บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 107 เชื่อแค่เงิน
“เข้าใจก็บ้าแล้ว! ไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามีวัดไหนลงเขามาเกณฑ์คนขึ้นเขา ฉันว่านะถ้าไต้ซือหงเหยียนรู้เรื่องนี้เข้า หึหึ…ถึงตอนนั้นคุณต่างหากที่ขายหน้า” ผู้หญิงกล่าว
“ซูหง!” เฉินจินโกรธแล้ว “ระวังหน่อยนะ! ไต้ซืออู้หมิงไม่ใช่คนเลว!”
“เหอะๆ…” ซูหงหัวเราะแห้งๆ สองที เห็นเฉินจินหน้าตาย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ จึงถอนหายใจ “เอาเถอะๆ ไม่ไปก็ไม่ไป เฮ้อ ไม่รู้ว่าฟางเจิ้งจะจัดพิธีเป็นยังไงบ้าง”
ซูหงยอมประนีประนอม ความโกรธเฉินจินจึงลดน้อยลงมาก พูดตอบอย่างเย็นชา “มีข้าวหรือไม่มีก็ช่างเถอะ ไม่แน่นะอาจจะไม่อร่อย ยากจะกระเดือกลงคอก็ได้”
……
บนเขา หวังโอ้วกุ้ยนำหน้า เด็กน้อยข้างๆ วิ่งกันเร็ว แต่หวังโอ้วกุ้ยไม่ยอมแพ้ มักจะไล่ตามไปอยู่ข้างหน้าเสมอ…
ในกลุ่มคนมีคนค่อนข้างหลากหลาย คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส เดินไปพลางเล่นมือถือไปพลาง ถ่ายเซลฟี่กับเล่นวีแชตตลอด พูดคุยกันไม่หยุด
“หม่าหยวน ได้ยินว่าบ้านพวกนายขึ้นเขาไปขอลูกกันเหรอ?” วัยรุ่นไว้เคราน้อยๆ ดูเซ็กซี่ ถือว่าไม่สูง สวมเสื้อขนนกสีดำลูบแว่นตากรอบดำพลางถาม
“ใช่ ถานหมิง ฉันจะบอกให้นะ วัดเอกดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ฉันรู้มาถ้าขึ้นเขาไปขอลูกจะไม่ได้กลับมามือเปล่า หมู่บ้านในละแวกสิบลี้ต่างรู้กันทั้งนั้น” หม่าหยวนยิ้มตอบ
“เหอะๆ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เหรอ?” ถานหมิงถามด้วยความตกใจเล็กน้อย
“แน่นอน นายรู้จักบ้านอาหยางหวาไหม? โรงพยาบาลหลายแห่งวินิจฉัยขาดเลยว่าไม่มีลูกแน่ แต่พอขึ้นเขาไปขอลูกกลับได้ลูกแฝดชายหญิง!” หม่าหยวนตอบ
ถานหมิงกล่าว “เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง…ก่อนหน้านี้วินิจฉัยผิดรึเปล่า”
ข้างกายถานหมิงเป็นหญิงสวมเสื้อคลุมขนมิ้งตัวใหญ่ จับมือถานหมิงพลางพูดยิ้มๆ “ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะ ผู้เชี่ยวชาญเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ ทุกคนมีลูกได้ ถ้ามีไม่ได้นั่นเป็นเพราะอย่างอื่น ขึ้นเขาไปไหว้พระ ขอเยอะได้ลูกเยอะไม่ได้อธิบายอะไรเลย ถึงยังไงคนส่วนใหญ่ก็มีลูกได้ แต่เรื่องอาหยางก็มหัศจรรย์อยู่นะ”
หม่าหยวนยิ้ม “เธอพูดก็มีเหตุผลนะ แต่ชาวบ้านทุกคนเชื่อเรื่องนี้ อีกอย่างพวกเราไปขอแล้วก็ได้จริงๆ เลยเชื่อ ขอบคุณพระพุทธองค์ พระพุทธองค์คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง? ยอมเชื่อแล้วได้ดีกว่าไม่เชื่อแล้วไม่ได้นะ”
