[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 43 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 3]
- Home
- [นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 43 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 3]
ณ ห้องครัวที่ร่องรอยความเสียหายยังอยู่เหมือนเดิม
อย่างแรกสุดที่ฉันตรวจดูก่อนเลยก็คือประตูหลังที่ตอนนี้มีลมพัดโชยมาพร้อมบรรยากาศที่มองเห็นสวนหลังบ้านแบบเต็มๆ
ถ้ายังเป็นฤดูอบอุ่นอยู่ ฉันคงพอหลอกตัวเองได้ว่ามันเป็น [การทานอาหารพลางเสพธรรมชาติไปด้วย] ได้อยู่ แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวล่ะก็ นี่มันจะดูอนาถาไปหน่อยล่ะนะ
“เอาล่ะ ฮึบเข้าไว้ก่อน โลเรียจัง อยากให้ห้องครัวมีอะไรอยู่บ้างเหรอ? อยากได้อะไรบ้างก็บอกได้เลยนะ! ฉันจะให้เธอได้เห็นสิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุทำได้ให้ดูเลย!”
โลเรียจังที่ดูจะอ้ำๆ อึ้งๆ ไป ก็ตอบฉันที่ยืดอกทุบเสียงดังอย่างมั่นใจแบบลังเลหน่อยๆ
“อ่า ถ้ามีเตาไฟ ไม่สิ… ฉันอยากลองใช้เตาพลังเวทหน่อยน่ะค่ะ”
“เตาพลังเวทสินะ ได้สิ ได้สิ เดี๋ยวไว้ฉันมันไว้ ซักประมาณนี้แล้วกัน แน่นอน เรื่องน้ำล่ะ? อยากได้อุปกรณ์เวทช่วยดึงน้ำจากบ่อน้ำหรือเปล่า?”
“ถ้ามีก็สะดวกดีนะคะ แต่จะดีเหรอคะ? แค่มีบ่อน้ำอยู่ที่บ้านก็หรูมากแล้วนะคะ”
“ก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่นา! เดิมที ฉันก็วางแผนจะสร้างมันตั้งแต่แรกด้วยล่ะนะ”
ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว ก็ทำให้มันสะดวกสบายสุดๆ ไปเลยสิ!
“ถ- ถ้างั้น―――ขอฝากด้วยนะคะ”
“อย่างอื่นก็… เตาอบล่ะว่ายังไง? จะได้อบขนมปังได้ง่ายๆ ด้วย ดีมั้ย?”
“ด- ได้เหรอคะ!? นั่นมันของแพงเลยนะคะ!”
“ม่ายมีปัญหา~! ให้เป็นหน้าที่ของพี่สาวคนนี้เอง! ไว้ฉันจะทำเตาอบพลังเวทด้วยนะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โลเรียจังตกใจจนตาโตเลย ส่วนฉันก็หันไปมองแล้วก็ยิ้มให้
เตาอบน่ะ เป็นของที่บ้านทั่วๆ ไปจะไม่มีกัน
ไม่เหมือนกับเตาอบพลังเวทที่มีหลักการการทำงานคล้ายๆ กับเตาพลังเวท เตาอบธรรมดา―――หรือที่เรียกกันว่าเตาอิฐอบขนมปัง ต้องใช้ไม้ฟืนจำนวนมากเลยแค่เพื่อจะอุ่นให้ตัวเตาอิฐร้อนซะก่อน
TN: パン窯 (Pan Kama) หรือเตาอบอิฐ เป็นแบบในภาพนี้เลยครับ
เพราะเราไม่สามารถใช้ไม้ฟืนเยอะขนาดนั้นเพื่อแค่จะอบขนมปังไว้ทานเป็นมื้ออาหารในครัวเรือนได้ เราก็เลยมักจะพบเตาอบอิฐแค่ในร้านขายขนมปัง, โรงแรม หรือสถานที่อื่นๆ ที่มีการอบขนมปังเป็นจำนวนมากๆ เท่านั้น
หรือไม่ก็เป็นเตาอบกลางของหมู่บ้าน แล้วก็จุดไฟพร้อมกันทีเดียว …แต่ไม่ใช่ในหมู่บ้านนี้ล่ะนะ
เพราะแบบนี้แหละ เตาอิฐที่สามารถใช้ได้อย่างเป็นอิสระเป็นของส่วนบุคคล―――เตาอบถึงได้มีราคาแพงมาก
ยิ่งกว่านั้น ด้วยเหตุผลเดียวกัน ฉันก็ไม่ได้มีโอกาสได้เตาอบบ่อยๆ ด้วย เรื่องฉันจะใช้มันได้คล่องหรือเปล่าก็เลยเป็นอีกเรื่องนึง
“นอกนั้นก็… ติดตั้งตู้เย็นหรือตู้แช่เพิ่มไว้ด้วยดีมั้ย? จะได้สะดวกขึ้นด้วย?”
