บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 346 คอขวดของวัดเอกดรรชนี
“เคยบอกกับนายไปตั้งนานแล้วนี่ คนหนึ่งทำความดีเป็นคุณความดีเล็กๆ พาคนทำความดีต่างหากถึงเป็นคุณความดียิ่งใหญ่ แต่รางวัลครั้งนี้ก็ไม่เลวจริงๆ…” ระบบพูด
ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็ใจหวั่นไหว รีบเข้าอุโบสถไปตรวจดู เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งคือ พระโพธิสัตว์ครั้งนี้อาจจะต่างไปเล็กน้อย!
เมื่อเข้าอุโบสถหมื่นพุทธ เงยหน้ามองไป ก็เห็นรูปพระโพธิสัตว์รูปหนึ่งเพิ่มมาในป้ายหมื่นพุทธจริงๆ! พระโพธิสัตว์สวมหมวกผีหลู[1] สวมกาสาวะ มือหนึ่งถือไม้ขักขระ อีกมือถือดอกบัว นั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง สัตว์ตัวนี้มีเขาเดียว หัวเป็นเสือ หูสุนัข กายมังกร หางสิงโต เท้ากิเลน
เห็นรูปเหมือนนี้ ฟางเจิ้งรู้แล้วว่าเป็นใคร
ฟางเจิ้งประนมสองมือ กล่าวแสดงความเคารพ “ยินดีต้อนรับพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์!”
ผู้มาในครั้งนี้คือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ สัตว์ที่นั่งอยู่ก็คือสัตว์ขี่ของท่าน...ตี้ทิง
พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ดูแลกามภูมิหก[2] แบ่งเป็นหกร่างแยก แยกกันกำกับกามภูมิหก มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ว่า ‘เมื่อโปรดสรรพสัตว์หมดสิ้นแล้วจึงจะสำเร็จโพธิญาณ หากนรกยังไม่ว่าง จะไม่ขอสำเร็จพุทธผล’ นี่คือพระโพธิสัตว์ที่มีบุญกุศลไม่มีสิ้นสุด มีความเมตตาห่วงหาอันยิ่งใหญ่ และยังเป็นพระโพธิสัตว์ที่ฟางเจิ้งเคารพอย่างยิ่ง
สัตว์ขี่ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์หรือตี้ทิงก็ไม่ใช่สัตว์ประหลาดธรรมดา เขาเดียวของมันเป็นสัญลักษณ์ว่าแบกรับข้อมูลของจักรวาลได้ เหมือนกับ ‘เสาอากาศ’ และยังใช้โจมตี ป้องกันตัวเองได้ด้วย หูสุนัขของมันได้ยินความถี่ของจักรวาลและแยกแยะถูกผิดส่งให้ผู้เลื่อมใส กายมังกรของมันสื่อถึงความเป็นสิริมงคลสมปรารถนา หัวเสือแสดงถึงความกล้าหาญและปัญญา พบอุปสรรคจะมุ่งหน้าไปอย่างกล้าหาญ ไม่ยอมท้อถอย หางสิงโตสื่อถึงความอดทนและปณิธานอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าทำเรื่องใดหากยืนหยัดก็จะชนะ เท้ากิเลนของมันให้มองว่ามีแค่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ตี้ทิงช่วยเหลือผู้คน ปรองดองกับคน รักษาความดีงามดั่งสมบัติ
พูดได้ว่าตี้ทิงมีร่างกายของสัตว์มงคลรวมกันนับไม่ถ้วน เป็นสัตว์มงคลที่มีความสามารถในร่างเดียว! ไม่ธรรมดาเลย
‘ไม่รู้ว่าอาตมาจะยืมพลังของตี้ทิงมาใช้ได้ไหม’ ฟางเจิ้งคิดถึงตรงนี้ก็พลันเคลื่อนความคิด ผลคือพบสิ่งที่น่าตกใจคือ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ให้เขายืมความสามารถเฉพาะอย่างหนึ่งได้จริงๆ ประตูนรก! ทว่าไม่มีความสามารถอื่นๆ แล้ว พลังของตี้ทิงฟางเจิ้งก็ยืมไม่ได้เช่นกัน
“อย่าละโมบ ถ้านายอยากยืมพลังเทพมากกว่านี้ก็ฝึกฝนเยอะๆ เถอะ บุญกุศลถึงแล้ว จะได้รับพลังเทพมากกว่านี้เอง” ระบบกล่าวเตือน
