บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 3 เนตรสวรรค์
กุมารทองด้านข้างหล่อเหลา กุมารีหยกงดงาม
กระทั่งฟางเจิ้งกำลังคิดว่า ‘พอทำภารกิจระบบเสร็จแล้วก็จะสึก หาหญิงสวยๆ แบบนี้สักคน!’
แต่เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อเกิดความคิดนี้ขึ้น กุมารีหยกกะพริบตา
อ้อมอุโบสถไป ลานข้างหลังเปลี่ยนไปเช่นกัน มีพืชดอก กุฏิสองห้องหน้าต่างสะอาดขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือในกุฏิมีห้องน้ำ! ถึงจะตกแต่งแบบโบราณ แต่ก็ไม่แย่ไปกว่าในเมืองใหญ่เลย เรื่องการอาบน้ำและถ่ายหนักเบาไม่มีปัญหาแล้ว ส่วนการถ่ายออกไปทางไหนนั้น ฟางเจิ้งหาอยู่นานก็ไม่พบ คงเป็นของจากระบบ น่าจะต่างจากแบบธรรมดา
ห้องครัวก็ถูกติดด้วยแผ่นกระเบื้อง และยังมีเครื่องครัวครบครัน เป็นห้องครัวสมัยใหม่เลยก็ว่าได้! มองไม่ออกเลยว่าอยู่ในถิ่นกันดาร
ฟางเจิ้งพอใจกับมันมาก ขณะกำลังจะกล่าวชมนั้น เขาพลันนึกอะไรออกจึงเอ่ยขึ้น “นี่ระบบ ตอนนั้นรัฐบาลต่อสายสัญญาณให้พวกเรา แล้วก็เป็นแบบไร้สายด้วย ถึงจะเป็นแค่สัญญาณโทรศัพท์ก็เถอะ แต่ว่า…มันจะมีประโยชน์อะไร?”
“ยกระดับให้ทั้งหมดแล้ว คลื่นสัญญาณ ความเสถียร เครือข่ายรวดเร็ว” ระบบตอบกลับอย่างง่ายดายมาก
ฟางเจิ้งแสยะยิ้ม ยกนิ้วโป้งขึ้น “นายนี่เจ๋งจริงๆ พระพุทธองค์เองก็ออนไลน์กับเขาด้วยเหรอ?”
“ไม่ว่าอยู่ในยุคสมัยไหน ข้อมูลเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”
“พูดดี ถ้าอย่างนั้นก็ให้โทรศัพท์ฉันหน่อยสิ? เอาแบบที่เล่นเน็ตได้ หรือคอมพิวเตอร์ก็ดี” ฟางเจิ้งพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“…” ระบบเงียบไป
ฟางเจิ้งเห็นระบบเงียบไป มีโอกาสสูงที่จะไม่เล่นด้วยจึงไม่คิดอะไรอีก แต่จะเดินกลับห้อง
“ติ๊ง! ระบบประกาศภารกิจที่สอง ญาติโยมจุดธูปสิบดอกในหนึ่งเดือน หากสำเร็จ รางวัลคือ โอ่งพุทธหนึ่งใบ! หากภารกิจล้มเหลวจะเริ่มใหม่อีกครั้ง จะหยุดจนกว่าจะสำเร็จแล้วถึงไปภารกิจต่อไปได้”
“นี่ล้อฉันเล่นเหรอ พี่ระบบ ให้จุดธูปสิบดอกอย่างยากลำบากแล้วให้โอ่งใบเดียวเนี่ยนะ? แล้วอีกสองสามใบข้างหลังวัดล่ะ ไม่ใช้แล้วเหรอ? ถ้าไม่อย่างนั้นเรามาเปลี่ยนกันหน่อยดีกว่า? อย่างเช่นเป็นเงินอะไรพวกนี้” ฟางเจิ้งพูดไปพลาง ชี้โอ่งน้ำใหญ่สามใบข้างหลังวัดไปพลาง เขาไม่ใช่พวกหน้าเงิน แต่ตอนนี้เขามีปัญหาเรื่องอาหาร ไม่อยากเพิ่งได้ระบบมาก็หิวตายอยู่บนเขา
ผลคือระบบเงียบอีกครั้ง
“เอาเถอะ เจ้าโง่ ถ้าไม่สนใจกันก็หายไปซะ เฮ้อ นายพูดเหมือนภารกิจนี้มันง่ายนักแหละ วัดเอกดรรชนีร้างมาหลายปีแล้ว สิบวันถึงครึ่งเดือนถึงจะมีคนมาสักการะสักคน นายให้จุดธูปสิบดอกในหนึ่งเดือน ไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอก! อีกอย่างนายให้ฉันเป็นเจ้าอาวาส แต่ก็ให้วัดมาอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว ฉันไม่ได้ศึกษาพระธรรมลึกซึ้งอะไรมากนัก ถ้ามีคนมาจริงๆ ถามนิดถามหน่อยฉันตายแน่ รั้งใครเอาไว้ไม่ได้ ก็คงเป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์…”
พูดถึงตรงนี้ฟางเจิ้งตบเข้าที่หน้าผากตัวเอง “ระบบ เมื่อกี้นายบอกว่าฉันยังมีโอกาสจับรางวัลฟรีหนึ่งครั้งไม่ใช่เหรอ?”