“ก- ก็สะดวกดีจริงๆ นั่นแหละค่ะ แต่ว่า… คุณซาราสะคะ แบบนั้นจะไม่ฟุ้มเฟือยเกินไปหน่อยเหรอคะ…?”
ตู้แช่น่ะไม่ต้องพูดถึงเลย หมู่บ้านนี้ยังไม่มีที่ไหนมีตู้เย็นด้วยซ้ำ
ก็มันแพงสุดๆ ไปเลยนี่นา
ถ้ามีมันก็สะดวกดี แต่ถึงไม่มี ก็ไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้น
“แต่ว่านะ โลเรียจัง เธอบอกว่าควรจะสร้างห้องครัวให้ดีใช่มั้ยล่ะ?”
ตอนที่ฉันเอียงคอด้วยความสงสัย โลเรียจังก็โบกมือรัวๆ เลย
“ฉ- ฉันเคยบอกแบบนั้นก็จริงค่ะ! แต่ถึงยังงั้นมันก็…!”
“ล้อเล่นน่า ล้อเล่น”
“ง- งั้นเหรอคะ ว่าแล้วว่าคุณไม่น่าจะเอาของมาตั้งเยอะขนาดนั้น”
โลเรียจังถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่ฉันจะพูดต่อท้ายไป
“เปล่าซักหน่อย ฉันก็จะเอามาติดตั้งนั่นแหละ”
“จะเอาจริงงั้นเหรอคะ!?”
“เอาจริงสิ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เพราะมันก็เป็นการฝึกการเล่นแร่แปรธาตุไปด้วยในตัวเหมือนกัน ยังไง ฉันก็ยังอยู่ระหว่างฝึกฝนตัวเองอยู่เลย”
“ยังงั้น เหรอคะ? ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร… มั้งคะ?”
“อื้อ วางใจได้เลยๆ”
ตู้เย็นอยู่ในสารานุกรมแปรธาตุบทที่ 4 ถ้าไม่สร้างมัน ก็ขึ้นบทที่ 5 ต่อไม่ได้ แถมจะรอให้มีคนในหมู่บ้านมาสั่งซื้อก็คงจะยากอยู่
พอคิดแบบนี้แล้ว เอามาตั้งไว้ในห้องครัวของตัวเองเลยก็ไม่เลว
“ถือซะว่าตำแหน่งทิศทางของห้องครัวนี่ดีแล้วก็แล้วกัน… งั้นก่อนอื่น ต้องสั่งวัสดุ แล้วก็ซ่อมกำแพงล่ะนะ โลเรียจัง ฝากเฝ้าร้านให้หน่อยได้หรือเปล่า? ฉันจะออกไปแป๊บนึงนะ”
“รับทราบค่ะ ไปดีมาดีนะค้า”
ทั้งเตาไฟพลังเวท ทั้งเตาอบพลังเวท จำเป็นต้องใช้แผ่นเหล็กเยอะพอควร
ฉันไปสั่งเอาไว้ที่ช่างตีเหล็กอย่างคุณจิสด์แล้วเรียบร้อย และก็ไปต่อที่บ้านช่างไม้อย่างคุณเกเบิร์กต่อ
แวบแรกที่เห็น คุณเกเบิร์กก็ดูเป็นคุณลุงอารมณ์เสีย หงุดหงิดง่าย ดูเข้าหายาก แต่ถ้าได้รู้จัก เขาก็เป็นคนดีมากๆ เลยนะ
ตอนนี้ ฉันก็เปิดประตูเข้าไปอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดกับคนข้างในอย่างสบายๆ
“สวัสดีค่า~~ ซาราสะค่ะ”
“โอ้ แม่หนู มาแล้วเรอะ งั้นไปกันเลย”
“―――เอ๊ะ? เอ๋?”