ฟางเจิ้งส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา เขาอยากได้อภินิหารต่างๆ ของตี้ทิงจริงๆ ในขณะเดียวกันก็สนใจพลังแห่งกามภูมิหกของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ที่สำคัญที่สุดคือเขาอยากเห็นสักหน่อยว่าโลกนี้มีวัฏจักรจริงๆ หรือไม่ มีภูตผีปีศาจจริงๆ ไหม…
น่าเสียดาย ความสามารถไม่พอเลยได้แต่ล้มเลิกไป แล้วรีบตรวจสอบความสามารถของประตูนรกแทน…
ประตูนรกสามารถดึงคนชั่วเข้าด่านภูตผีของนรกได้ ข้างในเป็นนรกเชื่อมกันสิบแปดชั้น นับว่าเป็นแดนลงทัณฑ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ไม่ว่าใครก็ถูกโยนเข้าไปได้ จากนั้นประตูนรกจะตัดสินตามการกระทำความผิด แรงกรรม และบุญกุศลของอีกฝ่าย สุดท้ายจึงทำการลงทัณฑ์ นรกสิบแปดชั้นจะมอบงานเลี้ยงอาหารแห่งการลงทัณฑ์ชุดใหญ่ที่สมบูรณ์แบบให้คนคนนั้น จนกระทั่งชะล้างกรรมชั่วทั้งหมดไปแล้วถึงถูกโยนออกมา อีกทั้งความทรงจำนี้จะประทับอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ เพื่อย้ำเตือนให้อีกฝ่ายไม่กล้าทำความชั่ว ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่อาจเล่าประสบการณ์ในช่วงนี้ได้
แต่ประตูนรกจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น ที่นั่นเป็นเพียงแดนชะล้างกรรม ออกมาจากข้างในเท่ากับเกิดใหม่ แรงกรรมชั่วทั้งหมดจะถูกชะล้างจนสิ้น แต่ถ้าทำผิดอีก สอนหลายครั้งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แรงกรรมจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ต้องเข้าประตูนรกอีกครั้ง ต้องรับความเจ็บปวดเพิ่มเป็นเท่าตัวเช่นกัน แน่นอน ตั้งแต่อดีตมายังไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปในนรกอีกครั้งเลย…
ฟางเจิ้งอ่านความสามารถของประตูนรกจบแล้วก็แสยะปากยิ้ม อันนี้แรงอยู่นิดๆ! ไม่ใช่ประสบการณ์มายาของความฝันยามต้มข้าวฟ่าง แต่เป็นของจริงแท้แน่นอน! ใครถูกดึงเข้าไป ฟางเจิ้งคาดเดาว่าจุดจบจะต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ
‘เอาเถอะ จากนี้ใครกล้าล่วงเกินอาตมา จะโยนเข้าไปกินอาหารชุดซะ’ ฟางเจิ้งหัวเราะเบาๆ พลางพึมพำในใจ
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า แม้ชื่อเสียงวัดเอกดรรชนีจะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ญาติโยมที่มากลับไม่เห็นเพิ่มขึ้นด้วย ฟางเจิ้งไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน วัดเอกดรรชนีกันดารเกินไปจริงๆ ข้างหลังเป็นภูเขาใหญ่ไร้ร่องรอยคน ผ่านภูเขาใหญ่ไปก็เป็นอีกประเทศหนึ่ง คนประเทศนั้นคงไม่มาไหว้พระที่นี่อยู่แล้ว ข้างหน้าเป็นไร่นาและหมู่บ้านต่างๆ อำเภอที่อยู่ใกล้สุดคืออำเภอซงอู่ จากนั้นเป็นเมืองเฮยซาน อย่าว่าแต่อำเภอซงอู่เลย ต่อให้เป็นเมืองเฮยซาน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูง มีเพียงรถไฟสีเขียว[3]ออกวิ่งส่งเสียงดังทุกวัน
เพราะเมืองเฮยซานเป็นมุมอับ ทั้งยังไม่มีจุดชมวิวพิเศษหรือแหล่งทรัพยากรสินแร่ที่มีอิทธิพลอะไร ดังนั้นทางการจึงเหมือนไม่ได้วางแผนสร้างรถไฟความเร็วสูงเข้ามา อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีหวัง…
