยังไงดี… แจสเปอร์ พอจะทำอะไรได้มั้ย?”
“จะฆ่าซักตัวก็ยังทำไม่ได้เลยครับ ต่อให้ขอให้เจ้าครองที่ส่งความช่วยเหลือมา เรื่องเวลาก็―――”
“เร็วที่สุด มันจะมาถึงพรุ่งนี้แล้วค่ะ หรืออย่างช้าที่สุด ก็อาจจะภายใน 6 วัน”
“ไม่ไหวแน่! แค่ติดต่อไปยังไม่ทันเลย… แถมไม่รู้เลยว่าเจ้าครองที่จะส่งกองกำลังมาช่วยรึเปล่าด้วยซ้ำ”
ผู้ใหญ่บ้านกุมหัวตัวเอง หน้าซีดไปเลย คุณเอลลิสบอกว่างานเดียวที่เขาทำคือเก็บภาษี บางที เขาอาจจะไม่ได้คุ้นเคยกับการรับมือกับการเข่นฆ่าแบบนี้ก็ได้
ในเรื่องความน่าเชื่อถือนี่ คุณแจสเปอร์เหนือกว่าอย่างท่วมท้นเลย ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา หรือความเยือกเย็นน่ะ
“ซาราสะจัง หนูรับมือไหวหรือเปล่า?”
“คุณแจสเปอร์คะ ถึงฉันเพิ่งฆ่ามันมาได้ง่ายๆ เมื่อกี้ แต่นั่นมันก็แค่ตัวเดียว แถมเป็นการเล่นงานทีเผลอด้วย ใช่มั้ยล่ะคะ?”
เหมือนการจับแกะมัดตัวนึง เทียบกับการถูกแกะเป็นสิบๆ ตัววิ่งไล่นั่นแหละ
มันเทียบกันไม่ได้เลย
“ฉันจะร่วมมือเท่าที่จะทำได้แน่นอนค่ะ แต่… ในหมู่บ้าน มีใครที่พอจะสามารถต่อสู้ได้บ้างเหรอคะ?”
“พูดไปอาจจะแปลก แต่ก็คงมีแค่แจสเปอร์นี่แหละ บางที อาจจะช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่ด้วยสิ”
“อ่า ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวนาชาวไร่ล่ะนะ”
“ถึงยังงั้น ฉันคิดว่าก็ยังสามารถปาหินหรือสาดน้ำใส่พวกมันได้อยู่นะคะ แต่ฉันว่า ยังไงก็ต้องขอความร่วมมือจากนักเก็บสะสมแล้วล่ะค่ะ”
“แต่ว่า หมู่บ้านน่ะไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกนะ…”
ผู้ใหญ่บ้านหลุดคำพูดแสดงปัญหาลำบากใจออกมา พวกคุณไอริสที่ตามฉันมาด้วยก็ตอบกลับไปทันทีเลย
“ฉ- ฉันจะร่วมสู้ด้วยค่ะ! แม้จะเป็นกำลังเล็กๆ ก็ตาม”
“ฉันจะช่วยเท่าที่ทำได้ค่ะ”
“โอ้ ขอบใจพวกเธอนะ นักเก็บสะสมมือเก๋าคนอื่นๆ ก็อาจจะช่วยได้นะ แต่…”
“เพื่อเป็นรางวัล ถ้าสามารถฆ่าเฮล เฟลม กริซลีได้ ก็สามารถทำยังไงกับวัตถุดิบที่ได้มาก็ได้สิคะ ฉันจะช่วยรับซื้อเอง เท่านี้ก็น่าจะจ้างได้แล้วนะคะ”
นักเก็บสะสมกับทหารรับจ้างน่ะไม่เหมือนกัน แต่ฉันคิดว่า พวกเขาก็น่าจะร่วมมือกับหมู่บ้านที่ฉันอยู่นะ ถ้าเกิดฉันจ่ายเงินรางวัลให้พวกเขาน่ะ
ปัญหาคือ ถ้าไม่ใช่ระดับมือเก๋าเนี่ย ก็ฆ่าเฮล เฟลม กริซลีไม่ได้หรอก แต่ถ้าอยู่ประมาณๆ คุณอังเดรเอาไว้ก็น่าจะไม่เป็นไรนะ
“แต่ว่า จะมีคนพอปกป้องหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านใช่มั้ย?”