แต่ก็นะ ถึงฉันจะใจร้อนอยู่หน่อยๆ แต่ฉันก็ยังไม่ทันชินกับเรื่องแบบนี้อยู่ดี
พอฉันทักทายปุ๊บ คุณเกเบิร์กก็จะให้ฉันออกไปทันทีเลย ตอนที่ฉันยังกระพริบตาปริบๆ ทำอะไรไม่ถูก คุณเกเบิร์กก็ตบหลังฉันป๊าบๆ เหมือนเร่งให้รีบไปได้แล้ว
“ก็ไปซ่อมบ้านของแม่หนูไง เรื่องที่บ้านของคนที่มีส่วนช่วยหมู่บ้านเอาไว้มากที่สุดยังปล่อยให้พังอยู่แบบนี้เนี่ย มันหยามเป็นการเกียรติช่างประจำหมู่บ้านเลยนะ แต่ตอนที่หนูยังหลับอยู่เนี่ย ฉันจะไปเร่งก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ!”
“คือ แล้วแผนการซ่อมแซมบ้านหลังอื่นๆ ล่ะคะ…?”
วันนี้ ฉันกะแค่ว่าจะมาพูดคุยกันเฉยๆ ไว้ซะก่อนเท่านั้นเอง
“เด็กโง่! บ้านของแม่หนูน่ะต้องมาก่อนซี่! เอ้า! เร็วเข้า!”
“ค- ค่ะ!”
หลังจากที่โดนคุณเกเบิร์กตบหลังไปอีกทีนึง ฉันก็รีบวิ่งตามเขาที่เดินอย่างรีบร้อนไปที่บ้านของฉัน
ในเมื่อรีบมาจนถึงที่แบบนี้ ฉันก็พาเขาไปดูส่วนหลังบ้านที่พังเลย
“โห! อันนี้พังยับเลยนี่! แล้วรั้วนี่จะซ่อมเลยมั้ย?”
“ค่ะ อันนั้นก็ด้วยค่ะ”
ถึงจะไม่ได้เร่งด่วนอะไร แต่นั่นก็รั้วหลังบ้านที่ฉันทำเองล่ะนะ
เพื่อจะป้องกันสวนสมุนไพรของฉัน แล้วเหนือสิ่งอื่นใด ก็เพื่อจะตากเสื้อผ้าได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องสายตาของคนอื่นด้วย ฉันก็ต้องซ่อมมันด้วยเหมือนกัน
แต่ ที่สำคัญที่สุดก็ แน่ล่ะ บ้านของฉันก่อนน่ะเนอะ
“รั้วยังไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ แต่เรื่องตัวบ้านเนี่ย…”
ได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบนี้ก็ดีนะ แต่ถ้าฝนตกล่ะก็ งานเข้าแน่
“ฮึ่ม ไม่ใช่แค่ประตู แต่กำแพงก็พังไปด้วยงั้นสินะ ฉันไม่รู้เรื่องกำแพงตรงนี้หรอก แต่มันแข็งแรงกว่าปกติใช่มั้ย?”
“ทราบด้วยงั้นเหรอคะ?”
