บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 241 เป็นคนดีช่างฟินจริงๆ
วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า…
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ช่วงกวาดถนนตอนเช้า หลิวไต้เฟินเจอกับพนักงานทำความสะอาดอีกคน อีกฝ่ายเป็นลุงผมขาวดอกเลาเล็กน้อย วันนี้คุณลุงอารมณ์ดี พอเจอหน้าก็ทักทาย “ไต้เฟิน วันนี้น่าจะเงินเดือนออกนี่? ฮ่าๆ…ได้ยินว่าจะได้เพิ่มเงินเดือนแล้ว เพิ่มให้พวกเราตั้งหลายสิบหยวนแหนะ ฉันคำนวณของเดือนนี้แล้วนะ พวกเราได้กันคนละพันแปดร้อยกว่าหยวน จึ๊ๆ…ถ้าประหยัดหน่อย ทุกเดือนจะมีเหลือเก็บหลายร้อยหยวนเลย”
แต่เมื่อคำพูดนี้เข้าถึงหูหลี่เฮ่าเผิงกลับกลายเป็นดั่งฟ้าผ่าในวันฟ้าแจ่มใส! ทำงานลำบากขนาดนี้หนึ่งเดือนได้แค่พันแปดร้อยหยวน? เขาส่งของขวัญให้นักไลฟ์ทีเป็นพันๆ…พอนึกถึงเงินห้าหมื่นหยวนที่ส่งของขวัญไป นึกถึงคำพูดคุณลุงว่าถ้าประหยัดจะมีเหลือเก็บหลายร้อยหยวนทุกเดือน แล้วเงินห้าหมื่นนั่นต้องเก็บนานเท่าไร?
หลี่เฮ่าเผิงไม่ใช่คนโง่ อยู่ประถมหกแล้ว จึงเป็นเรื่องการคูณหาร หนึ่งเดือนเก็บสี่ร้อย หนึ่งปีเก็บสี่พัน ห้าหมื่นหยวน…ต่อให้นับรวมเงินที่หามาได้ก่อนบิดาเสีย เอาแค่หมื่นหยวนที่มารดาเก็บคนเดียวจะต้องเก็บนานเท่าไร? สองปีกว่า! แต่ตอนที่เขาใช้จ่ายใช้เวลาเท่าไร ไม่กี่นาที!
วินาทีนั้นหลี่เฮ่าเผิงรู้สึกสมองส่งเสียงดังวิ้ง ในใจปั่นป่วนไปหมด สายตามองมารดาที่ยังคงกวาดถนนแล้วนึกถึงตัวเอง…
น้ำตาไหลเป็นดั่งสายฝนโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้เลยว่าตนควบคุมร่างกายตัวเองได้แล้ว เขาเดินเหม่อลอยจนมาอยู่ตรงหน้าหลิวไต้เฟินที่คุยไปพลางกวาดถนนไปพลาง จากนั้นคุกเข่าลงกับพื้นภายใต้สายตาอึ้งๆ ของอีกฝ่าย ตะโกนเสียงแหบแห้งว่า “แม่! ผมผิดไปแล้ว! ผมผิดไปแล้วจริงๆ…”
ตอนนี้หลิวไต้เฟินไม่รู้เลยว่าควรจะทำอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าวันนี้ดวงตะวันขึ้นเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย แถมยังเป็นวันฟ้าใส…
“ฟ้าใส!” ฟางเจิ้งเปิดประตูใหญ่ของวัด มองดวงตะวันขึ้นทางตะวันออกพลางพูดยิ้มๆ
“เจ้าอาวาส วันนี้อารมณ์ดีนะ” ลิงที่กำลังกวาดพื้นถาม
ฟางเจิ้งหัวเราะเหอะๆ “ดีจริงๆ แต่มีบางคนกำลังรู้สึกแย่มาก” ระหว่างพูดอยู่นี้ มือถือฟางเจิ้งดังขึ้น
“หลวงพี่ฟางเจิ้ง ฉันจะถังแตกแล้ว…” ถึงจูหลินจะพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงกลับมีความตื่นเต้นหลายส่วน เธอเดินไปทางใต้ตามที่ฟางเจิ้งบอกก็เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเว็บไซต์พอดี เป็นหญิงแกร่งนามชิงเจี่ย! สองคนคุยกันนานมาก เจอกันเป็นดั่งวาสนา ชิงเจี่ยจะดูแลเธอเป็นพิเศษ แถมยังเซ็นสัญญากับเธอด้วยว่าทุกปีจะจ่ายเงินค่าสัญญาให้อย่างมั่นคง ซ้ำยังสูงมาก หนึ่งล้านหยวนขึ้นไป! เธอไม่ดีใจสิแปลก!
ฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่อย่างนั้นสีกาอย่าถังแตกเลย คืนคำพูดของอาตมามาสิ ว่ายังไง?”
“อย่า! ไต้ซือ ฉันผิดไปแล้ว คือ จะให้เอาเงินไปให้เมื่อไรคะ? ฉันเร่งท่านมาหลายวันแล้วนะ ท่านไม่ร้อนใจ แต่แม่ลูกคู่นั้นจะต้องร้อนใจแน่ๆ” จูหลินรีบยอมจำนน ตั้งแต่ที่รู้จักกับฟางเจิ้งมา เขาบอกกับเธอสองครั้ง ครั้งแรกช่วยชีวิตเธอไว้ ครั้งที่สองมอบอนาคตให้ เธอจะไปกล้าล่วงเกินพระพุทธองค์ที่ยังมีชีวิตท่านนี้ได้อย่างไร?
ฟางเจิ้งยิ้ม “นั่นคือผลจากการทำความดีของสีกา อาตมาแค่พูดไปโดยบังเอิญเท่านั้น ส่วนเงินนั่นก็คืนได้แล้ว จะคืนยังไงสีกาต้องคิดเอา อาตมาไม่เก่งเรื่องนี้…เอาล่ะ จะกินข้าวแล้ว บาย”
พูดจบฟางเจิ้งก็วางสายไป
ปลายสาย จูหลินโกรธจนกระทืบเท้า “ที่อยู่ก็ไม่มี จะให้ฉันไปคืนเงินที่ไหนเนี่ย? โดนไต้ซือเล่นซะแล้ว…”
แม้จะบ่น แต่จูหลินก็รีบดำเนินการ ก่อนหน้านี้ทำความดีแล้วจิตใจสงบ ตอนนี้ทำความดีแล้วยังโชคดีอีก เธอหาเหตุผลที่จะไม่ทำความดีไม่เจอเลยจริงๆ จากการคำนวณ อีกฝ่ายเป็นพนักงานทำความสะอาดของอำเภอซงอู่ ถ้าอย่างนั้นไปสืบดูที่พนักงานทำความสะอาดก็น่าจะหาอีกฝ่ายเจอได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงดำเนินการทันที…
ตอนที่หลิวไต้เฟินได้รับเงินห้าหมื่นนั้น เธอกลับผลักคืน
จูหลินพูดงงๆ “คุณป้าทำอะไรคะ?”
“หนูเป็นเด็กดี นี่เป็นสิ่งที่หนูควรได้รับ ถึงเงินพวกนี้จะเยอะ แต่เทียบไม่ได้กับลูกชายป้าหรอก ลูกชายป้าโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเพราะเรื่องครั้งนี้ ชีวิตป้ามีความหวังแล้ว มันก็แค่เงินห้าหมื่นหยวนเอง? ป้าอายุยังไม่เยอะ หาใหม่ก็ได้!” หลิวไต้เฟินพูดด้วยความดีใจมาก
จูหลินยิ้มแห้งๆ “ป้าคะ ป้าคิดว่าหนูแก่มากแล้วเหรอ? ป้าหาเงินได้ ทำไมหนูจะหาไม่ได้? เงินนี่น่ะป้าเอากลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นหนูจะถูกด่าจนตาย เสียแฟนคลับอีก นั่นน่ะเสียหายมากเลยนะ เถอะน่า รับไว้เถอะนะคะ”
จูหลินพูดเก่ง พูดสั้นๆ แต่รวบรัดทำให้เหมือนว่าถ้าหลิวไต้เฟินไม่รับเงินจะเป็นการทำร้ายจูหลิน หลิวไต้เฟินจึงได้แต่รับไว้ด้วยความจำใจ แต่เธอเข้าใจว่าเด็กสาวตรงหน้าเป็นคนดีเลยขอบคุณไม่หยุด
จูหลินเดินไปไกลมากแล้วถึงหันกลับมามอง หลิวไต้เฟินยังยืนอยู่ตรงนั้นแถมโบกมือให้เธอ