“ไม่พอค่ะ แต่ว่า ยังพอมีวิธีอยู่นะคะ”
ฉันเคยอ่านเจอแต่ในหนังสือนะ แต่เหมือนว่าเฮล เฟลม กริซลีที่ชอบกินหินอัคคีเนี่ย สามารถใช้ศิลาเวทที่อัดด้วยเวทมนตร์ไฟล่อมาได้ระดับนึง
ถ้าปกป้องทั้งหมู่บ้านไม่ได้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรวมศัตรูมาไว้ในที่เดียว
“สร้างรั้วล้อม ล่อพวกมันไปที่นั่น แล้วรวบตีพวกมันทั้งหมดในทีเดียว คนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ ก็สามารถไปร่วมมือกับการเฝ้าระวัง และช่วยกันทำการเตรียมการล่วงหน้า พวกเราอาจจะพอจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้าง… คิดว่านะคะ”
ถึงจะรวมพวกมันมาได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ดีกว่าให้มันบุกโจมตีไปทั่วบริเวณ
ต้องเผชิญกับฝูงสัตว์ใหญ่ หลายคนก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับมือกับพวกมันด้วยการโจมตีระยะประชิด
“แน่นอนค่ะ มันเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านต้องเป็นคนตัดสินใจ เพราะฉันคิดว่า ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งที่ ให้ทุกคนอพยพไปที่ไหนซักที่นึง แต่ว่า…”
“เรื่องอพยพน่ะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นชาวไร่ชาวนา ไม่มีที่ทำกิน พวกเขาก็อยู่ไม่ได้หรอก จะคาดหวังการช่วยเหลือจากเจ้าครองที่ก็เปล่าประโยชน์…”
“เจ้าครองที่ของที่นี่ไร้ความสามารถจริงๆ สินะคะ”
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ ส่วนคุณแจสเปอร์ก็ยืนยันอย่างชัดเจนมากเลย
แต่ว่า ถ้าหมู่บ้านจะย่อยยับเนี่ย เจ้าครองที่ทั่วๆ ไปก็จะต้องมาให้การช่วยหลือนะ… อ่า แต่มาอีหรอบนี้สินะ ให้พูดแรงๆ เลยก็ เหมือนไม่สนว่าชาวบ้านในหมู่บ้านนี้เองก็เป็นเหมือนชาวบ้านในหมู่บ้านอื่นๆ เลยน่ะ
มันไม่มีทางจะเอาคนจากที่อื่นเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านที่รกร้างว่างเปล่าอยู่แล้วด้วย
อีกอย่าง ถ้าทำการเก็บภาษีที่ดิน เจ้าครองที่ก็จะได้ผลประโยชน์ด้วย…
“อันที่จริง ซาราสะจังก็เพิ่งจะอยู่ในหมู่บ้านนี้มาไม่นานเองนะ ไม่มีความจำเป็นต้องปักหลักอยู่ที่นี่เลยนี่?”
“อื~ม ไม่ว่ายังไง ฉันก็ทิ้งเพื่อนๆ ไว้ข้างหลัง แล้วหนีไปไม่ได้หรอกค่ะ”
โลเรียจังเป็นเพื่อนไม่กี่คนที่ฉันมี แล้วฉันก็ติดหนี้พวกคุณเอลลิสด้วย
ถ้ามันไม่มีทางเลือกอื่นเลยซักทางจริงๆ เรื่องก็อาจจะต่างออกไป แต่ถ้ามีอะไรซักอย่างที่ฉันพอจะคิดได้ล่ะก็ ฉันจะไม่หนีแน่นอน
“ขอบใจมากนะ ในเวลาแบบนี้ ยังกับว่าซาราสะจังมาที่นี่ตามการนำทางของพระเจ้าเลย”
“ต้องขอโทษด้วยนะ พวกเราเป็นหนี้หนูแล้ว ฉันเองก็ผูกพันกับหมู่บ้านนี้ ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากจะต้องทิ้งอะไรไปเลย”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่หรอก ฉันทำได้แค่เท่าที่กำลังของฉันจะเอื้อมถึงเท่านั้นเอง ก่อนหน้านั้น พวกเรามาเติมแผนการที่ว่างๆ อยู่ให้เต็มก่อนดีกว่าค่ะ”
จากนั้น พวกเราก็ใช้เวลาถกประเด็นกันจนปิดแผนการขั้นสุดท้ายจนได้ อย่างระยะของรั้ว, พื้นที่การต่อสู้ และวิธีการหลอกล่อนำทาง
อีกอย่างนะ นอกจากฉันที่มีความรู้จากการศึกษาในโรงเรียนแล้ว คุณไอริสกับคุณเคทเองก็มีความรู้มากกว่าที่ฉันคิดอย่างคาดไม่ถึงเลย แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดแต่น่าดีใจเลยล่ะ ที่ทำให้การปรึกษาหารือดำเนินไปได้จนจบ
“คุณซาราสะคะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้หรือเปล่าคะ?”
