[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 5 เรียนจบแล้ว!
“รบกวนด้วยนะค้า”
พอฉันเข้ามาแล้วส่งเสียงเรียก คุณป้าหน้าตาคุ้นเคยก็เดินออกมาจากข้างหลังร้าน
“อะ ซาราสะจัง ยินดีด้วยนะจ๊ะที่เรียนจบแล้ว”
“ขอบคุณนะคะ ต้องขอบคุณคุณป้าด้วยนะคะ ฉันก็เลยเรียนจบได้อย่างปลอดภัยแบบนี้”
ฉันก้มตัวโค้งขอบคุณคุณป้าที่แสดงความยินดีกับฉันพร้อมกับรอยยิ้ม
ฉันมักจะมาซื้อกระดาษ, ปากกา แล้วก็น้ำหมึกที่นี่อยู่บ่อยๆ เลย ก็เลยค่อนข้างสนิทกับคุณป้าอยู่เหมือนกัน
คุณป้ารู้ว่าฉันมาจากบ้านเด็กกำพร้า เพราะงั้น ฉันก็เลยติดหนี้คุณป้าในหลายๆ ทาง อย่างเวลาที่สินค้าชิ้นไหนที่วางแผนไว้แล้วว่าต้องโละทิ้ง คุณป้าก็จะให้ฉันฟรีๆ เลย
ที่โรงเรียนน่ะ นอกจากเพื่อน 3 คนของฉันกับศาสตราจารย์แล้ว น่าเศร้าจังที่คนที่ฉันรู้จักก็เหลือแค่คุณป้ากับบรรณารักษ์เท่านั้นเอง
แน่นอนนะ มีคนอื่นที่มายินดีกับฉันด้วยเหมือนกัน… เนอะ
“คือ ได้ของที่ฉันสั่งไปแล้วหรือเปล่าคะ?”
“อ๋า รอเดี๋ยวนะจ๊ะ”
คุณป้าพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น และแน่นอน สิ่งที่คุณป้าเอาออกมาจากหลังร้านก็คือ [สารานุกรมแปรธาตุ (ทั้งหมด 10 บท)]
ถึงภายนอกจะดูใหม่กว่าเล่มที่ฉันเห็นในห้องของอาจารย์ก่อนหน้านี้ แต่ความรู้สึกหนักอึ้งที่แผ่ออกมาเหมือนกันเลย
มาพร้อมใบสั่งซื้อระบุราคา 7,500,000 แรร์
แพงยิ่งกว่าบ้านหลังเล็กๆ ซะอีก
“เอ ซาระสะจัง ไม่ขอให้ช่วยตรวจสอบงั้นเหรอจ๊ะ?”
“ค่ะ เพราะแบบนั้น ฉันเลยขอให้อาจารย์ช่วยมาด้วย ――― ถ้างั้น อาจารย์คะ! ขอฝากด้วยนะคะ!!”
