[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 42 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 2]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 42 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 2]
หลังจากที่คุณอังเดรออกไปแล้ว ก็มีชาวบ้านทยอยมาเรื่อยๆ ทีละคน ทีละคน จนสุดท้าย ก็มีถุงหนังมากองรวมกันอยู่ 5 ใบ
หนังดิบทั้งหมดข้างใน มีอยู่ 28 ผืนเลย
“ระดับการจัดการ… ต่างกันออกไปเลยแฮะ”
อันที่ลอกออกมาได้สมบูรณ์สวยเลยนี่ คงเป็นของพรานอย่างคุณแจสเปอร์ล่ะมั้ง
อันที่พลาดไปนี่ เป็นของชาวบ้านทำ หรือนักเก็บสะสมทำล่ะเนี่ย?
น่าตกใจจังที่ไม่มีส่วนไหนที่ขาดออกไปแบบแปลกๆ เลย นอกจากร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้น่ะ
มันมีผลกับราคาด้วย เพราะแบบนั้นหรือเปล่านะ พวกเขาเลยลอกหนังกันอย่างระมัดระวังสุดๆ เลย
กลับกันด้วยซ้ำ ไขมันส่วนเกินยังมีติดอยู่เลย แต่อันนี้ฉันจัดการเองได้อยู่
“งั้น เริ่มจากจัดการส่วนล่างก่อนเลยแล้วกัน ถึงจะชินแล้วก็เถอะ แต่มันก็ยังเหม็นอยู่ดีนั่นแหละนะ”
ฉันยัดหนังดิบของสัตว์ 28 ตัวลงไปในหม้อเล่นแร่ใบโตจนแน่น
แล้วก็แถมลงไปอีกหนึ่งด้วย
เฮล เฟลม กริซลีตัวแรกสุดที่โผล่มาก่อนตอนนั้นไงล่ะ
ฉันปล่อยมันเอาไว้ก่อน หลังจากเตรียมการรอจัดการต่อไว้แล้ว งั้นคราวนี้ก็เอามาจัดการพร้อมกันซะเลยแล้วกัน
“เติมน้ำ~♪ เติมน้ำยา~♪ จุดไฟ~♪”
เอาหม้อเล่นแร่ตั้งบนเตา แล้วก็รอให้มันค่อยๆ เดือดปุดปุด
ระหว่างที่คนไปเรื่อยๆ กลิ่นไม่น่าอภิรมย์ที่โชยมาตอนแรกนั่นก็ค่อยๆ หายไปแล้ว
“……อืม แบบนี้ได้หรือยังนะ?”
กระบวนการฟอกหนังที่ตามปกติจะกินเวลาเยอะมาก การเล่นแร่แปรธาตุจะช่วยย่นเวลาไปให้เหลือไม่ถึงวันเลย
ฉันเอาหนังผืนออกมาล้างน้ำเพื่อตรวจสอบคุณภาพของหนังที่ได้ จะประเมินกันตรงนี้นี่แหละ
มีแค่อันแรกนี่แหละที่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้งส่วนหัวด้วย
แต่ โดยรวมๆ แล้ว ก็ดูไม่เลวเลย มั้งนะ?
รวมทั้งเจ้าตัวที่ฉันตัวคอขาดกระเด็นนั่นด้วย
“มี 7 ผืนที่ [ดีเยี่ยม] 10 ผืนที่ [ดี] ส่วนที่เหลือก็ [พอรับได้] สินะ?”