“ติ๊ง! ทุกครั้งที่ทำภารกิจที่กำหนดสำเร็จจะได้รับโอกาสจับรางวัลฟรีหนึ่งครั้ง! ตอนนี้นายมีโอกาสจับรางวัลฟรีหนึ่งครั้ง จะเริ่มจับเลยไหม?”
“เอาเลย!”
“ติ๊ง! จับเสร็จสิ้น ยินดีด้วยได้รับเนตรสวรรค์! จะรับเลยหรือไม่?”
“เดี๋ยว! นายล้อฉันเล่นเหรอ ฉันยังไม่ได้จับเลย นี่นายจับให้เหรอ? นายทำโดยพลการได้ไง! ทำแบบนี้มันไร้ยางอาย! รู้ไหม?” ฟางเจิ้งโกรธมาก ตอนแรกเขาคิดว่าจะให้หมุนวงล้อใหญ่หรือไม่ก็ทุบไข่ทองคำ สรุประบบบอกผลเขา เป็นการลดขั้นตอนการจับรางวัลให้!
แต่ระบบก็ยังไม่สนใจเขา!
ฟางเจิ้งพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “ได้ นายเป็นพี่ใหญ่นี่ ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาว่าเนตรสวรรค์มีประโยชน์อะไร? แล้วก็ขอรับไว้เลย!”
หนึ่งเค่อต่อมา ฟางเจิ้งรู้สึกเพียงแค่บนหัวมีแสงทองสายหนึ่งส่องลงมา จากนั้นเจ็บดวงตาสองข้าง น้ำตาไหลราวกับฝนตก หลังขยี้ตาอยู่นาน ตอนที่ลืมตาขึ้นเขาอึ้งไป พบว่าโลกสว่างขึ้น! เดิมทีเขาสายตาสั้นร้อยกว่าแต่ตอนนี้เห็นอะไรก็ชัดไปหมด! ความรู้สึกมันเหมือนกับกระจกที่เต็มไปด้วยฝุ่นพลันได้รับการเช็ดถูจนสะอาด มองอะไรก็สบายตา!
“ติ๊ง! เนตรสวรรค์ทำให้มองเห็นเรื่องใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในสามวัน! ทุกวันเนตรสวรรค์จะมีผลต่อคนละหนึ่งครั้ง แต่ว่าเราจะเลือกใช้งานหรือปิดไว้ก็ได้ หากจะยกระดับก็ต้องใช้เงินบริจาคจุดธูปซื้อกับระบบ!”
“ใช้เงินซื้อ?” ฟางเจิ้งงุนงงอีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าระบบจะไม่เหมือนกับทั่วไป ไม่เหมือนระบบของพุทธศาสนาเลยจริงๆ แต่เหมือนกับตัวแทนป้าในตลาดผักมากกว่า!
ระบบพูดต่อ “ใช่! แต่จะใช้ได้แค่เงินบริจาคจุดธูปเท่านั้น เงินที่ไม่ใช่หรือไม่มีแรงปรารถนาใช้ไม่ได้”
“ความหมายคือเงินที่ฉันเก็บมาจากถนนก็ใช้ไม่ได้เหรอ?” ฟางเจิ้งถาม
“ถูกต้อง!”
ฟางเจิ้งเบะปาก หยั่งเชิงถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นจะยกระดับเนตนสวรรค์ต้องใช้เงินเท่าไร?”