“หืม ฉันไม่คิดว่าเธอจะต้องจริงจังขนาดนั้นหรอกนะ”
ฉันรีบส่งที่ของตัวเองให้อาจารย์ พอฉันใช้นิ้วจิ้มๆ ไปที่กองหนังสือ อาจารย์ก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพยักหน้า แล้วก็เปิดหน้าหนังสือผ่านๆ ไปทีละบทๆ
แล้วก็เซ็นจบที่หน้าสุดท้ายอย่างฉลุยเลย
ระหว่างแต่ละเล่ม ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเอง
พอคุณป้าปั้มตราทับลายเซ็นนั้น ก็เป็นอันจบงานเรียบร้อย
นี่เป็นการพิสูจน์ว่านักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์ได้ให้การรับรองแล้ว และสถาบันก็ได้ยอมรับแล้วเหมือนกัน
บอกไว้ก่อนแล้วกันนะ ฉันไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบรับรองก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าการจะขายมันต่อโดยไม่มีการรับรองเนี่ยจะทำไม่ได้
เห็นว่าเป็นมาตรการป้องกันเรื่องการเข้าใจผิดว่ามันคือของจริง ต่อให้ไม่มีการรับรองก็ตาม
เห็นแบบนี้ มันก็อาจจะดูเป็นงานง่ายๆ นะ แต่งานแบบนี้นี่แหละ มีมูลค่า 2,500,000 แรร์เลย…
พอคิดแบบนั้น สายตาที่ฉันจ้องอยู่ก็เขม็งขึ้น
ไหนๆ ก็ไหนๆ อันที่จริง ต่อให้อาจารย์รับงานแบบนี้จริงๆ 2,500,000 แรร์เต็มจำนวนเนี่ยก็ไม่ได้จ่ายให้อาจารย์อยู่ดีนะ
ที่โรงเรียนก็มีค่าดำเนินการทางในปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับระดับของนักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นๆ
ถึงอย่างนั้น ส่วนมากก็เกี่ยวข้องกับนักเล่นแร่แปรธาตุนี่นะ… ยิ่งถ้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงด้วยแล้วเนี่ยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
เราสามารถหาเงินที่คนทั่วๆ ไปใช้เวลาหลายปีเก็บหอมรอมริดได้ในเวลาวันเดียว… หรือ ถ้าพูดให้ยิ่งเข้าไปอีกล่ะก็ หาได้ในเวลาไม่กี่นาทีเอง!
――― นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดนะ แต่ถ้าถามอีกรอบล่ะก็ มันก็ไม่ใช่งานที่ดีขนาดนั้นหรอก
ก่อนอื่น สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ แทบจะไม่มีโอกาสรับหน้าที่นี้เป็นพิเศษเลย
ถ้าแค่ถึง 6 บทแรกล่ะก็ ศาสตราจารย์ที่โรงเรียนก็ช่วยจัดการให้ได้อยู่ เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปถามขอความช่วยเหลือจากข้างนอกก็ได้ แล้วถ้าจะซื้อบทที่เยอะกว่านั้น ก็จำเป็นต้องมีนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูางบแล้ว
ถึงตรงนี้ นักเล่นแร่แปรธาตุส่วนมากก็จะหลุดไปจากขอบเขตงานแล้วล่ะ
แถม ถ้าเกิดถูกไต่ถามถึงการประเมินความถูกต้องของหนังสือเมื่อมีการรับงาน เจ้าของต้องการเปลี่ยนแปลงจากการซื้อขาย หรืออะไรแบบนั้น ผู้ที่ทำการประเมินก็ต้องให้การตอบรับด้วย
ราคาค่าจ้างก็จะเกี่ยวข้องกับเวลาและความเหนื่อยยากที่เหมารวมเข้าไป
แล้วมันก็แทบจะไม่มีใครซื้อเหมาทีเดียว 10 เล่มอยู่แล้วด้วย เพราะงั้น ตัวงานนี้เองมันก็ไม่เกิดขึ้นหรอก
อาเระ? มีบางคนที่ซื้อทีเดียว 10 เล่มเหมือนกันเหรอ?
―――เปล่าซักหน่อยๆ ก็อาจารย์เป็นคนบอกให้ฉันซื้อเองหนิ จริงมั้ยล่ะ?
ฉันเก็บเงินเพราะเชื่อแบบนั้นไปเองงั้นเหรอ? นั่นมันก็คือสิ่งที่ฉันคิดตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ตอนแรกนะ แต่ฉันก็นึกออกได้ทันทีเลยว่าอาจารย์จะช่วยตรวจสอบรับรองสารานุกรมพวกนี้ให้ฟรี เพราะงั้น แน่นอนสิ ฉันไม่มีทางจะไปบ่นอาจารย์อยู่แล้วล่ะ ว่ามั้ย?