“ตอนก่อสร้างบ้านหลังนี้ ฉันเองก็มาช่วยด้วยน่ะ”
“อา แบบนั้นเองสินะคะ”
―――พอคิดๆ ดูแล้ว ก็สมเหตุสมผลแล้วนะ
ทั้งเรื่องที่คุณเกเบิร์กเป็นช่างไม้ในหมู่บ้านนี้ ทั้งเรื่องอายุของเขาด้วย
กลับกันมากกว่า ฉันว่าหาตึกรามหลังไหนในหมู่บ้านที่คุณเกเบิร์กไม่ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเนี่ย อาจจะหายากกว่าด้วยซ้ำมั้ง?
“ฉันจำตอนที่ถูกบอกเรื่องอะไรซักอย่างเกี่ยวกับการฝังตราได้อยู่เลย แถมมันยังยุ่งยากด้วย”
“อ่า…”
ก็นะ พอมีเรื่องการฝังตราประทับเข้ามาด้วยแล้ว การก่อสร้างก็จะไม่สามารถสร้างได้ตามที่ช่างคิดวางแผนไว้นี่นา
จะมีข้อจำกัดในด้านรูปร่าง แล้วก็ยังมีการเล่นแร่แปรธาตุเข้ามาแทรกระหว่างการทำงานอยู่เรื่อยๆ หลายขั้นตอนด้วย ฉันว่าถ้าเป็นใครที่อารมณ์ร้อนล่ะก็ คงจะหงุดหงิดไม่น้อยเลยล่ะ
“ครั้งนี้เองก็… อาจจะต้องรบกวนบ่อยๆ หน่อยนะคะ ระหว่างที่ซ่อม…”
“เข้าใจแล้ว งานของช่างไม้น่ะ ต้องทำตามความต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว ไม่ใช่งานที่จะทำตามใจช่างซักหน่อย นั่นมันงานอดิเรกแล้ว”
“โอ่…”
วิเศษไปเลยค่ะ น่าเคารพมากเลย
ต่อให้ตัวเองจะเป็นมืออาชีพ ก็จะไปเมินคำร้องของลูกค้า แล้วพูดว่า ‘แบบนี้แหละดีแล้ว ทำแบบนี้แล้วกัน’ ไม่ได้
ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนจริงๆ ก็ควรจะอธิบายเหตุผลให้ฟังอย่างเหมาะสม แล้วก็ทำการพูดโน้มน้าวให้เข้าใจ
เพราะว่ามันเป็นงานบริการนี่นา
พอเห็นสายตาของฉันแล้ว คุณเกเบิร์กก็หลบสายตาเหมือนโดนกระตุก ก่อนจะกระแอมออกมา
“ฮึ่ม ถ้างั้น จะเริ่มงานกันตอนนี้เลยมั้ย? แม่หนูติดอะไรรึเปล่า?”
“ไม่เป็นไรค่ะ โลเรียจังเฝ้าร้านอยู่แล้วตอนนี้ เพราะงั้นก็ให้ความสำคัญกับการซ่อมเจ้านี่ได้เลยค่ะ”
“ถ้างั้น ก็มาเริ่มกันเลย เพราะงั้นตอนนี้ หนูๆ ก็สบายใจได้แล้วนะ”
“ค่ะ”
ก่อนอื่น พวกเราเริ่มจากการปิดรูที่กำแพงก่อนทันทีเลย
คุณเกเบิร์กก่ออิฐและเอาปูนฉาบ ส่วนทางฉันก็ทำในส่วนขั้นตอนของการเล่นแร่แปรธาตุไปด้วยในเวลาเดียวกัน―――
“คุณเกเบิร์ก ดูจะชินมือเลยนะคะ?”
