[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 9 ร้านของฉันมัน…
แล้วตอนนี้ ฉันก็ยืนอยู่ตรงหน้าร้านเก่าๆ หลังนึง
“…ฮะฮะ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยแฮะ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ฉันก็ต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ!”
จำความมุ่งมั่นของตัวเองเอาไว้สิ! ตัวฉัน!
ต้องขอบคุณอาจารย์ด้วย-… โอ๊ะ? อาจารย์เป็นคนเลือกร้านๆ นี้เองใช่มั้ยนะ?
―――ไม่หรอกๆ แม้แต่อาจารย์เองก็ไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้หรอกน่า
แต่ ฉันก็ตัดสินใจเลือกจะซื้อร้านนี้ แทนที่จะหางานแล้วนี่นา…
―――ไม่ ไม่ ไม่ นี่เรากำลังพูดถึงอาจารย์อยู่นะ เธอต้องคิดเอาไว้เผื่อฉันแล้วนั่นแหละ อื้อ ต้องเป็นยังงั้นแน่เลย แต่ถ้าเป็นงั้นจริง ฉันต้องใจสลายแน่ๆ…
“อ- เอาเป็นว่าตอนนี้! ต้องตรวจสอบสถานการณ์ซะก่อน!”
ฉันตั้งสติกลับมา แล้วก็มองดูที่สภาพด้านนอกของร้านอีกรอบนึง
ก็จริงอยู่นะว่าป้ายมันเอียงจนเหมือนจะร่วงลงมาตอนไหนก็ได้เลย… แต่ถ้ามองดูดีๆ แล้วเนี่ย ตัวบ้านเองดูอาจจะไม่ได้เสียหายอะไรขนาดนั้นนะ?
สวนรกๆ, รั้วไม้ผุพัง กับหน้าต่างสกปรกที่เขรอะจนมองไม่เห็นอะไรข้างในเลย แต่หลังคาก็ยังเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ ถึงจะมีรอยแตกตามปูนบนกำแพงอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีส่วนไหนเลยที่ถล่มลงมา
ตัวประตูหน้าต่างก็ยังอยู่ดี อาจจะไม่ได้แย่อะไรเลยนะ แค่ต้องซ่อมป้ายกับทำความสะอาดก็เท่านั้นเอง
“อื้อ! ดีล่ะ! ชักจะมีกำลังใจขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว! เข้าไปข้างในก่อนเลยดีมั้ยนะ?”
ฉันหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า เดินแหวกหญ้าเข้าไป ก่อนจะหยุดเท้าเอาไว้ตอนที่กำลังจะมุ่งหน้าไปที่ประตู
“นี่มัน… สมุนไพรงั้นเหรอ?”
หญ้ากอใหญ่งอกอยู่ตรงทางเดินที่มุ่งเข้าไปที่ประตู
ถ้าสังเกตดีๆ แล้ว ก็จะเห็นสมุนไพรที่เอาไปใช้เป็นวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุงอกอยู่ตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมดเลย
มาคิดๆ ดูเนี่ย บ้านหลังนี้ก็มีสวนสมุนไพรด้วยนี่นะ
เมล็ดคงจะลอยกระเด็นมาจากที่นั่นล่ะมั้ง
ส่วนมากก็เป็นวัชพืชนั่นแหละ
แต่ ด้วยสัดส่วนที่คั่นถี่ซะแบบนี้เนี่ย จะเดินโดยไม่เหยียบสมุนไพรเลยก็คงยาก
เพราะมันโตอยู่นอกทางเดิน ฉันจะเมินมันแล้วเดินออกมาเลยก็ได้ แต่ว่า ในสายตาของฉันแล้ว มันก็เหมือนกับมองเห็นเหรียญตกอยู่บนพื้นเลยล่ะ
จะให้คนจนอย่างฉันเหยียบเหรียญเดินต่อเลยมั้ยล่ะ!?
“…เก็บของ เก็บของ”
ฉันยืดเวลาที่ตัวเองจะเข้าบ้านไปซักพักก่อน แล้วตอนนี้ ฉันก็เริ่มเก็บสมุนไพรตามทางเดินเข้าบ้าน
ถอนหญ้าออกไปเป็นระยะพอให้คนคนนึงเดินได้ไปด้วยเลย
“ขยะ (วัชพืช), เงิน (สมุนไพร), ขยะ (วัชพืช), เงิน (สมุนไพร), ขยะ (วัชพืช), ขยะ (วัชพืช), เงิน (สมุนไพร)…”
ฉันพึมพำงึมงำอยู่เรื่อยๆ ไปพลางๆ ระหว่างที่แยกและกองหญ้าที่ถอนออกมาเอาไว้
สมุนไพรแต่ละต้นอาจจะไม่ได้มีค่าอะไรมากเท่าไหร่ แต่ถ้าฉันเกิดไปตลอดทางจนถึงประตูล่ะก็ อาจจะพอเท่ากับรายได้ที่คนทั่วๆ ไปหาได้ในวันๆ นึงได้เลยก็ได้นะ
แต่ว่า ถ้าฉันไม่รีบจัดการให้เรียบร้อยทันทีเลยล่ะก็ มูลค่ามันก็จะตกล่ะนะ เพราะงั้น ที่มันมีค่าก็เพราะฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่แหละ
แล้ว ฉันก็ถอนวัชพืชอยู่ยังงั้นไปอีกซักพัก
“อาระ แม่หนู ทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?”
