บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 135 คำเชิญจากวัดเมฆาขาว
ทว่าฟางเจิ้งก็ยังสงสัยหนักมากว่าพ่อแม่เด็กนี่คงไม่สบายใจ กลัวว่าลูกจะถูกแกล้ง เลยให้พกประทัดมาทั้งตัว!
ในหมู่บ้าน พวกเด็กๆ จะโยนประทัดใส่กันสร้างความตกใจเป็นเรื่องปกติ แต่ในตัวเจ้าเด็กนี่มันอาวุธสังหารชัดๆ!
“เหมิงเหมิง ขอบคุณนะ พี่ใหญ่อยากได้สองกล่องนี่ มา พี่ใหญ่ให้เงินร้อยหยวน นายเอาไปซื้อของกินเถอะ อีกอย่างนะ ซื้อประทัดโยนมาให้พี่อีกหน่อยด้วย” ฟางเจิ้งไม่มีทางเอาของเด็กนี่ฟรีๆ ดึงเปียเขาแกะของเด็กนี่แล้วยัดเงินให้ไปร้อยหยวน
ยัดเสร็จ ฟางเจิ้งก็ได้ยินเสียงเตือนจากระบบ “ติ๊ง ขอเตือนอย่างเป็นมิตร เงินในตัวนายส่วนใหญ่เป็นเงินบริจาคจุดธูป เงินนี่ซื้อของทางโลกไม่ได้ รวมถึงให้คนอื่นไปซื้อของให้นายไม่ได้ด้วย แต่นายมีทุนเดินอยู่เล็กน้อย สองร้อยสามสิบหกหยวนห้าเหมาพอดี! ตอนนี้ให้เหมิงเหมิงไปร้อยหยวน นายใช้เงินนี่ซื้อของทางโลกได้ เหลือเงินหนึ่งร้อยสามสิบหกหยวนห้าเหมา
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป มองแบงก์ร้อยหยวนในมือเหมิงเหมิงด้วยความปวดใจ! เขาดีใจเลยลืมกฎไป เดี๋ยวเดียวเงินเหลือครึ่งหนึ่ง…
แต่ให้ก็ให้ไปแล้ว เขาจะพูดอะไรได้อีก? ถึงยังไงเขาก็ไม่มีค่าใช้จ่าย ให้ก็ให้ไปเถอะ เอากลับมาไม่ได้แล้วนี่? เขาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน…
เหมิงเหมิงยิ้มเบิกบานใจ “ขอบคุณพี่ใหญ่ฟางเจิ้ง พี่รอหนูเดี๋ยวนะ…”
เหมิงเหมิงพูดจบก็วิ่งไป
ฟางเจิ้งมองเงาแผ่นหลังที่มีความสุขของเด็กน้อยพลางยิ้มอย่างรู้ใจ นี่คือช่วงเวลาของหมู่บ้าน บรรยากาศมีแต่ความสุข!
ฟางเจิ้งจุดไฟบนถนนต่อ ไม่นานเหมิงเหมิงกลับมา หิ้วถุงผ้าสีแดงมาด้วย ก่อนชูขึ้นสูง “พี่ใหญ่ ดูสิ หนูซื้อมาเยอะเลยพอไหม?”
ฟางเจิ้งมองแวบหนึ่ง เจ้านี่เอามาถุงเดียวจริงๆ! แม้จะปวดใจจนแทบจะหลั่งเลือด แต่เขาก็ยังตามน้ำไป ตนเสแสร้งไปแล้ว ต้องซ่อนน้ำตาเสแสร้งให้จบ เป็นตายยังไงจะแสดงสีหน้าปวดใจไม่ได้! ดังนั้นจึงยิ้มกล่าว “พอสิ ใช้เป็นกองทัพประทัดได้เลย ขอบคุณนะเหมิงเหมิง เงินที่เหลือเธอเอาไปเลย”
“ขอบคุณพี่ใหญ่ฟางเจิ้ง!” เหมิงเหมิงโบกเงินห้าสิบหยวนที่เหลือในมืออย่างเบิกบานใจ กระโดดโลดเต้นวิ่งไป ฟางเจิ้งมองปู่เหมาสีเขียว[1]ลอยจากไป จิตใจซับซ้อนเป็นพิเศษ…
กระรอกน้อยเข้ามาใกล้ มองฟางเจิ้งด้วยความสงสัย
ฟางเจิ้งหยิบประทัดมาปาบนพื้นพร้อมกัน ส่งเสียงดังปัง “เข้าใจไหม? ถ้าเอาเจ้านี่ปาใส่พื้นแข็งๆ จะเกิดเสียง อีกเดี๋ยวพวกนาย…บราๆๆ”
ตอนนี้เองฟางเจิ้งเปลี่ยนจากหลวงจีนเป็นราชาปีศาจชั้นยอดแล้ว…
แต่พวกปีศาจน้อยที่อยู่ไกลๆ เหล่านั้นไม่รู้เลยว่าราชาปีศาจจะจัดการพวกเขา…
“พวกเด็กเวร หยุดเดี๋ยวนี้!” หวังโอ้วกุ้ยตะโกนด้วยความโมโหไม่หยุด
กลุ่มเด็กร้องเสียงดังวิ่งหนีไป…
หวังโอ้วกุ้ยเห็นดังนั้นก็จนปัญญา รีบปลอบแม่หมูแก่ที่ร้องด้วยความตกใจในบ้านตน ขณะจะออกไปคิดบัญชีกับพวกเด็กซนก็เห็นเด็กพวกนี้วิ่งกลับมาพร้อมกับควันตลอดทาง!