หลายปีมานี้ ทางการอนุญาตให้ตัดป่าไม้ได้ ตอนนั้นเมืองเฮยซานโด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง เถ้าแก่โรงตัดไม้จำนวนมากสร้างเงินได้ แต่เมื่อมาถึงปีนี้ก็ห้ามตัดป่าไม้นานแล้ว แถมยังพ่วงอสังหาริมทรัพย์อย่างเช่นโรงงานแปรรูปไม้กับโรงตัดไม้ไปด้วย แทบจะตายกันไปหมดในชั่วข้ามคืน
ปีนั้นอาศัยการตัดไม้ให้มีสถานีรถไฟ แต่ตอนนี้ยืมแรงไม่ได้แล้ว
ดังนั้นการคมนาคมของเมืองเฮยซานจึงไม่สะดวกสบาย กลายเป็นรากฐานให้ประชากรหมุนเวียนไปมาไม่สะดวก ประกอบกับเมืองเฮยซานไม่มีอะไรที่ดึงดูดประชากรเข้ามาได้ ประชากรโดยพื้นฐานจึงมีจำนวนคนคงที่ ทุกปีไม่มีคนน้อยลง นายกเทศมนตรีเมืองเฮยซานก็อมิตาพุทธแล้ว…
ประชากรคงที่ การถ่ายเทน้อย การจะขยายมาถึงภูเขาเอกดรรชนีที่ห่างไกลนั้นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า นี่จึงทำให้ถึงแม้ชื่อเสียงของวัดเอกดรรชนีจะค่อยๆ โด่งดังขึ้น แต่ญาติโยมก็ยังคงไม่กรูกันมามากนัก
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นเพราะชื่อเสียงของวัดเอกดรรชนีสู้วัดเก่าแก่เหล่านั้นไม่ได้…
ฟางเจิ้งย่อมเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ ยังดีที่เขาไม่รีบร้อน เขาเชื่อว่าขอแค่พัฒนาดีๆ สั่งสมบุญกุศลไปทีละก้าว ก็จะมีทุกอย่างเอง
วันนี้ ฟางเจิ้งกำลังรับลมเย็นอยู่ในป่าไผ่ข้างหลัง พลันเห็นกระรอกวิ่งเข้ามา ร้องเสียงดังว่า “อาจารย์ๆ แย่แล้ว ท่านรีบไปดูเร็ว!”
ฟางเจิ้งมองกระรอกอย่างหมดคำจะพูดนิดๆ ทำไมทุกครั้งมันถึงต้องตะโกนว่าอาจารย์แย่แล้ว? นี่จะด่าเขาว่าไม่ดีรึเปล่า?
“จิ้งควน ทุกครั้งอย่าใจร้อน พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฟางเจิ้งยืนขึ้นถาม
“เมื่อกี้ศิษย์ไปเล่นที่ภูเขาทงเทียน เห็นว่ามีคนถือ…ของยาวๆ บางอย่าง ส่งเสียงดังมาก หมูป่าตัวหนึ่งถูกยิงหนังเปิดเลือดไหล คนพวกนั้นยังพาหมาตัวใหญ่มาด้วย มันไล่ตามหมูป่านั่นไป…หมูป่านั่นน่าสงสารมากเลย” กระรอกพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้า
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็พลันขมวดคิ้ว ถ้าบอกว่าที่กันดารยากจนอย่างหมู่บ้านเอกดรรชนีมีอะไรดึงดูดคนนอกเข้ามา นั่นก็คงเป็นเทือกเขาทงเทียนข้างหลังรวมถึงเทือกเขาฉางไป๋ข้างหลังไปอีก! ในภูเขาใหญ่มีกวางโรกวางแม่น้ำ สุนัข กวางป่าและหมูป่าอยู่กันเป็นฝูง มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ดึงดูดคนลักลอบจับสัตว์เข้ามาไม่น้อย
ให้พูดจริงๆ ก็คือพวกเขาไม่ใช่คนลักลอบจับสัตว์เป็นอาชีพ แต่เป็นพวกสารเลวแถมด้อยปัญญาที่ทำปืนอัดลมผ่านกรรมวิธีพิเศษเล็กน้อยหรือไม่ก็ธนูคอมพาวน์ด[4]เข้าไปในป่าเขาเพื่อหาความสุขจากการล่าสัตว์!
…………………………
[1] หมวกผีหลู เป็นหมวกสำหรับพระสงฆ์ใส่ระหว่างทำพิธีกรรม ลักษณะคล้ายดอกบัว แต่ละกลีบมีรูปของพระไวโรจนพุทธะ มักมีแถบผ้ายาวห้อยมาข้างหน้า ที่คุ้นตาชาวไทยที่สุดคือหมวกของพระถังซัมจั๋ง
[2] กามภูมิหก ได้แก่สัตว์นรก เปรต อสูร เดรัจฉาน มนุษย์ และเทพ
[3] รถไฟสีเขียวคือรถไฟแบบดั้งเดิมของจีน ไม่มีเครื่องปรับอากาศ สามารถเปิดหน้าต่างได้
[4] ธนูคอมพาวน์ด หรือธนูทดกำลัง เป็นธนูที่พัฒนาด้วยหลักกลศาสตร์สมัยใหม่ ใช้ระบบคานงัด โดยใช้สายเคเบิลและลูกรอกในการออกแรงเค้นไปที่ปีกธนู