“ฉันน่ะ ทำงานช่างมานานกว่าอายุของแม่หนูซะอีกนะ”
“จริงด้วยนะคะ”
คุณเกเบิร์กเขาบอกว่ามีส่วนช่วยในการสร้างบ้านหลังนี้ด้วยนี่นา
แต่ว่า การซ่อมตราประทับเนี่ยยากอย่างไม่น่าเชื่อเลย
เทียบกับการฝังตราประทับใหม่ที่สร้างขึ้นเองใหม่ไปเลยเนี่ย ถ้าเป็นการซ่อมล่ะก็ มันต้องค่อยๆ ทำตามตราประทับเดิมอย่างระมัดระวังมากๆ กันไม่ให้หลุดจากแนวเส้นเดิมน่ะ
ที่ต้องทั้งบดจนละเอียดทั้งใช้จนเกลี้ยงน่ะ คือทั้งวัตถุดิบราคาแพง ทั้งกำลังใจเลย
อู่ว เจ็บจัง เจ็บมากๆ เลยนะ
กระเป๋าเงินของฉันเนี่ย
แล้วไหนจะ สภาพจิตใจของฉันอีก
สารภาพเลยว่า ฉันไม่อยากจะแม้แต่คิดเลยว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหนน่ะ
―――หลังจากที่ปลงแบบนี้ต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง ในที่สุด กำแพงก็ซ่อมเสร็จซักที
…อืม ก็อาจจะไม่ได้นานพอจะใช้คำว่า ‘ในที่สุด’ ได้หรอก
ก็ ไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นเพราะฝีมือชั้นยอดของคุณเกเบิร์กเลย แล้วฉันเองก็ใช้เวทมนตร์ช่วยด้วยเหมือนกัน
“น่าเสียดาย ถ้าแม่หนูไม่ได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ฉันคงชวนมาเป็นศิษย์แล้วล่ะ”
“ถ้าฉันไม่ได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ฉันก็ทำงานช่างไม้ไม่ได้หรอกค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ฉันได้เรียนจากที่โรงเรียนน่ะค่ะ”
“ความคล่องแคล่วน่ะ มันไม่ได้มีสอนให้กันที่โรงเรียนหรอกใช่มั้ย? มีแต่ต้องฝึกฝนเท่านั้นแหละ”
“จะว่าไป คุณเกเบิร์กไม่มีลูกศิษย์เลยเหรอคะ?”
“ก็ พอจะมีพวกที่มีกึ๋นพอควรอยู่บ้างล่ะนะ”
คุณเกเบิร์กถอนหายใจออกมาทางจมูกอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ดูแล้วอาจารย์คนนี้คงจะเข้มงวดน่าดูเลยนะ
ก็ลองดูจากงานฝีมือของเขาจนถึงตอนนี้ดูสิ
การเป็นลูกค้าที่ไหว้วานน่ะไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะเป็นลูกศิษย์นี่ คงจะลำบากซักหน่อยแล้วล่ะ
“เอาเถอะ เรื่องนั้นน่ะช่างมัน―――ประตูธรรมดาก็พอแล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ อะ แต่ว่า ขอฝากทำให้มันแข็งแรงหน่อยนะคะ อยากได้แบบก่อนหน้านี้น่ะค่ะ”
พอเห็นเศษซากของประตูที่ฉันชี้ไป คุณเกเบิร์กก็ยิ้มแหยๆ
“ถ้ามันเกิดซ้ำอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเลยนะ แต่ก็… เข้าใจแล้ว ไว้เดี๋ยวฉันค่อยซ่อมรั้วล้อมสวนหลังบ้านนี่อีกทีนะ”
“ขอฝากด้วยนะคะ”
ต่อให้เขาบอกว่า ‘เดี๋ยวค่อย’ ก็เถอะ แต่นี่คุณเกเบิร์กนะ
ดูเหมือนเขาจะเตรียมวัตถุดิบเอาไว้เยอะพออยู่แล้วก่อนที่ฉันจะไปหาซะอีก ทั้งประตู ทั้งรั้วก็เลยซ่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิมในวันต่อมาเลย
TN: ช่างไม้หมู่บ้านนี้เขาเก่งไปหน่อยมั้ยเนี่ย… 555