ถานหมิงส่ายหน้า “นายนี่นะ ในหมู่บ้านก็ได้ผลอยู่หรอก ลอกไปเมืองใหญ่สิ มีคนจุดธูปไหว้พระเยอะแยะ แต่ไม่มีใครเชื่อจริงๆ สักคน ตอนนี้โลกเชื่ออยู่อย่างเดียว! เงิน! มีเงินก็มีทุกอย่าง…”
“เอาเถอะๆ นายเก็บทฤษฎีนี่ไปเถอะ เดี๋ยวคนในหมู่บ้านจะถูกนายชักพาให้เสียคน นั่นน่ะบาปหนักเลยล่ะ” เหลียงอวี่ภรรยาถานหมิงรีบให้ถานหมิงหุบปาก
ถานหมิงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ฉันไม่ได้ว่าอะไรวัดสักหน่อย พูดความจริงจะทำไม? แล้วนี่เรียกชักพาให้เสียคนได้เหรอ? ฉันให้เห็นคุณค่าของชีวิตจริงๆ ต่างหาก! ปีนี้ถ้าไม่หาเงินก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
เหลียงอวี่ตอบ “เงินๆๆ นายทำเงินตกไปในดวงตาแล้ว พูดอย่างอื่นบ้างเถอะ หม่าหยวน ได้ยินว่าวัดเอกดรรชนีเพิ่งสร้างใหม่ แต่ฉันจำได้ว่าวัดนี่น่าจะยากจนมากนี่? อีกอย่างได้ยินพวกป้าๆ เขาคุยกันว่าในวัดมีแค่เณรเป็นเจ้าอาวาส จัดพิธีสรงน้ำพระคนเดียว? จะทำได้ยังไงกัน?”
หม่าหยวนอธิบายสถานการณ์ของวัดเอกดรรชนี ก่อนหัวเราะแห้งๆ “พูดจริงๆ นะ ฉันเองก็ว่าฟางเจิ้งไม่ไหว วัดเอกดรรชนียากจนจริงๆ จนถึงขั้นจะกินข้าวต้องลงเขามาขอช่วยความช่วยเหลือ พิธีสรงน้ำพระเหรอ…ฉันว่าอย่าไปหวังกินโจ๊กเลย ทุกคนมาช่วยรวมกันให้ครึกครื้นก็พอ อีกอย่างผู้ใหญ่บ้านบอกแล้วนี่ว่าไปวัดเอกดรรชนีครั้งนี้หลักๆ คือสนับสนุนวัด ไม่ใช่ไปกินโจ๊ก”
“ดังนั้นฉันถึงฉลาดไง ไม่เอาชามไปให้เปลืองแรง ขึ้นเขาแล้วไปจุดธูปไหว้พระแค่นั้น หลักๆ คือไปเที่ยวบนเขา” ถานหมิงกล่าว
เหลียงอวี่เอ่ย “ถ้า…หากมีโจ๊กจริงๆ ล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าฟางเจิ้งชนะการประลองศิลปะพู่กันจีน ชนะนักเขียนพู่กันจีนในเมืองเลยนะ หรือไม่ก็ถ้าเถ้าแก่ที่ไหนถูกใจเข้า ให้เงินมาบ้างก็พอจะจัดพิธีสรงน้ำพระได้แล้ว”
“มีก็มีสิ ใช่ว่าไม่เคยกินซะที่ไหน หม่าหยวน ฉันว่านะถ้าพูดถึงโจ๊กล่าปาก็ต้องเป็นต้นตำรับของวัดเมฆาขาว! เฮ้อ นั่นคือโจ๊กล่าปาที่เคี่ยวจากวัตถุดิบสิบแปดชนิดชั้นดี! ทางพุทธศาสนาเรียกว่าอะไรนะ? ใช่ โจ๊กเจ็ดสิ่งเลอค่าห้ารสชาติ เฮ้อ รสชาตินั้นสุดยอดเลย! ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่ว่าพ่อฉันเรียกกลับมา วันนี้คงไปวัดเมฆาขาวแล้ว” ถานหมิงดึงหม่าหยวนชวนคุยตลอดทาง
หม่าหยวนตอบ “วัดเมฆาขาวเหรอ ไกลไป ฉันไม่เคยไปจริงๆ หรอก ได้ยินนายว่าแบบนี้ถ้ามีโอกาสต้องไปจริงๆ แล้ว แต่พูดถึงโจ๊กล่าปา ของวัดผาแดงก็ไม่เลวนะ แถมมีน้อย แต่ก็เข้าใจ ทุกปีคนที่ไปกินโจ๊กล่าปาที่วัดผาแดงมีพันกว่าคน วัดเขาก็ไม่ได้เก็บเงินอะไรด้วย ถ้าจะกินเอาอิ่มจริงๆ คงดูแลไม่ไหว”
ถานหมิงหัวเราะ “นี่ก็เป็นความน่าเศร้าของวัดเล็กแหละนะ วัดเมฆาขาวเป็นวัดใหญ่! พิธีสรงน้ำพระมีคนไปแค่พันกว่าคนที่ไหน? เป็นหลักหมื่นนู่น! นั่นน่ะถึงเรียกว่าพิธีจริงๆ!”