“อาหวังช่วยด้วย! มีกระรอกไล่ล่าพวกเรา โหดมากด้วย!” หลิวลุ่ยวิ่งไปพลางร้องไปพลาง เด็กคนอื่นๆ วิ่งมาทางนี้เช่นกัน
หวังโอ้วกุ้ยงง “กระรอกไล่ล่าพวกเธอ? แถมยังโหดมากด้วย? ไอ้เด็กพวกนี้ พูดจาอะไรให้มันน่าเชื่อถือหน่อยได้ไหม?”
ปังๆๆๆ!
ขณะกล่าวเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นต่อเนื่องกัน หวังโอ้วกุ้ยตกใจจนกระโดดอยู่กับที่ กำลังจะด่าทอกลับตะลึงค้าง!
เห็นหมาป่าสีขาววิ่งตามอยู่ข้างหลังพวกเด็กๆ บนตัวแขวนถุงผ้าใบหนึ่ง ตรงคอมีกระรอกยืนอยู่ กระรอกหยิบประทัดโยนปาไปข้างนอก ไล่ไปพลางโยนไปพลางตลอดทาง ระเบิดจนพวกเด็กร้องเสียงดัง วิ่งหนีไปทั่ว…
“นะ…นี่มันหมาป่าตัวนั้นกับกระรอกของฟางเจิ้งนี่? เจ้าสองตัวนี้เปิดภูมิปัญญา?” หวังโอ้วกุ้ยรู้ว่าหมาป่าเดียวดายฉลาดมาก เพียงแค่ไม่รู้ว่ากระรอกก็ฉลาดเหมือนกัน ขี่หมาป่าปาประทัดใส่พวกเด็กๆ ได้…
ดีที่เจ้ากระรอกใช้ประทัดโยน โยนลงพื้นไม่ทำร้ายคน ดูจากท่าทางแล้วคงก่อความวุ่นวายไปอย่างนั้น เขาจึงไม่สนใจ
ตอนนี้เองฟางเจิ้งเข็นรถเข้ามา โยนเปลวไฟไว้ตลอดทาง ลากเป็นเส้นยาวส่องแสงในหมู่บ้าน
“โยมหวัง จะไปไหนเหรอ?” ฟางเจิ้งหัวเราะเหอะๆ ไม่มีพวกเด็กซนก่อกวนกลุ่มนั้นแล้ว การจุดไฟบนถนนเลยสบายขึ้น
“ฟางเจิ้ง ทำไมแกถึงจุดไฟบนถนน? วันนี้ให้ซ่งเอ้อโก่วทำไม่ใช่เหรอ? นี่ฉันว่างเลยออกมาเดินเล่น” หวังโอ้วกุ้ยตอบ
ฟางเจิ้งยิ้ม “อาตมามาดูอะไรสนุกๆ พอดี ว่างเลยถือโอกาสทำน่ะ”
หวังโอ้วกุ้ยพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นแกต้องเร็วหน่อยนะ อีกเดี๋ยวต้องกองไฟแล้ว แล้วก็ปีนี้หมู่บ้านเราล้าหลังไม่ได้ อย่าให้หมู่บ้านอื่นจุดไฟไปถึงหน้าหมู่บ้านก่อน เดี๋ยวจะขายหน้าเอา”
ฟางเจิ้งเพิ่งนึกได้ การจุดไฟบนถนนไม่ใช่แค่จุดในหมู่บ้านตัวเองก็เสร็จ แต่ยังมีการแข่งขันภายในด้วย หมู่บ้านในระยะสิบลี้จะจุดไฟบนถนนกัน สุดท้ายก็จะเอามาเชื่อมกัน
และตอนนี้ถ้าหมู่บ้านตนช้า หมู่บ้านตรงข้ามก็จะจุดไฟเข้ามา คนโบราณบอกไว้ว่าแบบนั้นดวงชะตาบ้านเราจะไปหมู่บ้านตรงข้าม แม้จะมีความงมงายอยู่ข้างใน แต่ที่มากกว่านั้นคือความกระตือรือร้นของคนจุดไฟบนถนนรวมถึงของทุกคนที่เข้าร่วม ดังนั้นนี่จึงเป็นการแข่งขันเล็กๆ ที่ไม่เป็นทางการ
แน่นอนการแข่งขันนี้จำกัดจำนวนคน ไม่อย่างนั้นคนมากก็จะเกิดความวุ่นวายง่าย และเกิดอันตรายได้ง่าย ฉะนั้นเลยหนึ่งคนต่อหนึ่งหมู่บ้าน
ฟางเจิ้งกล่าวทันที “โยมหวัง วางใจเถอะ รับประกันเลยว่าสำเร็จแน่”