ตอนที่ฉันไปได้ครึ่งทางก่อนจะถึงประตู จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง
พอฉันหันกลับไป ก็เห็นคุณป้าตัวท้วมหน่อยๆ อายุประมาณ 40 ปลายๆ ยืนอยู่ตรงนั้น
“เออ คือ……”
ถ้ามองสถานการณ์ของฉันตอนนี้อย่างเป็นกลางแล้วเนี่ย… เด็กสาวตัวเล็กๆ คนนึงที่ไม่คุ้นหน้า นั่งย่อๆ พึมพำอยู่คนเดียวหน้าบ้านร้าง ตั้งหน้าตั้งตาถอนวัชพืชอยู่
อื้อ! แปลกนิดๆ จริงๆ นั่นแหละ!
ฉันเคยได้ยินว่าหมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้ ชาวบ้านจะสนิทกันด้วยสิ แบบนี้บางทีฉันอาจจะดูน่าสงสัยแล้วก็ได้!
“ดูเหมือนหนูจะมีธุระอะไรกับร้านนั้นเลยนะ… แต่ไม่น่าใช่นะ ก็ร้านนั้นมันปิดไปนานแล้วหนิ?”
“เปล่าค่ะ! ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ! นี่! บ้านของฉันเองค่ะ! คือ ฉันซื้อบ้านหลังนี้แล้วก็เพิ่งจะย้ายมาค่ะ!”
ฉันรีบปฏิเสธคุณป้าที่ถามคำถาม
ความประทับใจเมื่อแรกพบเป็นเรื่องสำคัญมากในการเข้าหาสังคมปิดนะ!
การต้องปลีกตัวอยู่ตัวคนเดียวในโรงเรียนน่ะ ฉันไม่ติดใจอะไรหรอก แต่เพราะฉันต้องอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ฉันต้องเข้ากับเพื่อนบ้านของตัวเองให้ได้เลย!
ฉันไม่ล้อเล่นกับเครือข่ายสมาคมป้าแม่บ้านอยู่แล้ว ฉันก็เลยพยายามยิ้มอย่างสุดชีวิตแบบที่ตัวเองไม่คุ้นเท่าไหร่ ก่อนจะทักทายเธอกลับไป
“ย- ยินดีที่ได้พบนะคะ!”
“ซื้อเหรอ? นี่แสดงว่า แม่หนูก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุงั้นสินะจ๊ะ!?”
“ค- ค่ะ! ถึงจะเพิ่งจบใหม่! แต่ก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุค่ะ! ฉันชื่อซาราสะค่ะ!”
“น่าๆ ชั้นเอลลิส อยู่บ้านหลังข้างๆ นี่แหละ อาจจะอยู่ห่างกันนิดหน่อย แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หนูก็มาหาได้เสมอเลยนะจ๊ะ”
คุณป้า―――คุณเอลลิสตอบฉันพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง พลางที่ชี้ไปทางด้านซ้ายของร้าน
โล่งอกไปที ดูท่าทางการพบปะครั้งแรกจะผ่านเกณฑ์อยู่ ใช่มั้ยนะ?
แน่นอน ฉันโยนความจริงที่ว่าเธอเห็นภาพของฉันกำลังถอนวัชพืช ทำท่าทางเหมือนคนน่าสงสัยออกไปที่ซอกหลืบของสมองไปแล้วเรียบร้อย
“แต่ว่า หมู่บ้านของเราจะมีร้านเล่นแร่อีกครั้งแล้วสินะเนี่ย อาจจะลำบากอยู่บ้าง เพราะอย่างนั้นก็ช่วยทีนะ! โชคดีนะจ๊ะ!”
“ค่ะ ขอบคุณเลยนะคะ… จะว่าไป คุณรู้หรือเปล่าค่ะว่าทำไมร้านนี้ถึงปิดกิจการน่ะ?”
ฉันต้องคิดอีกหลายๆ เรื่องเลย ถ้าเกิดการบริหารธุรกิจเป็นไปได้แย่น่ะ
ถึงฉันจะพอหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยการขายวัตถุดิบให้อาจารย์ แต่ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุคนนึงแล้ว แค่นั้นน่ะมันไม่พอหรอก
“อ๋า ร้านนี้เคยมีปู่คนนึงเป็นคนดำเนินกิจการอยู่นะ แต่หลังแกก็ไม่ไหวแล้ว เจ้าลูกชายแกเป็นห่วงก็เข้ามาพาตัวไป เพราะงั้น หนูก็ไม่ต้องห่วงเรื่องลูกค้าขนาดนั้นหรอกนะจ๊ะ ใช่มั้ย?”