[ดีเยี่ยม] ก็คืออันที่ดูดี และก็ขายได้ราคาสูง
ถ้าซ่อมแล้ว ในแง่ของการเอาไปใช้งาน จะสามารถใช้ได้เทียบเท่ากับอันที่ได้รับการประเมินว่า [ดีเยี่ยม] เลย นั่นก็คือ [ดี]
[พอรับได้] ก็คืออันที่คุณภาพด้อยลงมาอีกหน่อย ในแง่ของการนำไปใช้งาน
แต่ที่จริง ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรล่ะนะ
เพราะก็ไม่ใช่ว่าทุกครั้ง เราจะจำเป็นต้องใช้หนังเต็มตัวนี่เนอะ
ถ้าการจัดการกับหนังทำไปแค่ประมาณนึง ขนก็จะยังฟูอยู่หลังจากที่หนังตากจนแห้งแล้ว แถมยังแข็งแรงพอจะเอาไปใช้ทำผลิตภัณฑ์ด้วย
“มันเข้ากับธาตุไฟได้ดีด้วยนะ แต่… คงไม่เหมาะกับฤดูนี้เท่าไหร่”
อากาศในฤดูตอนนี้ก็กำลังจะร้อนแล้ว
[ขนอุ่นเป็นพิเศษ] เนี่ย ไม่เป็นที่ต้องการหรอก
แต่มองอีกมุม จะเอาวัตถุดิบไปใช้โดยเมินเฉยเรื่องคุณสมบัติที่ติดตัวอยู่ของมันเนี่ย มันก็เสียของเกินไปด้วย
“ต้องเก็บไว้ในโกดังจนกว่าจะถึงฤดูหนาวเลยเหรอ…? อ๊ะ ก่อนหน้านั้น ติดต่อหาอาจารย์ก่อนดีกว่า”
ฉันเขียนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้แบบคร่าวๆ ส่งไปให้อาจารย์ทางวงเคลื่อนย้าย
ระหว่างที่รออยู่ซักพักให้ขนแห้ง คำตอบกลับก็ถูกส่งมาทันทีเลย
“เออ… ‘ฉันซื้อให้ 8 ผืน จ่ายสด ส่งมาได้เลย’ เหรอ สมกับเป็นอาจารย์เลย! พึ่งพาได้สุดๆ!”
ถ้าฉันซื้อหนังนี้ในราคาตลาด ด้วยเงินที่ฉันมีอยู่ ก็พอจ่ายให้คุณผู้ใหญ่บ้านได้อยู่นั่นแหละ แต่ถ้าเงินขาดสภาพคล่องไปล่ะก็ ฉันมีปัญหาแน่ ฉันก็เลยอยากจะหาเงินสดมาเติมเอาไว้ซักหน่อย
ตัวแรกที่ฉันจัดการไป กับหนัง [ดีเยี่ยม] อีก 7 ผืน เพิ่มหนังผืน [ดี] ไปอีกผืนนึง แล้วเขียนโน้ตเข้าไปด้วย
“เออ ‘8 ผืน ขอเป็นเงินสดเลยนะคะ ส่วนอีกผืน ฉันอยากได้เมล็ดหญ้านุคุนุคุ (温々) ซักหน่อยนะคะ’”
ฉันเขียนว่า 8 ผืน แต่ไม่ได้ระบุคุณภาพไว้นะ!
ฮุฮุฮุ ไม่เป็นไร! ถ้าเป็นอาจารย์ล่ะก็ ไม่มีปัญหาแน่นอน!
ฉันไม่มีลูกค้าคนไหนจะมาซื้อขนคุณภาพ [ดีเยี่ยม] อยู่แล้วด้วย!
ระหว่างที่ฉันเย็บซ่อมหนังอยู่ซักพักใหญ่ วงเคลื่อนย้ายก็ส่งกระเป๋าหนังที่มีเงินสดอยู่ข้างในเพียบ เมล็ดหญ้าอุ่น แล้วก็กระดาษแผ่นนึงมาที่ฝั่งนี้
“กระดาษนี่… ‘ไม่เลวนี่’ ของกล้วยๆ ค่า!”
สมกับเป็นอาจารย์เลย
มีแวบนึงที่ฉันคิดว่าอาจารย์จะส่งอะไรอย่าง ‘อย่าส่งอะไรแพงๆ แบบนี้มาสิ’ ซะอีก แต่ดูท่าจะไม่ใช่แบบนั้นเลยแฮะ!
เงินสดนี่ก็… อ่า เยอะเลยล่ะ
มากกว่าที่ฉันกะเอาไว้ว่าจะซื้อเมล็ดหญ้านุคุนุคุมาด้วยใช่มั้ยเนี่ย?
แต่เท่านี้ ก็เอามาจ่ายให้ผู้ใหญ่บ้านได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะ
“โลเรียจา~ง!”
“ค่า~ …มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ?”
