บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 318 เด็กแดงอยากร้องไห้
เด็กแดงเลียริมฝีปากพลางว่า “ถึงไก่นี่จะผอมไปนิด แต่ตุ๋นใส่หม้อจะต้องรสชาติไม่เลวแน่”
พูดจบ เฮ่อหมิงตะลึงงัน แต่คุณยายกลับหัวเราะใหญ่ “หัวหน้าเฮ่อ คุณดูสิ เด็กน้อยอยากกิน คุณก็อย่าห้ามเลย อวี่ซิน นี่ลูกคุณเหรอ? ว้าว โตขนาดนี้เชียว? บริสุทธิ์จริงๆ น่ารักด้วย”
เหยาอวี่ซินหน้าแดงก่ำ รีบตอบ “คุณยาย ไม่ใช่ลูกหนูค่ะ นี่เป็นลูกของหลวงจีนรูปนั้น”
“หา? หลวงจีนมีลูกได้ด้วย?” คุณยายงุนงง
ฟางเจิ้งหมดคำจะพูดอย่างสิ้นเชิง…
เฮ่อหมิงได้ยินแบบนั้นก็รีบเอ่ย “คุณยาย ไม่ใช่ลูกของหลวงพี่ แต่เป็นศิษย์ต่างหาก คุณดู ครั้งนี้พวกเรามีนักบวชอยู่ด้วย กินอาหารคาวไม่ดี ไปรบกวนพระพุทธองค์ เดี๋ยวฝนจะยิ่งไม่ตก ดังนั้นนะ ยายเลี้ยงไก่นี่ไว้ในบ้านก่อนเถอะ ถ้าคราวหลังมีโอกาสพวกเราค่อยทำกัน ดีไหม?”
คุณยายได้ยินดังนั้นจึงมองฟางเจิ้งด้วยความกังวลเล็กน้อย คนในหมู่บ้านเชื่อผีสางเทวดาที่สุด เลยได้แต่พยักหน้า “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง ทำเอายายตกใจแทบแย่ เหอะๆ เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นยายจะเลี้ยงให้พวกคุณอีกสักระยะแล้วกัน แต่พวกคุณต้องจำไว้นะ ตั้งแต่วันนี้ไปไก่ตัวนี้แซ่เฮ่อ ถ้าพวกคุณไม่กิน ยายจะเลี้ยงมันไว้ตลอด ใครก็ห้ามกิน!”
คุณยายมีท่าทีดื้อรั้น เฮ่อหมิงรีบรับปากว่าจากนี้จะต้องมากินให้ได้ คุณยายถึงหิ้วไก่สองตัวกลับไปอย่างมีความสุข
ผู้ใหญ่บ้านเหลยมองเงาแผ่นหลังไก่สองตัวนั้นพลางถอนหายใจ “ไก่สองตัวนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของยายหู ไม่ว่าใครก็ไม่ให้กิน นี่ถือว่าให้เกียรติพวกคุณมากเลยนะ”
นอกจากเฮ่อหมิงจะหัวเราะแห้งๆ แล้วยังจะพูดอะไรได้อีก?
ฟางเจิ้งมองภาพนี้พลางรู้สึกอบอุ่นในใจ อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
แต่มีคนอารมณ์ไม่ดี เด็กแดงมองไก่สองตัวจากไปพลางทำปากขมุบขมิบ “โง่จริงๆ ไก่ส่งมาถึงปากแล้วยังไม่กิน…เฮ้อ”
สิ้นเสียงเด็กแดงรู้สึกถึงสายตาคมกริบมองมา เขาหันหน้าไปมองถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังอยู่ในอ้อมกอดเหยาอวี่ซิน! ใบหน้างามของเหยาอวี่ซินแข็งทื่อ แค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “มิน่าอาจารย์ถึงจะตีเธอ ต้องสั่งสอนเธอซะบ้างแล้ว ไป พวกเราไปคุยกันตรงนู้น”
เด็กแดงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีทันที จนไปถึงทางนู้น เขารู้แล้วว่าลางสังหรณ์ไม่ดีมาจากไหน
เหยาอวี่ซินพูด “เธอรู้ไหมว่าหมู่บ้านนี้ยากจนขนาดไหน? รู้ไหมว่าหมู่บ้านแบบนี้ ผู้สูงอายุแบบนี้ปีหนึ่งเลี้ยงไก่ได้กี่ตัว? เธอรู้ไหม¥#……¥……&am;” สิบนาทีต่อมา
“อวี่ซิน กินข้าวเร็ว!” ผู้ใหญ่บ้านเหลยเรียก
เด็กแดงเหมือนเห็นความหวังของการหลุดพ้น ทว่าเหยาอวี่ซินกลับพูดจนสนุกปากแล้วจึงโบกมือ พูดวางอำนาจไปว่า “ผู้ใหญ่บ้านเหลือไว้ให้ฉันด้วย รอฉันพูดเสร็จก่อนค่อยกิน!”