“เป็นยังงั้นเหรอคะ?”
ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เพราะงั้น ความต้องการสินค้าอาจจะไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกมั้ง
คุณเอลลิสยิ้มแห้งๆ ให้ฉัน บางที เธออาจจะเข้าใจความรู้สึกของฉันก็ได้
“ก็ ถึงพวกเราจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ร้านเล่นแร่ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่นะ อีกอย่าง หมู่บ้านนี้ก็มีพวกนักเก็บสะสมที่เข้าไปในทะเลป่าใหญ่อยู่ด้วย เพราะงั้น ถ้าหนูมียาขายให้พวกเขา ยังไงร้านนี้ก็ไปรอดปลอดภัยแน่นอน ซื้อขายของแบบนี้น่าจะทำเงินได้ไม่น้อยอยู่ใช่มั้ยเอ่ย?”
[นักเก็บสะสม] คือคนที่หาเลี้ยงด้วยการเข้าไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อตามหาวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุหลากหลายแบบมา อย่างเช่นที่ทะเลป่าใหญ่นี่แหละ เก็บรวบรวมพวกมันมา แล้วก็เอาไปขาย
สถานที่แบบนั้นก็อันตรายมากอยู่แล้ว การจะได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายส่วนก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะแบบนี้นี่แหละ นักเก็บสะสมถึงได้เป็นทั้งแหล่งวัตถุดิบและลูกค้าของนักเล่นแร่แปรธาตุเลย
“ฉันดีใจนะคะที่มีนักเก็บสะสมอยู่แถวนี้ด้วย แต่ฉันว่าคงต้องดูสถานการณ์ไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยรับซื้อทีหลังนะคะ ถึงจะซื้อเอาไว้ ก็ต้องคิดเรื่องที่ที่จะขาย กับเรื่องขนของจากที่นี่ไปด้วย…”
“งั้นเหรอ? ป้าน่ะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องระบบธุรกิจเล่นแร่นั่นเท่าไหร่หรอกนะ”
ตามความรู้สึกแล้ว ฉันว่าวัตถุดิบที่หาได้จากแหล่งผลิตใกล้ๆ แบบนี้น่าจะถูกนะ แต่ถ้าซื้อมาแบบง่ายๆ ล่ะก็ ไม่นานต้องเจ๊งแน่นอนเลย
แถมก่อนอื่นเนี่ย ของที่ซื้อมาก็ไม่ใช่ว่าจะถนอมให้คงสภาพสมบูรณ์เอาไว้ได้ด้วย
ถ้าฉันไม่จัดการให้ดีล่ะก็ มันจะเสียสภาพไปจนเอามาใช้งานไม่ได้ เพราะงั้น การเตรียมการล่วงหน้าถึงตำเป็นเพื่อจะเก็บรักษาวัตถุดิบเอาไว้เป็นระยะเวลานานได้
แน่นอนว่า ฉันก็คือคนจัดการเรื่องพวกนั้นนั่นแหละ แต่ถ้าเกิดฉันซื้อของมามากเกินกว่าจะจัดการได้ทัน มันก็จะเสียของไปเปล่าๆ น่ะสิ
แถมยังต้องตั้งราคาซื้อราคาขายด้วยหลังจากคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่งกับเป้าหมายที่จะขายด้วย ไหนจะเรื่องต้นทุนของที่เสียไปเพราะสินค้าที่ยังขายไม่ออก กับเรื่องของที่เสียหายไประหว่างการขนส่งอีก
―――อ้อ เรื่องพวกนี้เขียนอยู่ในหนังสือเล่มเล็กที่อาจารย์ให้ฉันมาล่ะนะ
อาจารย์เขียนตารางราคาซื้อขายของวัตถุดิบหลายๆ อย่างในเมืองหลวงมาให้ด้วย แต่ก็มีโน้ตเตือนบอกไว้ว่าถ้าเกิดฉันเอาราคาพวกนี้ไปใช้เป็นบรรทัดฐานเลยล่ะก็ ไม่นานฉันก็ต้องติดตัวแดงแน่นอน
“นอกจากเรื่องการซื้อขายเนี่ย หนูวางแผนจะเปิดร้านเมื่อไหร่เหรอจ๊ะ?”
“เออคือ ฉันต้องจัดการทำความสะอาด กับเตรียมร้านให้พร้อมก่อน… อาจจะอีกซักอาทิตย์นึงมั้งคะ”
ฉันยังไม่เห็นสภาพในร้านเลยด้วย ก็เลยยังพูดเป๊ะๆ ไม่ได้ แถมยังไม่ได้ทำสินค้าอะไรเลย ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะใช้เวลานานประมาณนั้นแหละ
“งี้เองๆ ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกชั้นได้เลยนะ”
“ขอบคุณนะคะ”
ฉันโค้งหัวให้คุณเอลลิสที่พูดออกมาอย่างใจเย็นอีกครั้ง