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วนะ ซาราสะจัง 5 ล้านแรร์จ้ะ”
“ค่ะ ถ้างั้น นี่เลยค่ะ…”
ฉันเรียงเหรียญทองคำขาวแสนหวงแหนทั้งหมด 50 แถวบนเคาน์เตอร์ร้าน นี่ก็แทบจะเป็นเงินเก็บทั้งหมดที่ฉันมีแล้วล่ะ
ตกผลึกมาจากทั้งเลือดและเหงื่อของฉันที่ทำงานหนักมาตลอด 5 ปี
ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันจำเป็นต้องใช้มัน
ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันจำเป็นต้องใช้มันน่ะ!!
“จ้า ขอบคุณที่อุดหนุนนะจ๊ะ~”
คุณป้าเก็บเหรียญทองคำขาวทีฉันเอาออกมาโดยที่ในใจยังสั่นๆ อยู่หายวับไปอย่างรวดเร็ว
ถึงมันจะเป็นเงินที่เยอะสุดๆ ไปเลย แต่คุณป้าดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้นเลยแฮะ
ฉันเคยซื้อแต่อุปกรณ์ถูกๆ แต่ในเมื่อที่นี่ต้องจัดการกับอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ด้วย ฉันมั่นใจเลยว่าเหรียญทองคำขาวคงจะถูกใช้จนเป็นเรื่องปกติเลยสินะ
“ถ้างั้น พยายามเข้านะจ๊ะ ซาราสะจัง ปกติ เด็กจบใหม่จะซื้อกันแค่ 3 บทแรกเองนะ? ถ้าเป็นแบบนั้น ราคามันก็ยังถูกอยู่”
อย่างที่คุณป้าบอกเลยนั่นแหละ ฉันสามารถขอให้ศาสตราจารย์ที่โรงเรียนเป็นคนช่วยตรวจสอบ 3 บทแรกได้ เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าดำเนินการตรวจสอบที่สูงมากขนาดนั้น ยิ่งถ้าได้ศาสตราจารย์ดีๆ บางทีก็อาจจะต่อร้องขอส่วนลดได้อีกนะ
เพราะงั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจบใหม่ที่พอมีเงินอยู่ก็จะซื้อของไปแบบนั้น แล้วก็ออกไปฝึกงาน ถ้าฉันไม่ได้ทำงานพิเศษที่ร้านของอาจารย์ ฉันก็คงต้องใช้วิธีแบบนี้นี่แหละ
“ฮะฮะฮะ… นี่ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ของฉันล่ะนะคะ จริงมั้ยคะ?”
ฉันยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อยๆ ใส่สารานุกรมแปรธาตุครบชุดลงในเป้ที่ได้จากอาจารย์อย่างระวังเลย
พอคิดว่ามันจะลำบากขนาดไหนถ้าเกิดว่าฉันต้องแบกมันไปมาโดยไม่มีเป้ใบนี้แล้ว ฉันรู้เลยตัวเองตามความคิดของอาจารย์ไม่ได้เลยจริงๆ
พอใส่ทุกอย่างลงไปในเป้เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ลุกขึ้นยืน แล้วยกกระเป๋าขึ้นมา
“ฮึบ-! หวา! โอะ โห!?”
แต่ฉันก็เกือบเซล้มเสียศูนย์ไปเพราะน้ำหนักที่ไม่คาดคิด ก่อนจะกลับมายืนเต็มเท้าได้จากที่อาจารย์ช่วยประคองตัวเอาไว้ให้
“ไม่เป็นไรนะ ซาราสะจัง? หนักเลยใช่มั้ยล่ะ?”