เด็กแดงได้ยินแบบนั้นก็แทบจะร้องไห้ สิบนาที ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยหุบปากเลย!
“เจ้าหนู เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้ว? ใช่ ยังไม่ได้พูดถึงไก่สองตัวนั้น พวกเราพูดถึงบ้านของคุณยายหูก่อนดีกว่า สุขภาพคุณยายหูไม่ดี ลูกสองคนออกไปรับจ้างทำงาน ปีหนึ่งกลับมาได้ครั้งหนึ่งก็ไม่เลวแล้ว ในครอบครัวยังมีเด็กเล็กต้องพาไปอีก…เฮ้อ พูดถึงเด็ก เธอดูเด็กพวกนั้น แล้วก็ดูตัวเธอ@#¥……%…”
ยี่สิบนาทีผ่านไป
“อวี่ซิน พวกเราเริ่มร้องเพลงกันแล้ว!”
เด็กแดงพูดทันที “เราไปร้องเพลงกัน?”
แต่เหยาอวี่ซินเลิกคิ้วงามขึ้น ถลึงตาโต แววตาปฏิเสธข้อเสนอของเด็กแดง หันหน้าไปพูดว่า “พวกคุณร้องกันเถอะ ฉันพูดจบแล้วจะไป ใกล้จะเสร็จแล้ว”
เด็กแดงเงยหน้ามองฟ้า สำนึกเสียใจที่ออกจากอ้อมกอดของไอ้สารเลวหัวโล้นเข้ามาอยู่ในฝูงเป็ดนี่…
“เมื่อกี้พูดถึงเด็ก พวกเราพูดถึงหมู่บ้านอีกรอบดีกว่า หมู่บ้านนี้อยู่ตรงพรมแดนตะวันตกเฉียงใต้@#%¥#……&……”
เด็กแดงฟังจนสับสนไปหมด รู้สึกแค่ว่าเหมือนมีแมลงวันแสนตัวบินหึ่งๆ อยู่ข้างหู ไล่ก็ไล่ไม่ไป สุดท้ายเด็กแดงทนไม่ไหว โมโหแล้ว จะระบายโทสะ!
สรุปมีร่างเงาสีขาวมาอยู่ตรงหน้าเขากับเหยาอวี่ซิน เด็กแดงเหมือนเห็นความหวังในการหลุดพ้น จึงเอ่ยในทันใด “อาจารย์ ข้าอยากกลับไปฟังท่านสวดมนต์แล้ว”
เหยาอวี่ซินตะลึงงัน เด็กนี่คิดจะหนี? จึงพูดขึ้น “หลวงพี่…”
ฟางเจิ้งยิ้ม “สีกา ยังไม่เสร็จอีกหรือ?”
