บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 295 หนึ่งหมู สองหมี สามเสือ
เด็กแดงไม่อยากทำงานหนักให้ฟางเจิ้ง เดิมทีถ้าแอบขี้เกียจได้ก็จะทำ ถือหลักการว่าถ้านอนได้ก็จะไม่นั่งเด็ดขาด ฟางเจิ้งจะทรมานอย่างไรก็ตามสบาย เว้นแต่ถูกบังคับ ไม่อย่างนั้นก็แค่มาดูอะไรสนุกๆ
แน่นอนว่าฟางเจิ้งเข้าใจความคิดเด็กแดง แต่ฟางเจิ้งก็ไม่อยากบังคับมากเกินไป
ทว่าฟางเจิ้งเข้าใจความน่ากลัวของหมูป่ามากกว่าเด็กแดง นายพรานชราในป่าเขากลัวการเจอหมูป่าที่สุด ถ้าหมูป่าโตจนมีร่างกายที่ใหญ่พอ พลังทำลายล้างจะน่ากลัวมาก ที่สำคัญที่สุดคือหมูป่าไม่โง่ กลับกันพวกมันฉลาดมาก! การดมกลิ่นของมันมากกว่าสุนัขถึงห้าเท่า ระดับความฉลาดพอจะติดหนึ่งในสิบสัตว์โลก แถมยังฉลาดมากรู้จักการวิเคราะห์ จุดอ่อนอย่างเดียวคือความทรงจำแย่ พวกมันแยกแยะกลิ่นชนิดหนึ่งได้สบายมาก แต่ผ่านไปสักพักจะลืม จุดนี้คล้ายกับปลาเล็กน้อย…
ดังนั้นปกตินายพรานจึงไม่อยากเจอกับสัตว์ป่าดุร้ายขนาดใหญ่ที่หาวิธีรับมือกับคุณได้ ส่วนฟางเจิ้งกังวลเล็กน้อย หัตถ์พลังนักรบโพธิสัตว์จะกำราบพวกหมูป่าเหล่านี้ได้หรือไม่
ครอกๆ…
หมูป่าฝูงหนึ่งกินอิ่มแล้วก็เกลือกกลิ้งไปมา ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน เพียงแค่ส่งเสียงครอกง่ายๆ
ตอนนี้เองเสียงสวดดังก้องกังวาน “อมิตาพุทธ ในเมื่อทุกท่านกินอิ่มแล้ว ฟังอาตมาหน่อยได้ไหม?”
พวกฝูงหมาป่าตกใจสะดุ้งพร้อมกัน พลันหันกลับมาเห็นนักบวชจีวรขาวรูปหนึ่งเดินหน้าเข้ามา ที่สำคัญคือพวกมันฟังคำพูดของนักบวชรูปนี้เข้าใจ!
ฟางเจิ้งเห็นพวกหมูป่ามองมาพลันถอนหายใจโล่งอก ดูท่าเจ้าพวกนิสัยฉุนเฉียวเหล่านี้จะยังสนทนากันได้ แต่ว่า…
“พวกพี่น้อง ลิงตัวใหญ่ไม่มีขนมา! นี่คงจะมาหาเรื่อง ลุย ฆ่ามัน!” หมูป่าตัวหนึ่งลุกขึ้นมาจากการกลิ้งในโคลน ก่อนก้มหน้าลงเผยขมเคี้ยว ร้องเสียงดังพร้อมกับพุ่งทะยานเข้ามา!
หมูป่าตัวอื่นๆ เห็นแบบนั้นจึงร้องเสียงดังพลางวิ่งเข้ามาเช่นกัน
“เล่นมัน!”
“ฉันจะชนมันให้ปลิว!”
“หลบๆ ฉันจะชนมันไปบนต้นไม้!”
“ฉันจะชนมันให้เป็นเหมือนเต้าหู้บนพื้น!”
“ครอกๆ เขี้ยวฉันหิวจนทนไม่ไหวแล้ว! ชนมัน!”
…………
ฟางเจิ้งมองภาพหมูป่าร้อยกว่าตัวพุ่งเข้ามาราวกับมาอยู่ในสนามรบโบราณแล้วเจอกับกองกำลังทหาร ฉากนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่ถ้าตนถูกชนคงไม่สนุกเท่าไร! ไม่นึกเลยว่าหมูป่าจะไร้เหตุผลแบบนี้ เห็นหน้ากันก็ลงมือ ไม่มีทูตมาเจรจากันหน่อยเหรอ?