“ช่วยเอานี่ไปส่งให้คุณผู้ใหญ่บ้านให้ทีได้หรือเปล่า? หนักนิดหน่อยนะ”
ฉันเรียกโลเรียจังที่เฝ้าร้านอยู่มา แล้วก็ยื่นถุงที่มีเงินค่าหนังดิบอยู่เต็มให้เธอไป
“เงินประมาณนี้น่าจะใช้ได้แล้วนะคะ ถ้างั้น ไปก่อนนะคะ”
“อื้อ ระวังตัวด้วยน้า~”
ฉันพลิกป้ายร้านไปเป็นอยู่ระหว่างพัก โบกมือส่งโลเรียจังที่กำลังเดินออกไป ก่อนจะกลับไปจัดการกับหนังสัตว์ต่อ
“เอาขนที่เหลือใส่ไปในหม้อเล่นแร่อีกรอบนึง ใส่เมล็ดหญ้านุคุนุคุลงไป ศิลาเวทซัก… ประมาณนี้แล้วกัน ถุงไฟถุงนึงด้วย แล้วก็ลูกตา… น่าจะสิ้นเปลืองไปแฮะ ไม่ต้องดีกว่า”
ถ้าฉันใส่ลงไปด้วย ประสิทธิภาพมันก็จะสูงขึ้นนั่นแหละ แต่ราคาขายมันก็จะสูงขึ้นไปประมาณนึงเลย ถ้าเป็นแบบนั้น คงจะขายออกยากแน่
“อะ จริงสิ ลูกตากับถุงไฟนี่ ขายให้อาจารย์ด้วยดีกว่า”
ถ้าเป็นลูกตาปกติเนี่ย แค่ไปล่ามันก็ได้มาแล้วล่ะ แต่ไม่ใช่กับลูกตาในตอนที่คลุ้มคลั่งแบบนี้
มันเป็นวัตถุดิบที่หายากมาก เพราะการคลุ้มคลั่งเนี่ย มันสร้างขึ้นมาไม่ได้
แน่นอนว่า ราคามันก็สูงด้วย
…แต่ถ้าขายไม่ออกมันก็ไม่มีผลหรอก
การใช้งานมันค่อนข้างจำกัด เพราะงั้น ต่อให้เอามาแขวนโชว์ในร้าน ก็คงไม่มีใครซื้ออยู่ดี
ไม่สิ กรณีของฉัน มันก็เหมือนกับวัตถุดิบแปรธาตุอันอื่นๆ นั่นแหละ
เพราะไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุมาซื้อหรอก
พอจะเอาส่วนนึงไปขายที่ร้านของคุณเลโอโนร่าได้อยู่ แต่ตอนนี้ ของเกินครึ่งต้องเป็นสินค้าคงคลังเหรอเนี่ย?
ถ้าจะฝืนกำจัดมัน ฉันคงโดนกดราคาแน่ แถมอนาคตอาจจะจำเป็นต้องใช้มันก็ได้
“หลังจากนั้น ก็คนไปเรื่อยๆ พลางใส่พลังเวทลงไปด้วย…… เยี่ยม! ได้แล้ว!”
อย่าทำเกินจุดนี้ไป ค่อยๆ ใส่พลังเวทลงไปช้าๆ
ถ้าวัตถุดิบทั้งหมดที่ใส่ไปในหม้อเล่นแร่หลอมเข้าหากัน จนมีแต่ขนสัตว์อย่างเดียวที่เหลืออยู่ นี่แหละ หลักฐานที่แสดงว่าทำได้สำเร็จแล้ว
หลังจากนั้น ก็ซักให้สะอาด แล้วก็ผึ่งให้แห้งอีกรอบ
“คุณซาราสะ กลับมาแล้วค่ะ”
ระหว่างฉันกำลังซักหนังขนสัตว์ โลเรียจังก็กลับมาพอดี
“อะ ยินดีต้อนรับกลับนะ เอาไปส่งให้เรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ค่ะ คุณผู้ใหญ่บ้านบอกว่า มันดูจะเยอะกว่าที่คิดเอาไว้ ก็เลยตกใจอยู่ค่ะ หรือที่จริง ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน อีกอย่าง ถ้าเงินข้างในมีเยอะขนาดนั้นล่ะก็… ช่วยบอกฉันด้วยสิคะ! ปกติ ฉันจะเดินไปเรื่อยๆ แล้วถือถุงนั้นด้วยมือแค่ข้างเดียวเองนะคะ!”
ก็จริงอยู่นะที่มันเป็นจำนวนเงินที่เยอะเลยที่ให้เด็กจะมี แต่ว่า―――
“แต่ถ้าฉันบอก จะไม่รู้สึกไม่สบายใจเอาเหรอ? กว่าจะเดินไปถึงบ้านของคุณผู้ใหญ่บ้านด้วย”
“…จริงด้วยนะคะ อาจจะทำตัวดูน่าสงสัยเลยก็ได้”
บางทีอาจจะย้อนนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้อีกรอบนึงก็ได้ หน้าของโลเรียจังถึงได้ซีดไปเลย
“ใช่มั้ยล่ะ? ที่ฉันไม่พูดอะไรเลย ทั้งหมดก็เพราะคิดถึงโลเรียจังนะ!”