“ค่ะ เพิ่งเริ่มต้นเอง” เหยาอวี่ซินตอบ
ฟางเจิ้งยิ้ม “ไม่เป็นไร ไม่รีบ นานๆ ทีจะมีสีกาที่มีประสบการณ์การสอนเด็กแบบนี้สักที สีกาเชิญต่อเลย เสร็จเมื่อไรก็ส่งเขากลับมาก็พอ”
เหยาอวี่ซินได้ยินแบบนั้นพลันยิ้มเบิกบานใจ เอ่ยขึ้น “หลวงพี่นี่รู้งานจังเลยนะคะ ฉันต้องขอโทษกับคำพูดก่อนหน้านี้ด้วย เด็กคนนี้เป็นเด็กดี จะต้องอบรมให้ดีๆ”
เด็กแดงทำหน้าเศร้าและสิ้นหวัง ขณะจะเอ่ยแย้งนั้น
กลับได้ยินฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ “ศิษย์ นายอยู่ที่นี่ฟังสีกาสั่งสอนเถอะ จำไว้นะ ฟังให้มาก คิดให้มาก จดจำให้มาก กลับมาแล้วอาจารย์จะสอบสิ่งที่นายเรียนรู้ในวันนี้ ถ้าอาจารย์ไม่พอใจกับสิ่งที่นายรู้มาก็อาจจะสวดมนต์เลยเถิดไปได้ ถึงตอนนั้น…อมิตาพุทธ นายเข้าใจ”
เด็กแดงมองฟางเจิ้งด้วยน้ำตานอง “อาจารย์ข้าผิดไปแล้ว ท่าน…”
“อมิตาพุทธ รู้สึกและแก้ไขเป็นเรื่องดีที่สุด เด็กดี ตั้งใจเรียนเถอะ อาจารย์จะไปฟังเพลง” พูดจบฟางเจิ้งหมุนตัวจากไป
เด็กแดงมองเงาแผ่นหลังฟางเจิ้ง รู้สึกเพียงว่าความหวังได้รับการช่วยชีวิตห่างไปไกลเรื่อยๆ หัวใจเจ็บปวด อยากจะตะโกนดังๆ ว่าข้าอยากกลับบ้าน!
ตรงหน้ามีใบหน้าสวยแต่น่ากลัวเพิ่มมา จากนั้นเด็กแดงรู้สึกว่าฟ้าดินหมุนวน ตาลาย…เขาสาบานว่าชีวิตนี้จะไม่เล่นกับผู้หญิงแล้ว! น่ากลัวเกินไป! น่ากลัวกว่าไอ้สารเลวหัวโล้น!
ฟางเจิ้งมองท่าทีเจ็บปวดของเด็กแดงพลางหมุนตัวกลับอย่างพอใจ ตรงไปพูดคุยกับพวกผู้ใหญ่บ้านเหลยกับเฮ่อหมิง ขณะเดียวกันก็ทำความรู้จักกับคนจำนวนหนึ่งในหมู่บ้านกับพวกอาสาสมัครคร่าวๆ พูดได้ว่าพวกอาสาสมัครต่างเป็นคนมีความสามารถ มีคนร้องเพลงเป็น ร้องเพลงชาวเขาเสียงดังกังวาน ทำให้พวกชาวบ้านพากันเอ่ยชม กระทั่งมีคุณตาคุณยายออกมาร้องประชันด้วย เวลานี้เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฟางเจิ้งที่ได้ฟังเพลงน้อยมากฟินไปกับเพลง
ในอาสาสมัครมีหนุ่มน้อยสุภาพคนหนึ่งชื่อว่าตู้เทา เขายืนอยู่ข้างๆ อย่างสงบนิ่งมาตลอด คอยปรบมือให้ความครึกครื้น แต่ต่อมาเมื่อเพลงดังขึ้น ทั้งตัวเขาเหมือนกับจักรพายุเพลิง ข้อต่อกระดูกทั่วร่างราวกับสั่นไหวตามเพลง ฟางเจิ้งที่มองอยู่ตาค้างอ้าปากกว้าง เต้นยังกระโดดขนาดนี้ได้? บ้ามาก!
แม้พวกคุณตาคุณยายจะดูไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกว่าท่าทางเหล่านี้น่าสนใจมาก อีกอย่างพวกเขามองอาสาสมัครเหล่านี้เป็นญาติพี่น้อง มองเป็นลูกหลาน แน่นอนว่ามองอย่างไรก็ดี เอ่ยชมไม่หยุด
สุดท้ายเป็นรายการใหญ่ท้ายสุด ฉายหนัง! ครั้งนี้พวกอาสาสมัครยืมกล้องฉายภาพยนตร์กับผ้าผืนใหญ่ไว้ฉายหนังมาด้วย ตอนนี้ฉายหนังเรื่องสงครามอุโมงค์มรณะกับสงครามระเบิดดินที่พวกคนสูงอายุชอบดู พวกคนสูงอายุต่างดูกันอย่างออกรส
และยังมีคุณตาคุณตายส่งเมล็ดแตงโมที่เพิ่งผัดใหม่อะไรพวกนี้ให้กับทุกคน เมล็ดแตงโมมีกลิ่นหอมเข้มข้น เปลวเพลิงดังเปาะแปะ ดวงจันทร์ลอยสูงกลางฟ้า เป็นคืนที่สงบสุขและเป็นมงคลมาก
…………………….