เห็นพวกหมูป่าพุ่งชนเข้ามาโดยไม่คุยเหตุผล ฟางเจิ้งก็โกรธเช่นกัน จะสู้? ได้ สู้ก็สู้!
ฟางเจิ้งกระทืบเท้า ประนมสองมือไว้ตรงหน้าอก วินาทีนั้นแขนเล็กของเขากำยำขึ้นหนึ่งรอบอย่างเห็นได้ชัด พลังน่าสะพรึงลอยขึ้นจากพื้นดินเข้าสู่แขนสองข้าง!
หมูป่าตัวแรกชนเข้ามา ฟางเจิ้งตะโกนด้วยความโกรธทีหนึ่ง เดินหน้าหนึ่งก้าวตบฝ่ามือไป!
ปัง!
หมูป่าที่ชนเข้ามาถูกฟางเจิ้งตบเข้าที่เขี้ยว ได้ยินเพียงเสียงแก๊ง สะเก็ดไฟกระจายออก หมูป่าตัวนั้นร้องโหยหวนและกลิ้งไปข้างๆ เขี้ยวมันกระเด็นไปไกล! หมูป่าตัดผ่านข้างฟางเจิ้งพร้อมกับลากฝุ่นบนพื้นไปด้วย…
หมูป่าประหนึ่งกระแสน้ำ ฟางเจิ้งเปรียบดั่งหินใหญ่กลางกระแสน้ำ ไม่ว่าจะมีหมูป่ามาแค่ไหน เพียงตบสองมือจะเกิดเสียงแก๊งๆ ดังไม่หยุด หมูป่าถูกเขาตบจนกลิ้งไปทีละตัวก่อนถูกแรงหนืดเหวี่ยงออกไป ตัดผ่านข้างกายฟางเจิ้ง ภาพฉากนี้ดูอลังการอย่างยิ่ง
“ว้าว อาจารย์โหดมาก” เด็กแดงเห็นถึงตรงนี้ก็แสยะปากยิ้ม
“แต่อาจารย์เหมือนใกล้จะหมดแรงแล้วนะ” กระรอกพูดด้วยความกังวล
“ไม่ได้หมดแรง หมูป่าพวกนี้ดั่งสายน้ำ อาจารย์ไม่มีโอกาสพักหายใจ ถ้าพุ่งมาแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องเสียเปรียบ” เด็กแดงคัดค้าน
“ถ้าอย่างนั้นจะมัวพูดอะไรอยู่ล่ะ? ลุย อัดพวกมัน!” พอหมาป่าเดียวดายได้ยินว่าอาจารย์ตนจะเสียเปรียบ แล้วจะไปยอมได้ยังไง? จึงเห่าเสียงดังจะพุ่งเข้าไป! หมาป่าเดียวดายในตอนนี้ก็มีร่างสูงใหญ่ พละกำลังเยอะมาก ที่สำคัญคือเขี้ยวคมกริบกว่าเดิม ความเร็วมากกว่าเดิม มันก็อยากลองเหมือนกันว่าตอนนี้ตนจะจัดการหมูป่าที่ตอนแรกจะรวมกลุ่มกันปิดล้อมโจมตีได้หรือไม่
ลิงลากท่อนไม้หนึ่งตามเข้าไป กระรอกคว้าหินเล็กสองก้อนตามไปเช่นกัน
เด็กแดงมองศิษย์พี่สามตัวไปกันหมดแล้วจึงเบะปาก “เป็นพวกที่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ พวกเจ้ามันขยะ เข้าไปจะมีประโยชน์อะไร?” ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เด็กแดงก็ยังตามไป ไม่อย่างนั้นจะถูกคิดบัญชีทีหลัง คนอื่นไปหมดแล้ว เขาไม่ไปนั่นก็อนาถาแน่ แต่เจ้านี่ยังหลบอยู่ข้างหลัง ทำงานแต่ไม่ออกแรง
ฟางเจิ้งเหนื่อยอยู่บ้างแล้วจริงๆ เป็นอย่างที่เด็กแดงว่าไว้ เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ยังมีหมูป่าวิ่งมาเสริมทัพจากในถ้ำอีก เจ้าพวกไม่กลัวตายเหล่านี้ก้มหน้าพุ่งชนเข้ามา ราวกับไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าเจอปัญหาแล้วหลบหนี ฟางเจิ้งอยากจะเชือดไก่ให้ลิงดูก็ไม่ได้…แม้แต่โอกาสพักหายใจยังไม่มี จะเห็นได้ชัดเลยว่าแรงเขาสู้ตอนเริ่มไม่ได้