ที่จริง ฉันแค่ไม่ทันได้นึกถึงล่ะนะ
―――อือ ครั้งหน้า เดี๋ยวขอให้คุณไอริสหรือคุณเคทช่วยตามไปด้วยก็แล้วกัน
ช่วงนี้น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเกิดมีนักเก็บสะสมที่ระบุตัวไม่ได้เพิ่มขึ้นมา อาจจะเป็นอันตรายก็ได้
“โธ่…”
รู้สึกเหมือนโลเรียจังจะหรี่ตามองมาด้วยสายตาเย็นชายังไงไม่รู้ แต่นั่นคงเป็นเรื่องที่ฉันคิดไปเองนั่นแหละ ว่ามั้ย?
“เอาเป็นว่า ไว้ทีหลังก็ได้ค่ะ ――― นั่นคือขนหมีใช่มั้ยคะ?”
“อื้อ ใช่แล้วล่ะ จะดูหน่อยมั้ย?”
พอฉันยื่นหนังที่แห้งแล้วไปให้ โลเรียจังพอได้ลองแตะมันก็ตกใจจนตาโตเลย
“แตะๆ แล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ กลิ่นก็หายไปแล้วด้วย… เหมือนจะอุ่นนิดๆ ด้วยใช่มั้ยคะ?”
“มันมีคุณลักษณะแบบนั้นเลย ในฤดูหนาว ถ้าสวมเสื้อคลุมที่ทำจากขนนี้จะอุ่นมากๆ เลยล่ะ”
“ดูสะดวกดีจังเลยค่ะ แต่ว่า… มันแพงใช่มั้ยคะ?”
“ก็ ไม่ถูกหรอกนะ? เงินที่โลเรียจังเอาไปส่งน่ะ ก็คือเงินค่าหนังดิบพวกนี้ไงล่ะ”
“หวาาา! แล้ว คุณก็จัดการมันเพิ่มเข้าไปอีกด้วยการเล่นแร่แปรธาตุสินะคะ…?”
เหมือนพอจินตนาการถึงราคาของมันแล้ว โลเรียจังก็หยุดมือที่กำลังลูบขนอยู่กึกเลย ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมันคืนมาให้ฉันอย่างเบามือ
“ฮุฮุ ถ้าเป็นแค่ถุงมือหรือหมวก ราคาก็ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกนะ”
“อูว ถึงยังงั้น ฉันก็ไม่คิดว่าจะซื้อด้วยเงินค่าจ้างของตัวเองไหวอยู่ดีนะคะ… แต่ ถ้าในฤดูนี้ก็พอไหวนะคะ”
ฉันยิ้มแหยๆ ให้ พลางยักไหล่ให้โลเรียจังที่ดูจะแปลกๆ ไปนิดหน่อย
“ฉันมีวิธีแล้วล่ะ ต่อให้เป็นวัตถุดิบ มันก็ขายออกได้นะ ถึงจะเร็วกว่าหน้าของมันก็ตาม”
เสื้อคลุมขนสัตว์จะเริ่มขายกันได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มฤดูใบไม้ร่วง แล้ว แต่ร้านเสื้อผ้าที่ผลิตพวกมัน ปกติก็จะเริ่มขายกันตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว
ฉันเคยได้ยินว่ามันจำเป็นต้องเก็บสำรองวัตถุดิบเอาไว้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิเลย… โชคร้ายจังที่ฉันไม่มีข้อมูลของร้านพวกนั้นเลย
อาจารย์เนี่ย จะเอาไปขายในร้านแถวๆ นั้นหมดเลยหรือเปล่านะ?
อันที่ฉันส่งไปก็เป็นของคุณภาพดีๆ หมดเลยด้วย ร้านทั่วๆ ไปก็คงซื้อยากนั่นแหละนะ
“…ดีล่ะ เท่านี่ก็โอเค”
หลังจากซักและตากขนทุกผืนเรียบร้อย ฉันก็พับเก็บไปทีละผืนๆ
“อา ช่วยฉันพับหน่อยได้หรือเปล่า?”
“อะ ได้ค่ะ! กำลังรออยู่เลย!”
โลเรียจังที่พูดความในใจออกมา ก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
TN: มีอาจารย์ดี โชคดีตลอดไป