บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 334 บ๊ะจ่างนี่มีพิษ
เมื่อหมู่บ้านเผยแพร่ไผ่หนาว ประกอบกับรสชาติไผ่หนาวดีจริงๆ ทั้งยังมีคนมาดูไผ่หนาวไม่หยุดหย่อน กินอาหารแนวคันทรี รวมถึงกองถ่ายก็เคยพักในหมู่บ้าน ทำให้เขาได้ประโยชน์ เขาที่มีสมองปราดเปรียวจึงเปิดแหล่งบันเทิงเป็นที่แรก
ก่อนหน้านี้ใช้เงินไปจำนวนหนึ่งซ่อมภายในบ้านใหม่ ทำให้สะอาดขึ้น มีหน้าต่างแบบยาวจรดพื้น แสงตะวันส่องเข้ามาสว่างทั้งบ้าน ทำให้คนรู้สึกสบายใจ แถมยังนำกระถางมาตกแต่ง รวมถึงมีสินค้าท้องถิ่นเฉพาะกับลูกชายที่เคยเรียนการทำอาหาร เวลานี้แขกจึงมาไม่ขาดสาย
ถ้าพวกเขามากินอาหารจะต้องโทรจองล่วงหน้าก่อน
วันนี้เป็นวันไหว้บ๊ะจ่าง ห่างจากหมู่บ้านเอกดรรชนีไม่ได้มีการแข่งขันเรือมังกรที่จัดภายในอำเภอ คนจำนวนมากขับรถไปชมและถือโอกาสมากินอาหารที่นี่สักมื้อ เลยเป็นเรื่องที่สอดคล้องและราบรื่น
แขกที่มาในวันนี้ป็นลูกค้าเก่า เคยมากินสามสี่ครั้งแล้ว รู้ว่าเซี่ยตงเซิงขาไม่ดี พวกเขาจึงทำตัวสบายๆ กินข้าวก็ไปตักเอง ไม่ต้องให้เซี่ยตงเซิงบริการ
การตอบแทนของเซี่ยตงเซิงคือทุกครั้งจะเก็บเงินน้อยลงหน่อย เดิมทีนี่เป็นการกระทำที่โง่มาก แต่สิ่งที่แลกกลับมาคือลูกค้าและเสียงตอบรับที่มากกว่าเดิม ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย
ได้ยินลูกค้าพูดคุยกัน เซี่ยตงเซิงพลันช่วยพูดให้ฟางเจิ้ง “ฟางเจิ้งต่างกับหลวงจีนรูปอื่น อีกอย่างที่คุณพูดนั่นน่ะคือหลวงจีนส่วนน้อย พวกเราเห็นฟางเจิ้งเติบโตมาแต่เล็ก เขาเป็นเด็กดี รู้จักตอบแทนคุณ อีกอย่างก็เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ที่สำคัญคือวัดเอกดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ ขอลูกอะไรพวกนี้ได้กันหมด อีกอย่างพวกคุณก็รู้ว่าหน่อไม้ที่ดีที่สุดของหมู่บ้านเอกดรรชนีเราอยู่บนยอดเขา นั่นต่างหากคือของดีที่แท้จริง จะขุดได้ไหมต้องฟังเจ้าอาวาสฟางเจิ้ง เขาบอกว่าขุดได้ก็ขุดได้ ถ้าบอกว่าขุดไม่ได้ก็ขุดไม่ได้”
“เฮ้ย! หลวงจีนนี่มีอำนาจมากจังเลยนะ ถ้าเป็นผม นั่นถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติของหมู่บ้านเอกดรรชนีรึเปล่า? ทำไมต้องฟังเขาด้วย?” หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งช่วยเรียกร้องให้หมู่บ้านเอกดรรชนี
เซี่ยตงเซิงส่ายหน้า “ภูเขาเอกดรรชนีถวายแก่วัดเอกดรรชนีตั้งนานแล้ว อีกอย่าง…” เซี่ยตงเซิงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนแปลกใจกับที่มาของไผ่หนาวบนเขามาก ภูเขาเอกดรรชนีใหญ่ขนาดนั้น บนเขามีอะไรทำไมพวกเขาจะไม่รู้? ถึงบอกว่าหมู่บ้านสร้างวัดเอกดรรชนีให้ แต่มีรถผ่านไปมาหรือไม่คนในหมู่บ้านจะไม่รู้? ประกอบกับวัดเอกดรรชนีมหัศจรรย์จริงๆ ขอลูกก็สัมฤทธิผล บ้านเฉินจินไฟไหม้ครั้งใหญ่ ภรรยาและลูกเฉินจินต่างบอกว่าฟางเจิ้งช่วยไว้ ทว่าตอนนั้นชาวบ้านจำนวนมากอยู่บนเขา ฟางเจิ้งก็อยู่บนเขา ทุกคนวิ่งลงเขาพร้อมกัน พวกเขายังไม่ได้ลงเขา ฟางเจิ้งจะลงมาแล้ว? เป็นไปได้หรือ? ภูเขาสูงขนาดนั้นแถมมีแค่ทางเดียว ฟางเจิ้งจะบินลงมาได้?