“นั่นสินะ ถ้างั้น ช่วยเด็ดสมุนไพรในสวน แล้วเอามาล้างให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่า?”
“รับทราบแล้วค่ะ!”
หลังจากที่ตอบรับเรียบร้อย ฉันก็มองส่งโลเรียจังที่รีบออกไปจากบ้านทันที ก่อนจะหันมาเริ่มสร้างศิลาเวทที่อัดด้วยพลังเวทธาตุไฟต่อเลย
ต่อให้เป็นการทำศิลาเวท ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันบริสุทธิ์แบบตอนที่ใช้ในการสร้างอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) เลย แค่บดเศษหินเวทดิบ แล้วใส่พลังเวทลงไปก็พอ
แต่ว่า เพื่อที่จะใช้ล่อพวกมัน มันจำเป็นต้องโปรยกระจายมันออกไปในระยะที่ค่อนข้างกว้าง เพราะงั้น ปริมาณที่ต้องใช้ก็เยอะเลย
“ถ้านี่ล้มเหลวล่ะก็ ขาดทุนหนักเลยนะเนี่ย…”
เงินที่ลงไปกับเศษหินเวทดิบกับต้นทุนของโพชั่น (ยาแปรธาตุ) เนี่ย จะถอนทุนคืนจากวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุของพวกซากของเฮล เฟลม กริซลีได้อยู่ แต่นั่นก็ต่อเมื่อแผนทุกอย่างไปได้สวยนะ
ถ้าฉันล้มเหลว แล้วต้องหนีจากหมู่บ้านนี่ล่ะก็ ฉันคงจะกลับไปที่เมืองหลวง แล้วก็ทำงานอยู่ที่ร้านของอาจารย์นั่นแหละ ซึ่ง ฉันก็อยากจะเลี่ยงเรื่องนั้นให้ได้ล่ะนะ
อีกอย่างคือ เพราะยังไงก็ต้องเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ฉันก็เลยอธิบายสถานการณ์ให้โลเรียจังฟัง
เธอนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกไปซักพักนึงเลย แต่ก็รีบดึงสติตัวเองกลับมา แล้วก็พยายามจะทำอะไรเท่าที่เธอจะทำได้ต่อเลย
ฉันขอให้พวกคุณไอริสไปช่วยสร้างรั้ว รั้วที่แข็งแรงพอจะกั้นล้อมเฮล เฟลม กริซลีที่มารวมตัวกันได้ และรั้วง่ายๆ รอบหมู่บ้าน หันหน้าเข้าหาทางป่า
ระยะเวลาในการทำคือทำเท่าที่ทำได้ ขึ้นกับว่าพวกมันจะมาเมื่อไหร่ แต่มองจากความสามารถของคุณเกเบิร์กกับบรรดาผู้ร่วมงานที่มาช่วยกันทำรั้วที่บ้านของฉันแล้วนี่ ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายเลยล่ะ
อย่างน้อยที่สุดเนี่ย ถ้ารั้วรอบบริเวณที่มีจะเปิดศึกการต่อสู้แข็งแรงแล้ว แผนก็พอจะถูไถไปได้อยู่… น่าจะดีแล้วนะ?
ไม่สิ ไม่ได้ๆ จะมองโลกในแง่ร้ายไม่ได้สิ
ฉันเขย่าเอาความคิดอ่อนหัดที่ผุดขึ้นมาในหัวพวกนั้นออกไป ก่อนจะหันกลับมาทุ่มแรงทั้งหมดใส่ในค้อน เหวี่ยงลงมาทุบเศษหินเวทดิบต่อ
“ขออภัยค่ะ นายท่านผู้จัดการ มีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นแล้วค่ะ”
วันที่ 2 นับจากที่พวกเราเริ่มมาตรการตอบโต้การคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลี
คุณไอริสก็บอกคำพูดแสดงถึงลางร้ายให้ฉันได้รู้ ตอนที่เธอกลับมาที่บ้าน
“พวกนักเก็บสะสม หายไปเกือบหมดเลยด้วยค่ะ”
“……เอ๊ะ?”