ไม่เลยซักนิด มันเบาจนน่าแปลกเลยล่ะ
สมกับเป็นอาจารย์เลย ระดับการลดทอนน้ำหนักนี่มันเกินไปแล้วนะเนี่ย
แต่ก็อดจะโฆษณาของชิ้นนี้ไม่ได้จริงๆ แฮะ งั้นปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแบบมึนๆ เลยก็แล้วกัน
“อะ เปล่าค่ะ… ไม่เป็นไร คุณป้า ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ ไม่มีปัญหาเลย ซาราสะจังเองก็พยายามมาตลอดเลยด้วย โอกาสหน้าก็แวะมาใหม่นะจ๊ะ”
ฉันโค้งขอบคุณคุณป้าที่โบกมือยิ้มส่งให้ ก่อนจะออกมาจากร้านนั้นพร้อมกับอาจารย์
“ถ้างั้น ทีนี้ก็หาที่ฝึกงานเรียนรู้สินะ? มันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะช่วยเลือกที่ดีๆ ที่เธอจะเดินทางออกไปก็แล้วกัน”
“เฮ้อ ขอบคุณนะคะ… แต่ว่า เป้ใบนี้น่ะ เบาแบบสุดๆ ไปเลยนะ!?”
ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ทันสังเกตเลยเพราะฉันเอาแต่ของเบาๆ อย่างเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนลงไปเฉยๆ แต่นี่ขนาดฉันใส่สารานุกรมแปรธาตุลงไปหมดแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกหนักอะไรเลย
ไม่สิ คือมันก็หนักขึ้นล่ะนะ แต่นี่มันหนักยังไม่ถึง 1 ใน 10 จากที่ฉันคาดเอาไว้ตอนแรกเลยด้วยซ้ำ
พอมันเบากว่าที่คิดมาก แรงที่ใส่ไปเยอะก็เลยทำตัวฉันเองเกือบจะล้มเลย
“ฉันเคยบอกเรื่องการลดทอนน้ำหนักไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ลดเยอะขนาดนี้ เธอก็แบกสารานุกรมไปด้วยเดินทางไปด้วยไม่ได้หรอก ใช่มั้ยล่ะ?”
“เรื่องนั้น… จริงด้วยนะคะ”
ฉันไม่อวดเบ่งหรอก แต่ฉันน่ะเถียงอะไรเลย
เหตุผลน่ะเหรอ?
ก็ นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราเอาแต่เรียนใช่มั้ยล่ะ?
ฉันเป็นคนตัวเล็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นถ้าฉันไม่ฝึกฝนร่างกายเนี่ยชัดเจนมากเลยล่ะ
น่าเศร้าจังเนอะ
“…เปล่าค่ะ ขอบคุณเลยนะคะ พูดตามตรงเลย ช่วยได้มากเลยล่ะค่ะ”
พอนึกถึงความสามารถของกระเป๋าเป้ใบนี้กับราคาที่คาดเอาไว้ ฉันก็พูดขอบคุณอาจารย์อีกรอบนึง
ถึงมันจะเป็นของขวัญฉลองที่เรียนจบ ฉันก็กลัวเหมือนกันที่รับมันมาฟรีๆ แต่ต่อให้ฉันปฏิเสธแล้วคืนมันไป อาจารย์ก็คงไม่รับอยู่ดี เพราะงั้น ถ้าฉันรับเอาไว้ อาจารย์ต้องดีใจกว่าแน่นอน
ถึงอาจจะดูไม่เป็นมิตรนิดหน่อย แต่จริงๆ เป็นคนใจดีมากๆ เลย
อาจารย์เป็นคนแบบนั้นแหละ
“หึม เอาเถอะ ลูกศิษย์จะเดินทางทั้งทีนี่ ไม่ต้องคิดมากกับเรื่องนั้นก็ได้นะ”
อาจารย์ยิ้มมาให้พลางยื่นมือมาลูบหัวฉัน ทางฉันก็ทำได้แค่ยิ้มแหยๆ กลับไป ระหว่างกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ฝ่ายสนับสนุนนักเรียนกัน
TN: เคยบอกหรือยังนะว่าตัวละครโปรดของผู้แปลคืออาจารย์โอฟิเลีย… น่าจะยังนะ งั้นบอกตรงนี้เลยแล้วกัน ^^
บทของอาจารย์ต่อไปนี่ ยังไงผมก็รักตัวละครนี้ม๊ากมากเลยล่ะ