“คนมีห้าเนตร เนตรเนื้อ เนตรสวรรค์ เนตรปัญญา เนตรธรรม เนตรพุทธ เนตรเนื้ออยู่กับกายมนุษย์ หลังเสริมให้แข็งแกร่งแล้ว เมื่ออะไรผ่านตาแล้วจะไม่ลืม มองเห็นได้ในยามกลางคืน เนตรสวรรค์แบ่งเป็นเก้าขั้น ทุกการยกระดับสามขั้นจะเพิ่มอภินิหารพิเศษหนึ่งอย่าง เนตรสวรรค์ของนายคือขั้นแรก จะยกระดับไปขั้นสองต้องใช้เงินบริจาคจุดธูปหนึ่งหมื่นหยวน[1]!”
“หนึ่งหมื่นหยวน? นั่นก็ไม่มากนี่…เอ่อ ถือว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน” ฟางเจิ้งนึกถึงปัญหาเรื่องปากท้อง ค้นในกระเป๋าดูแล้วอยู่ในสภาพอับจนมีเงินอยู่ไม่กี่เหมา หนึ่งหมื่นหยวนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ประกอบกับวัดเอกดรรชนีกันดารมาก จะให้คนมาบริจาคจุดธูปหมื่นหยวนเหรอ? ฟางเจิ้งเหมือนเห็นภาพตัวเองครึ่งตัวจมลงไปในดิน จากนั้นก็เขียนพินัยกรรมลาลับ
ชั่วขณะที่ฟางเจิ้งกำลังสิ้นหวัง พลันมีเสียงพูดคุยดังแว่วมาจากข้างนอก
ฟางเจิ้งหูผึ่งทันที แอบเครียดในใจ ‘มีคนมา!’
ฟางเจิ้งรีบสวมสบงขาดๆ ที่หลวงจีนหนึ่งนิ้วฝากเอาไว้ให้ และยังมีจีวรเก่าๆ สีแดง สวมครบชุดแล้วก็ส่องกระจกเล็กน้อย พบว่านอกจากจะดูหนุ่มไปหน่อยแล้ว ที่เหลือก็ดูเหมือนหลวงจีน! โดยเฉพาะดวงตา อาจเป็นเพราะการเบิกเนตรสวรรค์จึงคล้ายๆ บ่อน้ำโบราณไร้ระลอกคลื่น ลุ่มลึกอย่างยิ่ง เขามองอยู่นานก็เกิดความรู้สึกจิตใจสงบ
‘เอาเถอะ จากนี้ไปใครเร่งรัดฉัน ฉันจะถลึงตาข่มมัน!’ ฟางเจิ้งหัวเราะเฮอะๆ ขณะเดียวกันเสียงพูดคุยข้างนอกเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ข้างนอกวัดเอกดรรชนี ชายสองหญิงสองมาถึงหน้าประตูวัด ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษา สวมชุดออกกำลังกาย แบกกระเป๋าปีนเขา ดูจากไม้เท้าปีนเขาในมือแล้วมีความเป็นมืออาชีพอยู่บ้าง
“โอ้โห บนเขามีวัดด้วย!” นักศึกษาชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยสิววัยรุ่นพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เด็กสาวร่างท้วมก็พูดอย่างประหลาดใจเช่นกัน “จริงด้วย! ฉันได้ยินชาวบ้านตรงตีนเขาบอกมาว่าบนเขาลูกนี้มีวัดอยู่แห่งหนึ่ง เหมือนว่าจะร้างนะ แต่ก็ไม่เห็นร้างเลยนี่ ดูดีออก ชาวบ้านนั่นพูดโกหกนี่นา”
“ฉันว่าเขาไม่ได้โกหกหรอก แค่คงอยากบอกเธอว่าวัดนี้มันลวงโลก! ยังต้องมีวัดอยู่อีกเหรอ สมัยนี้มีพระพุทธจริงๆ ที่ไหนกัน เป็นพวกลวงโลกทั้งนั้น” เด็กชายใบหน้าเรียวยาว รูปร่างกำยำอีกคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ
“ก็ใช่ สมัยนี้นักบวชที่กินดื่มเที่ยวเล่นการพนันใช่นักบวชจริงๆ ที่ไหนกัน” เด็กสาวร่างท้วมพยักหน้า
……………………
[1] หยวน สกุลเงินจีน หนึ่งหยวนเท่ากับประมาณ4-5บาท เงินรองคือเหมา สิบเหมาเท่ากับหนึ่งหยวน