บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 310 ปกป้องครอบครัวรักษาประเทศ
ทว่าหวงเหรินกลับส่ายหน้าสุดชีวิต “ไม่ใช่หรอก พี่ใหญ่เฉินไม่เคยโกหก เขาบอกว่ามีก็ต้องมี!”
“เฮ้อ…” อีกฝั่งจนปัญญาเหมือนกัน
สุดท้ายก็กลับไปช่วงแรกเริ่มอีกครั้ง ตอนหวงเหรินเพิ่งเกณฑ์ทหาร
“อมิตาพุทธ…” ฟางเจิ้งเห็นถึงตรงนี้ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ชีวิตของชายชราสองคน หนึ่งปกป้องเขาตลอดชีวิต อีกหนึ่งตามหาเพื่อทดแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต!
นี่คือคำสัญญาระหว่างทหารชราสองคนนี้ ระหว่างผู้ชาย ระหว่างพี่น้อง!
ทว่าสุดท้ายเฉินต้าซานก็หลอกหวงเหริน แต่หวงเหรินกลับยึดมั่นจะตามหาหมู่บ้านปลาผุดที่ไม่มีอยู่จริง ไม่ใช่ว่าเขาโง่ แต่เขาไม่เคยละทิ้งคำสัญญาต่อเฉินต้าซาน แม้ความหวังจะเป็นศูนย์ก็จะตามหาต่อไป นี่คือความยึดมั่นที่แทบจะเรียกว่าโง่
“อาจารย์ พวกเขาเป็นคนเขลา” เด็กแดงด่าอีกรอบ เพียงแต่ดวงตากลับชื้นๆ เขาไม่สนความเป็นตายของหนึ่งคน และก็ไม่สนใจว่าใครจะตาย สิ่งที่มหาราชาปีศาจศรัทธาคือกฎธรรมชาติ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ฆ่าคนก็เป็นแบบนั้น แต่ว่าสิ่งที่เฉินต้าซาน หวงเหรินรวมถึงสหายร่วมรบทุกคนกระทำกลับเป็นสิ่งนอกเหนือกฎธรรมชาติ เขาไม่เข้าใจสิ่งนี้ กระทั่งไม่ปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ ดูเหมือนโง่ โง่จนเขาอยากด่าแม่! แต่กลับทำให้เขาปวดใจ ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในใจ รสชาตินั้นไม่ค่อยสบายนัก รู้สึกปวดดวงตานิดๆ
ฟางเจิ้งไม่สนใจเด็กแดง แต่เดินมาอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยหวงเหริน โค้งตัวเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “หวงเหริน กลับไปเป็นทหารแล้ว”
หวงเหรินได้ยินประโยคนี้ ดวงตาพลันเปล่งประกาย ลูกตาที่หย่อนยานรวมกลับมาอีกครั้ง เขาเหมือนได้ยินเสียงสัญญาณรวมพลรางๆ ราวกับได้ยินเสียงฝึกซ้อมที่ไม่ได้ยินมานาน หนึ่งสองหนึ่ง! หนึ่งสองหนึ่ง!
หวงเหรินเพ่งมอง ตรงหน้ามีคนหนึ่งเพิ่มมา ร่างกายเหยียดตรง สูงใหญ่ดั่งขุนเขา ดูหัวโบราณเล็กน้อย แต่แววตากลับอบอุ่น เขาคือเฉินต้าซาน!
“พี่ต้าซาน…” หวงเหรินสติเลอะเลือนมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ออกเสียงคำสองคำออกมาได้อย่างถูกต้อง
แน่นอนว่าตรงหน้าไม่ใช่เฉินต้าซาน แต่เป็นฟางเจิ้ง ฟางเจิ้งใช้ความฝันยามต้มข้าวฟ่างให้ชายชราเห็นเฉินต้าซานอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เฉินต้าซานไม่มีญาติพี่น้อง เขาจะตามหาญาติพี่น้องเจอได้อย่างไร? จากนิสัยของหวงเหริน เกรงว่าคงต้องหาจนตาย…สุดท้ายก็ต้องจากโลกไปพร้อมกับความเสียดาย
ฟางเจิ้งกล่าว “หวงเหริน แกหาบ้านเกิดฉันไม่เจอจริงๆ เหรอ?”
หวงเหรินได้ยินเช่นนั้นพลันร้องไห้โฮ เอ่ยอย่างยากลำบากว่า “ผมขอโทษ…ผมหาไม่เจอ…ฮือๆๆ…”
น้ำตานองหน้าชายชรา พลันกลายเป็นคนเจ้าน้ำตา!