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่มาขุดหน่อไม้มั่วซั่วแล้วมีไฝดำขึ้นบนหน้าอีก
พวกชาวบ้านไม่พูด แต่เข้าใจในใจ วัดเอกดรรชนีตอนนี้ไม่ใช่วัดเอกดรรชนีเมื่อก่อนแล้ว เพราะมีพระพุทธองค์อยู่จริงๆ!
มนุษย์ล้วนใจแคบ ตนได้ผลประโยชน์จากวัดเอกดรรชนีมากขนาดนั้น เป็นใครก็ไม่อยากแบ่งซุปถ้วยหนึ่งให้คนอื่น
ดังนั้นพวกชาวบ้านจึงปิดเรื่องนี้ไว้โดยจิตใต้สำนึก ไม่บอกกับคนอื่น และยิ่งเคารพฟางเจิ้งมากกว่าเดิม ยำเกรงวัดเอกดรรชนียิ่งกว่าเดิม มิหนำซ้ำไม่มีใครไปถกเถียงกับฟางเจิ้งเรื่องของไผ่หนาว เพราะพวกเขาเชื่อว่านี่คือสิ่งที่พระพุทธองค์มอบให้วัดเอกดรรชนี ฟางเจิ้งก็มาแบ่งให้พวกเขาอีกที รู้จักพอจะมีความสุข ถ้าละโมบ พระพุทธองค์กล่าวโทษขึ้นมานั่นอนาถาแน่
ดังนั้นเมื่อได้ยินผู้หญิงที่แต่งงานแล้วพูดแบบนี้ เซี่ยตงเซิงจึงยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไร แต่หยิบบ๊ะจ่างออกมา “คุณผู้หญิง อย่าพูดเรื่องนี้เลย พวกเราคุยกันด้วยเหตุผล ภูเขาเอกดรรชนีถวายให้วัดเอกดรรชนีไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว จะมาพอมีของดีแล้วจะเอาคืนมันไม่ได้หรอก…อีกอย่างฟางเจิ้งเป็นคนดี พวกเราจึงไม่ได้ว่าอะไร มา กินบ๊ะจ่างครับ บ๊ะจ่างจากวัดเอกดรรชนีจะต้องมีรสชาติไม่แย่แน่ๆ”
“ไม่ใช่ไส้เนื้อเหรอคะ? ถ้าไม่ใช่ไส้เนื้อฉันไม่ชอบ” หญิงแต่งงานแล้วพูดอย่างรับเกียจนิดๆ ทว่าตอนที่บ๊ะจ่างวางลงบนโต๊ะ เธอตะลึงค้าง
เห็นเพียงใบบ๊ะจ่างสีเขียวมรกตแวววาว เปล่งแสงระยิบระยับ สวยมาก! นี่มันใช่บ๊ะจ่างที่ไหน นี่คืองานศิลปะชัดๆ!
ไม่เพียงแค่หญิงแต่งงานแล้ว คนอื่นๆ ก็ทำหน้าตกใจ
ผู้ชายเสื้อเชิ๊ตลายดอกไม้ร้องอุทานขึ้น “เฮ้ย ใบบ๊ะจ่างนี่สวยมาก!”
หญิงแต่งงานแล้วเพิ่งบอกว่าไม่ชอบ เลยกระดากจะหยิบ แต่ก็พูดเศร้าๆ ว่า “บ๊ะจ่างปกติไม่น่าจะเป็นอย่างนี้นี่ คงไม่ใช่ว่าใช้น้ำยาเคมีหรอกนะ?”
คนที่เดิมทีจะยื่นมือไปหยิบบ๊ะจ่างพลันแข็งค้างอยู่กับที่
หญิงแต่งงานแล้วเห็นแบบนั้นพลันพูดเสริม “ฉันไม่ได้พูดมั่วนะ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เห็นข่าวกันเหรอ? ข่าวบอกว่าใบบ๊ะจ่างที่ภายนอกสวยใช้สารเคมีกันทั้งนั้น ห้ามซื้อ จะซื้อก็ให้ซื้อที่ดูไม่ค่อยสวย”
“แม่ครับ แต่ว่านี่มันสวยมากนะ” ลูกชายหญิงแต่งงานแล้วมองบ๊ะจ่างด้วยความตะกละเล็กน้อย
หญิงแต่งงานแล้วตอบ “เห็ดชนิดไหนในป่าที่มีพิษมากที่สุด? ยิ่งสวยแค่ไหนก็ยิ่งมีพิษ!”