พอฉันถามถึงรายละเอียด ดูเหมือนว่าพวกนักเก็บสะสมที่เพิ่งจะมาที่หมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ กับพวกนักเก็บสะสมที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนบางส่วนได้ออกไปจากหมู่บ้านนี้กันแล้ว
ไม่สิ พวกเขาคงจะหนีกันไปนั่นแหละ แค่ได้ยินเรื่องเฮล เฟลม กริซลีล่ะนะ
“ดูเหมือน 2 คนนั้นที่ร่วมปาร์ตี้กับพวกฉัน จะเอาความน่ากลัวที่ตัวเองไปเจอไปแพร่กระจายค่ะ…”
เมื่อวานนี้ ผู้ใหญ่บ้านนำข้อมูลเรื่องของการคลุ้มคลั่งมาเปิดเผยกับทุกคน และถามขอความร่วมมือจากบรรดานักเก็บสะสม
คืนนั้น พวกนั้นเหมือนจะเอาประสบการณ์ที่ตัวเองประสบมาเล่าแบบใส่สีตีไข่ในโรงอาหารที่เรียวกังนะ
พอได้ยินเรื่องแบบนั้น นักเก็บสะสมจำนวนมากก็กลัวกัน แล้วก็ออกจากหมู่บ้านไปในเช้าวันนี้
นักเก็บสะสมหลายๆ คนที่ไม่ได้เอาเรื่องเล่าของพวกนั้นมาใส่ใจนัก พอได้ฟังเรื่องจากคุณไอริส แล้วเห็นว่าเรื่องที่พวกเขาบอกไม่ได้ผิดเลย ทำให้พวกเขาก็ทำในสิ่งเดียวกัน
แม้แต่คุณไอริสเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องที่เธอเกือบเสียแขนไปแล้วก็เป็นความจริง
“ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฉันไม่ห้ามหรอกค่ะที่จะหนีกันไป แต่ว่า… มันอาจจะลำบากขึ้นนิดหน่อย”
“ขออภัยด้วยค่ะ เพราะฉันได้รับบาดเจ็บมาแบบนั้นแท้ๆ เลย!”
คุณไอริสขมวดคิ้วและกำหมัดแน่นเลย แต่ก็นะ ว่าแล้วว่าเธอคิดมากกับเรื่องนั้นมากเกินไปแล้ว
“ไม่เลยค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณไอริสเลย กลับกันเลย ถ้าเกิดพวกคุณไอริสไม่ได้เข้าไปเจอมันเข้าล่ะก็ เราก็ต้องเจอกับภัยอันตรายของการถูกโจมตีแบบฉับพลันเลยนะคะ ได้เตรียมการล่วงหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ”
“ใช่แล้วค่ะ! แถมพวกคุณไอริสก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านด้วย ฉันดีใจนะคะที่ทุกคนช่วยหมู่บ้านของฉันแบบนี้น่ะ”
“ถึงจะว่าแบบนี้ก็เถอะ…”
พอได้ยินคำพูดของฉันกับโลเรียจังแล้ว สีหน้าท่าทางของคุณไอริสก็คลายลงบ้างเล็กน้อย
“แต่ว่า คุณผู้จัดการคะ พอไม่มีนักเก็บสะสมแล้ว จะยังสามารถจัดการได้หรือเปล่าคะ?”
“ดูเหมือนฉันจะต้องยุ่งนิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในการควบคุม… ได้อยู่นะคะ”
คำพูดที่ดูใจเสาะนิดๆ ของฉัน ทำให้โลเรียจังกับคนอื่นๆ ไม่สบายใจกันไปบ้าง
แต่ว่า มันไม่ใช่อะไรที่ฉันจะทำได้ด้วยตัวคนเดียวเนี่ยเลย
ฉันไม่ค่อยมั่นใจเรื่องแรงกายของตัวเองด้วยสิ… คงจะต้องทำโพชั่นฟื้นฟูกำลังกายเอาไว้เยอะๆ ซะแล้วสิ