หม่าหยวนได้ยินแบบนั้นในใจก็เฝ้าใฝ่หา…
เหลียงอวี่ข้างกายส่ายหน้าเบาๆ ขี้เกียจจะสนใจถานหมิง จึงเดินไปคุยกับอาคนอื่น
ตอนนี้เองฟางเจิ้งกำลังเหม่อมองถาดขนาดเท่ากระถางตรงหน้า! ตรงกลางถาดวางพระพุทธรูป และก็ไม่รู้ว่าพระพุทธรูปสร้างขึ้นจากอะไร ส่องแสงทองสว่างไสว ภายใต้แสงตะวันดูเด่นตาเป็นพิเศษ รอบพระพุทธรูปเป็นดอกบัวแกะสลักที่สมจริงราวกับมีชีวิต ข้างถาดวางแก้วน้ำสวยงามไว้หนึ่งใบ ด้านข้างไปอีกวางอ่างเล็ก ภายในอ่างส่งกลิ่นหอมดอกไม้จางๆ กลิ่นซึมซาบเข้าไปในจิตใจ คนที่ดอมดมจะสุขสบายยิ่ง
“ระบบ นี่ก็ให้ฟรีเหรอ?” ฟางเจิ้งมองของตรงหน้าพลางถาม
“พิธีสรงน้ำพระก็ต้องมีพระพุทธรูปให้สรงน้ำสิ ใช้น้ำอบสรงน้ำพระพุทธองค์ หนึ่งเพื่อบูชาพุทธศาสนา สองเพื่อชะล้างตัวเอง”
ฟางเจิ้งพยักหน้าแสดงความเข้าใจ แต่ก็เข้าใจไปอย่างนั้น เขาไม่เคยจัดพิธีสรงน้ำพระมาก่อน และก็ไม่เคยเห็น ตอนนี้มาลงสนามจริงเลยทำอะไรไม่ถูก แต่พอตรึกตรองว่าคนที่มาเป็นชาวบ้านจึงผ่อนคลายลงเยอะ
วางพระพุทธรูปให้ดี จากนั้นให้กระรอกอยู่ข้างๆ พระพุทธรูป “ดูของพวกนี้ให้ดีนะ อีกเดี๋ยวโจ๊กจะเสร็จแล้ว มีของนายชามใหญ่เลย! กินให้อิ่ม! ถ้าไม่อย่างนั้นต้องอดนะ”
กระรอกแบกกระบวยเล็กที่ใส่น้ำขึ้น ทำท่าทางเหมือนว่าฉันคือนักรบ ตบหน้าอกดังปึกๆ สื่อว่าให้ผู้บัญชาการวางใจได้
ฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ เคาะกระรอกไปทีหนึ่ง ก่อนให้หมาป่าเดียวดายแบกฟืนมา เขาหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปหลายรูป ถือว่าเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ตอนนี้เองมีเสียงคนดังแว่วมาไกลๆ จากนั้นกลุ่มคนปรากฎขึ้นในสายตา ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความตื่นเต้นในใจ ประนมสองมือกล่าวเบาๆ “หลวงตาหนึ่งนิ้ว ความปรารถนาของท่านเป็นจริงแล้วนะ แต่นี่แค่เริ่มต้น จากนี้ผมจะต้องจัดพิธีสรงน้ำพระครั้งใหญ่ที่แท้จริงอย่างแน่นอน! ให้ท่านได้มีความสุขไปด้วยกัน!”
………………