เซี่ยตงเซิงได้ยินเข้าก็ไม่พอใจ เขาที่หัวเราะเบาๆ มาตลอดหน้ามืดทะมึนลง “คุณผู้หญิง นี่คือของจากหลวงพี่ฟางเจิ้ง ผมเอามาให้พวกคุณต่อ ในเมื่อทุกคนรังเกียจก็ช่างเถอะ ผมจะเก็บไว้กินเอง”
พูดจบ เซี่ยตงเซิงเก็บบ๊ะจ่างกลับ ก่อนฉีกบ๊ะจ่างออกเดี๋ยวนั้น เผยข้าวผลึกดั่งคริสทัลวาววับข้างใน วินาทีนั้นกลิ่นหอมเป็นพิเศษโชยออกมาอัดแน่นเต็มห้อง ทุกคนสูดลมหายใจเข้าลึกโดยไม่รู้ตัว ดมกลิ่นนั่นแล้ว สบาย! หอมมาก!
เซี่ยตงเซิงตกใจเช่นกัน เดิมทีคิดว่าบ๊ะจ่างนี่ดูดีแค่ใบ แต่ไม่นึกเลยว่าข้าวข้างในจะไม่ธรรมดาเช่นกัน ดูดีแถมยังมีกลิ่นหอม! ไม่ใช่กลิ่นแบบเลี่ยนๆ แต่เป็นกลิ่นหอมสดชื่นพิเศษ ติดตาต้องใจ
เซี่ยตงเซิงรู้ว่าบนเขาเอกดรรชนีมีของไม่ธรรมดา แน่นอนว่าไม่มองว่าข้าวนี่ผ่านสารเคมีมาก่อน แต่ชิมไปคำหนึ่งเบาๆ เมื่อเข้าปากมันนุ่มและหอมหวาน กัดเข้าไปมีเสน่ห์เต็มสิบ ในนี้ยังมีหน่อไม้ กลิ่นหอมข้าวหลอมรวมกับกลิ่นหน่อไม้ ตอนนี้เซี่ยตงเซิงเคลิ้มแล้ว หยีตาโดยไม่รู้ตัวก่อนยัดใส่ปากอย่างมูมมาม
ต่อมาเขาไม่สนใจความเห็นของทุกคนแล้ว แต่กอดบ๊ะจ่างไว้ในอ้อมอกราวกับสมบัติล้ำค่าทันที แล้วจะใส่ไว้ในตู้เย็น
เห็นถึงตรงนี้ ผู้ชายเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้อดใจไม่ไหวถามขึ้น “เหล่าเซี่ย คุณไม่เป็นไรนะ? บ๊ะจ่างนั่นอร่อยมากเลยเหรอ?”
เซี่ยตงเซิงยิ้มอย่างลึกลับ “บ๊ะจ่างนี่มีพิษจริงๆ…พวกคุณกินไปเถอะ ผมจะออกไปเดินข้างนอก” แต่พูดในใจว่า ‘มีพิษแรงมาก อยากหยุดก็แต่หยุดไม่ได้!’
เซี่ยตงเซิงจำได้ว่าฟางเจิ้งเอาบ๊ะจ่างมาสองถังใหญ่ พอมาถึงเขาก็ยังเหลือไม่น้อย ผ่านไปครู่เดียวน่าจะยังไปไม่ไกล จะขอเพิ่มอีกสักสองสามอันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุผล! เขาไม่เคยกินบ๊ะจ่างอร่อยแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต พลาดแล้วคงจะเสียหายไม่น้อย! เขายังจำโจ๊กล่าปาตอนนั้นได้ รสชาติเลิศรสขนาดนั้นแต่แจกจ่ายแค่วันเดียว วันต่อมาหมดแล้ว เขาตรึกตรองว่ามีโอกาสสูงมากที่บ๊ะจ่างจะเป็นแบบนั้น ดังนั้นต้องเก็บเอาไว้เยอะหน่อยก็ไม่ได้ผิดอะไร!
เซี่ยตงเซิงให้ลูกชายกับภรรยาดูแลลูกค้าไป ส่วนตนรีบวิ่งออกไปหาฟางเจิ้ง
…………………….