ฟางเจิ้งหัวเราะเหอะๆ แล้วเข็นรถไป ตัวเขามีศิลปะวิทยายุทธ์ มีกำลังน่าตกใจ สองมือมั่นคงอย่างยิ่ง มือหนึ่งเข็นรถ อีกมือโยนไฟไม่ได้เร็วเกินไป! ไม่นานก็โยนเสร็จทั้งหมู่บ้าน เชื่อมไปยังถนนหมู่บ้านอื่น มองไกลๆ ไฟหมู่บ้านตรงข้ามก็เริ่มขยับมาทางปากทางหมู่บ้านแล้ว
ฟางเจิ้งเร็วกว่าเดิม โยนไฟตลอดทาง อีกฝ่ายเพิ่งถึงประตูหมู่บ้าน แต่เขามาถึงส่วนกลางแล้ว อีกฝ่ายดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด บ่นพึมพำบางอย่างได้ยินไม่ชัด
ฟางเจิ้งหัวเราะก่อนเดินกลับหมู่บ้าน นี่เป็นความสุขเล็กๆ ถ้าจะทับถมจริงๆ นั่นก็ไม่สนุกแล้ว
อีกฝ่ายเห็นฟางเจิ้งหันหน้ากลับก็ตะโกนบางอย่าง ได้ยินเบาๆ ว่าจะเลี้ยงเหล้า…
คนจากหลายหมู่บ้านกำลังยุ่ง ไฟบนถนนเชื่อมกันเป็นปึกแผ่น เปลวไฟนำพาความอบอุ่นและแสงสว่างมาให้กับคนในหมู่บ้านในหน้าหนาว ตอนนี้พวกผู้ใหญ่เสร็จงานกันแล้วจึงพากันวิ่งออกมา วางฟืนเป็นกองไฟใหญ่กลางสี่แยก ผิงไฟคุยกันอย่างออกรส จุดดอกไม้ไฟ บรรยากาศคึกคักของวันสิบห้าค่ำเดือนหนึ่งก็ผ่านไป…
วันที่สองฟางเจิ้งตื่นมาในวัดอันเงียบสงบ นึกถึงความครึกครื้นเมื่อคืนวาน นั่นราวกับความฝัน
เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนไปล้างหน้า ทำความสะอาดอุโบสถ กินข้าว…เป็นอีกวันที่ฟ้าใส
ทว่าตอนนี้เองมีเสียงคุ้นเคยดังแว่วมาจากข้างนอก “ไต้ซืออยู่ไหม?”
ฟางเจิ้งเดินออกมาดู ยิ้มเล็กน้อย ประนมสองมือ “อมิตาพุทธ โยมมาอีกแล้วเหรอ? หรือว่าครั้งนี้มีพัสดุของอาตมา?”
ฟางเจิ้งกังวลเหมือนกัน ใครส่งพัสดุให้เขาอีก? หรือว่าจะเป็นพวกจ้าวต้าถง? น่าจะไม่ใช่…
ผู้มาคือหูทั่นคนส่งของบริษัทส่งเร็วตลอดทาง วัดเอกดรรชนีกันดารเกินไป จึงไม่มีใครยอมมาส่ง ทว่าหูทั่นรู้ถึงความเก่งกาจของฟางเจิ้ง เลยมาให้ไต้ซือเห็นหน่อย ไม่แน่อาจรอดพ้นจากภัยอีกก็ได้ ดังนั้นเลยประกาศไว้ว่าถ้าเป็นพัสดุส่งวัดเอกดรรชนีเขาจะรับไว้ทั้งหมดเอง
แต่รออยู่นาน ผ่านปีใหม่แล้วก็ยังไม่มีพัสดุส่ง วันนี้พลันได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เลยรีบเอามาส่งทันที
ฟางเจิ้งรับจดหมายไปอ่านก็ตะลึงค้าง “วัดเมฆาขาว? วัดเมฆาขาวส่งให้อาตมา?”
“เอ่อ ใช่ครับ เขียนที่อยู่ข้างบนไว้ชัดเจน น่าจะไม่มีปัญหา” หูทั่นตอบ
ฟางเจิ้งพยักหน้าแล้วเซ็นรับ “ขอบใจโยมนะ”
……………………………..
[1] ปู่เหมาสีเขียว หมายถึงรูปเหมาเจ๋อตุงบนธนบัตรจีนห้าสิบหยวน ซึ่งเป็นแบงก์สีเขียว