วันนี้ไลฟ์สดของจูหลินมีอยู่คำพูดหนึ่ง ‘ฉันรู้แล้วว่าเป็นคนดีมันรู้สึกฟินกว่าหาแฟนอีก! แม้ว่าฉันจะไม่เคยมีแฟนมาก่อนก็เถอะ…’
ฟางเจิ้งได้รับข่าวจากจูหลินจึงยิ้มอย่างพอใจ
“ยินดีด้วย ทำความดีอีกเรื่องแล้ว” ระบบกล่าว
ฟางเจิ้ง “แสดงความยินดีแต่ไม่มีรางวัลให้เป็นพวกขี้โกงนะ”
ระบบ “@#¥%…”
เมื่อชื่อเสียงวัดเอกดรรชนีเพิ่มมากขึ้น ญาติโยมที่มาจุดธูปวัดเอกดรรชนีจึงมากขึ้นเรื่อยๆ ฟางเจิ้งรับเงินจุดธูปมากขึ้นทุกวัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่บริจาคแค่หยวนสองหยวน
ตกกลางคืน ฟางเจิ้งมองเงินบนเตียงพลางยิ้มหยีตาเป็นจันทร์เสี้ยว
“มันน่ามองเหรอ?” ระบบถาม
ฟางเจิ้งพยักหน้า “น่ามอง”
“มองพอรึยัง?” ระบบถาม
“ยัง” ฟางเจิ้งตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็มองอีกเดี๋ยวละกัน ถึงยังไงก็จะอยู่กับนายแค่ชั่วคราว” ระบบว่า
ฟางเจิ้งพลันหน้าทะมึนทึบ “ระบบ ตอนที่ไม่ได้เรียก นายช่วยอยู่เงียบๆ หน่อยได้ไหม? พูดแบบนี้ ถ้าไปอยู่ข้างนอกระวังจะโดนต่อยเอา”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นนายต่อยฉันสิ” ระบบพูด
ฟางเจิ้งแหงนหน้ามองฟ้า “ต้องมีสักวันที่ฉันต่อยนาย!”
พูดจบฟางเจิ้งก็เก็บเงินกองใหญ่ทั้งหนึ่งหยวน ห้าเหมา ห้าหยวนไป ก่อนใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้า ช่วยไม่ได้ เขาไม่มีตู้เก็บของ บนเขาไม่มีธนาคาร เลยได้แต่วางเงินพวกนี้ไว้แบบนี้
กินข้าวเย็นเสร็จก็ปิดประตูใหญ่วัด พิงใต้ต้นโพธิ์ หยิบมือถือออกมาเสพความเงียบ ท้องฟ้าเป็นเมฆแดงขณะตะวันตกดิน ภายใต้แสงตะวันสีแดง ทั้งวัดเหมือนชุบด้วยสีทองหนึ่งชั้น สวยมาก
ฟางเจิ้งค้นหาข่าวเร็วๆ นี้ตามอำเภอใจ อ่านข้อความ อ่านคัมภีร์ ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายสบายใจ
ตอนนี้เองมีคนเคาะประตูใหญ่วัด
ฟางเจิ้งขมวดคิ้ว ลุกขึ้นไปเปิดประตู เห็นตาเฒ่าคนหนึ่งยืนอยู่นอกประตู มีเม็ดเหงื่อประดับหน้าผาก หอบหายใจแรง เห็นได้ว่ารีบขึ้นเขามา
ฟางเจิ้งประนมสองมือ “อมิตาพุทธ ประสกมีธุระอะไรรึเปล่า?”
ตาเฒ่ายิ้มแห้งๆ “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ตาแก่ถานจวี่กั๋วแนะนำให้ผมมา ผมสื่อต้าจู้ อยู่หมู่บ้านข้างๆ ได้ยินว่าท่านมีพระธรรมลึกล้ำ ไขข้อสงสัยให้ทุกคนได้ เลยมาขอคำตอบโดยเฉพาะเลยครับ”