ทว่าหวงซิ่งหวา หวงเจิ้นหวาไม่เห็นภาพนี้ พวกเขาก็ถูกฟางเจิ้งพาเข้าฝันเช่นกัน เห็นเพียงฟางเจิ้งยืนเหม่อ สองคนยังแปลกใจว่าหลวงจีนนี่ทำกำลังอะไรกันแน่
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว แกคิดอีกสิว่าหาบ้านเกิดฉันไม่เจอจริงๆ เหรอ?” ฟางเจิ้งถาม
หวงเหรินอึ้งงัน มองฟางเจิ้งแล้วก็มองกล่องนั้น
ฟางเจิ้งหยิบกล่องไป หยิบกุญแจที่คอหวงเหริน เปิดกล่องออก ในนั้นบรรจุห่อผ้าเล็กที่เฉินต้าซานให้กับหวงเหรินในตอนนั้น ข้างในห่อตราเกียรติยศไว้อันหนึ่ง ผ่านมานานขนาดนี้มันยังคงใหม่เอี่ยม เห็นได้ชัดว่าหวงเหรินรักษาไว้ดีมาก
หวงเหรินมองตราเกียรติยศแล้วมองเฉินต้าซานตรงหน้า เฉินต้าซานยิ้มมองหวงเหริน ภาพข้างกายสองคนเริ่มเปลี่ยนไป แม่น้ำกำลังไหลหลาก สองคนยืนอยู่ข้างแม่น้ำซงฮวา…
ทว่าหวงเหรินไม่รู้สึกกะทันหัน ราวกับทุกอย่างควรเป็นเช่นนี้
ฟางเจิ้งมองขึ้นไปตามแม่น้ำซงฮวา เทือกเขาขึ้นลงราวกับมังกรยักษ์สีดำหลายตัว ฟางเจิ้งไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนเป็นภาพเหล่านี้ แต่เป็นภาพที่หวงเหรินคิดถึงที่สุด เขาเพียงแค่ถือโอกาสเท่านั้น ตอนนี้เองเขาส่งแดนความฝันให้หวงเหริน ให้หวงเหรินมอง นึกและคิดถึง…
ฟางเจิ้งถามอีกครั้ง “แกหาบ้านเกิดฉันไม่เจอจริงๆ เหรอ?”
หวงเหรินเงยหน้ามองฟ้า พลันร้องเพลง “บ้านฉันอยู่ข้างแม่น้ำซงฮวาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นั่นมีป่าลึกเหมืองถ่านหิน มีธัญญาพืชถั่วอยู่เต็มป่าเขา บ้านฉันอยู่ที่แม่น้ำซงฮวาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นั่นมีสหายร่วมชาติ กับบุพการีแก่ชรา ‘จิ่วอีปา’ ‘จิ่วอีปา[1]’”
ร้องถึงตรงนี้หวงเหรินคุกเข่าลงทันที ร้องไห้โฮเสียงดังราวกับร้องไห้หน้าหลุมศพ ร้องไห้พลางตะโกนจิ่วอีปา น้ำตาไหลนอง คุกเข่าเอาหัวโขกพื้น…แม้จะไม่พูด แต่ฟางเจิ้งได้ยินเขากำลังตะโกนว่าตนมีความผิด! เขาปกป้องครอบครัวตัวเองไม่ได้ ให้ครอบครัวต้องเจอกับความยากลำบาก! ถึงจะไล่ผู้รุกรานไปได้ แต่เขาก็ยังเสียใจ!
“จากความน่าเวทนานั้น ‘จิ่วอีปา’ ‘จิ่วอีปา’
จากความน่าเวทนานั้น
ออกจากบ้านเกิดฉัน
ละทิ้งขุมทรัพย์ไม่มีสิ้นสุด
ร่อนเร่พเนจร! ร่อนเร่พเนจร!
พเนจรอยู่ข้างนอกทุกคืนวัน ร่อนเร่!
ปีไหน เดือนไหน ถึงจะได้กลับบ้านเกิดอันน่ารักของเรา?
ปีไหน เดือนไหน ถึงได้รับขุมทรัพย์ไม่มีสิ้นสุดนั้นกลับมา
บุพการี บุพการี เมื่อไรถึงได้อยู่พร้อมหน้ากัน?”