หมูป่าเหมือนเห็นโอกาสนี้จึงพุ่งเข้ามาดุดันกว่าเดิม พวกที่กลิ้งไปบนพื้นก็ลุกขึ้นแล้วบุกเข้ามาอีกครั้ง เวลานี้มีศัตรูล้อมหน้าล้อมหลังฟางเจิ้งแล้ว
ทันใดนั้นเองเสียงหอนหมาป่าดังแว่วมา หมูป่าที่จะพุ่งชนฟางเจิ้งรู้สึกเจ็บก้น หันไปมองเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนงับเข้าที่ก้นอ้วนของมัน หมาป่านี่โหดเช่นกัน ออกแรงสะบัด หมูป่ารู้สึกสติพร่าเลือน ก่อนถูกโยนออกไป! ลงพื้นดังโครม มันทำหน้างง! ตัวมันหนักสองร้อยกว่าจิน หรือว่าจะเป็นกระดาษแปะ? หรือจะเป็นน้ำหนักปลอม? หมาป่าโหดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
หมูป่าอีกตัวเพิ่งลุกขึ้นก็มีเงาดำอยู่บนหัว เห็นลิงตัวหนึ่งกระโดดลงมาจากฟ้า ใช้กระบองฟาดเข้าที่หัวมัน หมูป่ารู้สึกว่ามีดาวทองลอยเต็มหัว โซเซอยู่กับที่เล็กน้อย แต่พอได้สติกลับมาก็จะแสดงความเกรี้ยวกราด
ลิงตกใจสะดุ้งเช่นกัน หัวหมูนี่แข็งมาก!
ตอนนี้เองหินเล็กสองก้อนปะทะเข้าที่หน้าหมูป่าดังแปะๆ หมูป่าโกรธแล้ว นี่มันอะไรกัน? พอหันไปมอง กระรอกน้อยตัวหนึ่งกำลังตวัดกรงเล็บ ส่ายหางยั่วยุมัน!
หมูป่าโกรธแล้ว “ฉันจะฆ่าพวกแก!”
ปัง!
หมูป่าโดนกระบองฟาดหัวอีกที ลิงเห็นสี่ขาหมูป่าแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด โยกไหวอยู่กับที่ จึงเกาหัวแล้วควงกระบองฟาดลงไปอีกที!
ปัง!
หมูป่าไม่โกรธอะไรแล้ว แต่หมดสติไป
ลิงแสยะปากยิ้มก่อนหาเป้าหมายรายต่อไป
ทั้งยังมีหมูป่าดวงซวยที่ใช้กลอุบายเล็กๆ เห็นหลวงจีนเก่งกาจจึงเปลี่ยนทิศทาง เล็งเป้าไปที่เด็กแดงที่เดินตามหลังมาอย่างอ้อยอิ่ง ตะโกนเสียงดังว่า “พวกพี่น้องยันไว้ ฉันจะสั่งสอนกำลังเสริมของลิงไม่มีขนนี่เอง!” จากนั้นก็ร้องเสียงดังพร้อมกับพุ่งไปทางเด็กแดง
เด็กแดงเห็นแบบนั้นก็เผยรอยยิ้มไร้เดียงสา ยกมือเล็กๆ ขึ้นตบไปทีหนึ่ง!
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อย แขนเล็กๆ อย่างแกนี่ ฉันจะชนให้เป็นเศษเนื้อเลย!” หมูป่าร้องเสียงดัง
แต่ต่อมา…
ปัง!
เสียงบ้องหูดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า เสียงใสไพเราะดังไปทั่วทั้งหุบเขา ขณะเดียวกันหมูป่าตัวหนึ่งร้องโอดครวญ อ้าปากกว้าง ลิ้นห้อย ตาเหลือก ลอยไปกลางอากาศ ก่อนไปชนกับหมูป่าดวงซวยอีกตัวดังโครม กลิ้งไปบนพื้นลุกไม่ขึ้น…
หมูป่าตัวอื่นที่เตรียมจะรังแกคนอ่อนแอต่างขาอ่อนยวบ พลันหันหน้าไปทางฟางเจิ้ง ส่วนเด็กแดง ไม่มีหมูตัวใดกล้าเข้าไปอีก โหดเกินไป!
……………………..