ร้องถึงท่อนสุดท้าย หวงเหรินคุกเข่าบนพื้น ไม่อาจสงบนิ่งได้นานนัก แต่ฟางเจิ้งข้างกายหวงเหรินไม่อาจสงบเช่นกัน เขาก็เป็นเด็กที่เติบโตบนที่ราบแห่งนี้เช่นกัน เขาจินตนาการถึงความเศร้าในช่วงที่ผู้รุกรานเผาเข่นฆ่าปล้นชิงมาตุภูมิไม่ออก และยังมีวีรบุรุษอย่างหวงเหรินกับเฉินต้าซานอีกเท่าไรที่ก้าวสู่สนามรบเพื่อปกป้องมาตุภูมิ สุดท้ายตายแล้วก็หาบ้านเกิดไม่พบ หาที่ฝังกระดูกไม่ได้ กระทั่งไม่เหลือนามไว้! ทำไมพวกเขาถึงไปตาย? ผลประโยชน์? นึกถึงความจนที่เสื้อผ้ามีรอยปะเต็มตัวพวกเขา อาหารไม่อิ่มท้อง ป่วยไม่มียารักษา! ชื่อเสียง ใครจะจำทหารชาวนาตัวเล็กๆ ได้? ใครจะจำเฉินต้าซานกับสหายร่วมรบของเขาได้? ใครจะจำนักรบที่คุ้มกันประชาชนให้ถอยหนีและอยู่เพื่อปกป้องหลายต่อหลายครั้งได้? พอนึกถึงกองทหารสามพันกว่าคนเหลือรอดห้าสิบกว่าคนแล้ว…หัวใจฟางเจิ้งเกิดการพัวพันกัน
ฟางเจิ้งอดไม่ไหวเอ่ยถาม “ตอนนั้นทำไมถึงเกณฑ์ทหาร?”
“ปกป้องครอบครัวรักษาประเทศ!” หวงเหรินพูดทีละคำ ก่อนยืนขึ้น เชิดหน้ายืดอก! วินาทีนั้นฟางเจิ้งเหมือนเห็นหวงเหรินบนสนามรบสุดท้าย ท่าทีสง่าผ่าเผย!
สิ้นเสียงตะโกนหวงเหริน เขาก็มองฟางเจิ้ง “พี่ต้าซานเคยบอกว่าในคำว่าผู้ชาย(男) มีคำว่าไร่นา(田)อยู่ ข้างล่างคือแรง(力) ไร่นาคือแผ่นดิน ผู้ชายต้องใช้แรงทำไร่นา ดูแลครอบครัว! อยู่ข้างนอก ไร่นาก็คือฟ้า ผู้ชายใช้แรงดันฟ้า ปกป้องประเทศ! ชนะสงครามแล้ว มีบ้านกลับบ้าน ไม่มีบ้านกลับประเทศ ไม่มีประเทศสร้างประเทศ!”
“ถ้าอย่างนั้นบ้านของเฉินต้าซานอยู่ไหน?” ฟางเจิ้งถาม
หวงเหรินจ้องฟางเจิ้งพลางชี้ไปยังแม่น้ำภูเขาข้างหน้า “นี่คือบ้านของเขา! นี่คือบ้านของเขา! นี่คือบ้านของเขา!…” หวงเหรินตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายภาพตรงหน้าแตกออก
ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย “อมิตาพุทธ ยินดีด้วยประสก อาตมาไม่มีธุระอะไรแล้ว ขอตัว”
ทันทีที่หวงเหรินกะพริบตา เกิดเสียงคุ้นเคยดังในหัวฟางเจิ้ง
“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายสำเร็จภารกิจประตูไร้ลักษณ์ รางวัลคือพุทธคัมภีร์ วัชรสูตรหนึ่งส่วน! บุญกุศลหนึ่งร้อย!”
“ให้คัมภีร์แค่ส่วนเดียว?” ฟางเจิ้งถามด้วยความไม่พอใจนิดๆ
“คัมภีร์หนึ่งส่วน? หลายคนศึกษาคัมภีร์หนึ่งเล่มทั้งชีวิตก็สำเร็จอรหันต์ได้! นี่คือคัมภีร์ฉบับสะสมหายากของเขาคุนหลุน ไม่ใช่คัมภีร์ธรรมดา และยิ่งไม่ใช่คัมภีร์ที่นายอ่านในมือถือ ในนั้นมีเนื้อหาหลายอย่างที่ต่างกัน นี่ต่างหากคัมภีร์แท้จริง! ตอนนั้นพระถังซัมจั๋งฝ่าความยากลำบากมากมายถึงได้คัมภีร์แท้จริงมา แต่นายแป๊ปๆ เดียวก็ได้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก? ขึ้นสวรรค์ไหม?”
“เอาเถอะ นายพูดแบบนี้ฉันรู้จักพอก็ได้ พอใจรึยัง?” ฟางเจิ้งพูดส่งๆ ไปอย่างนั้น เขารู้ดีว่าของจากระบบจะต้องเป็นของชั้นเลิศอย่างแน่นอน! ถึงจะมีคัมภีร์แค่ส่วนเดียว แต่ต้องคุ้มค่าแน่ๆ มิหนำซ้ำยังมีบุญกุศลแถมให้อีกหนึ่งร้อยแต้ม นี่ถือว่ากำไรใหญ่แล้ว
………………….
[1] จิ่วอีปา เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1931 เป็นผลจากการรุกรานจีนของญี่ปุ่นที่อยู่ในสมัยจักรวรรดินิยม และเป็นขั้นตอนสำคัญของญี่ปุ่นในการยึดครองจีนเป็นอาณานิคม