บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 362 ได้จับรางวัลด้วย?
หลินจื้อเฉิงได้ยินดังนั้นก็รีบเบรก ไม่กล้าเดินไปในภูเขาแล้ว แต่เดินไปทางขวา
“ศิษย์เอ๋ย ภูเขาอันตรายเป็นเรื่องปกติมาก ลืมงูพิษตัวใหญ่ทางขวาเมื่อกี้ไปแล้วเหรอ?” ฟางเจิ้งกล่าว
หลินจื้อเฉิงเบรกอีกรอบ ก่อนจะวิ่งไปทางซ้ายด้วยความจนปัญญา
“งูเหลือมนั่นร้ายกาจจริงๆ แต่อินทรีทางซ้ายก็ร้ายเหมือนกัน กรงเล็บแทบจะเปิดกลางกระหม่อมงูพิษอยู่แล้ว จับหนูอะไรก็แม่นยำ เห็นว่าฉีกอกกรีดท้อง กลิ่นคาวเลือดแรงมากเลย” เด็กแดงพูด
หลินจื้อเฉิงเบรกอีกครั้ง หน้าหลังซ้ายขวาสี่ทิศ หลังซ้ายและขวาไปไม่ได้ ข้างหน้าที่เหลือมีเพียงหลวงจีน จึงทำท่าจะตามไป
ได้ยินฟางเจิ้งบอกว่า “ศิษย์ระวังหน่อย ข้างหน้ามีหมูป่า เจ้าพวกนี้แยกแยะดีชั่วไม่ได้ ถ้ามันเห็นเข้าเมื่อไหร่จะถูกโจมตี เจ้าพวกนี้จะวิ่งเข้ามา เอาหัวชนทีวัวตัวหนึ่งตายได้เลย”
หลินจื้อเฉิงแข็งค้างอยู่กับที่อีกครั้ง เขาพบสิ่งที่น่าเศร้าคือแม้ฟ้าจะกว้างใหญ่ แต่ไปไหนก็ต้องตาย!
“อาจารย์ เร็วๆ นี้มีคนล่าสัตว์เยอะมาก พวกเราไม่มีทางดูแลไหว ถ้าเกิดมีคนผ่านมา จิ๊ๆ…” เด็กแดงพูด
“เฮ้อ อาจารย์เป็นกังวลมากเลย บางคนจิตใจต่ำช้า จับสัตว์ไม่ฆ่า แต่เอามาทรมานเล่นต่างๆ นานา เล่นจนตายแล้วถึงกิน นี่มันเกินไปจริงๆ” ฟางเจิ้งว่าตอบ
ได้ยินดังนั้น หลินจื้อเฉิงพลันนึกขึ้นได้ เหมือนว่าเขาจะมีนิสัยแบบนี้! ช่วงแรกๆ เคยจับเม่น เขาใช้คีมดึงหนามเม่นออกมาทีละอันเพื่อเล่นสนุก! เขาชอบเห็นอาการตอนเม่นเจ็บปวด…และยังมีกวางตัวนั้นที่จับมา เขาชอบยืนอยู่บนตัวกวาง กวัดแกว่งตะบอง ตีเขากวางให้หัก ฟังเสียงแตกหักและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอันไพเราะนั้น
ถ้าเกิดเรื่องนี้กับตัวเขา…เขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว หวาดกลัว! หวาดกลัวอย่างยิ่ง!
ถ้าไม่ได้เปลี่ยนตำแหน่งตรึกตรองดู ก็จะไม่มีวันรู้ซึ้งวิธีแสวงหาความสุขที่ว่านี้ ไม่รู้การสร้างความเจ็บปวดและหวาดกลัวอย่างยิ่งกับสัตว์…
เขาไม่รู้ว่าความหวาดกลัวนั้นมากมายแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่เผชิญหน้ากับหม้อต้มน้ำร้อนของหลินเหล่ย เขาเกือบจะสิ้นหวังแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังคงติดค้างอยู่! ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านและอารมณ์ไม่ยอมแพ้ในความสิ้นหวังวนเวียนในใจอีกครั้ง เขารู้แล้ว ก่อนหน้านี้เขาผิดจริงๆ!
เห็นฟางเจิ้งกับเด็กแดงกำลังจะหายเข้าไปสุดป่า รู้สึกถึงความเงียบสงบของป่าไม้ ราวกับว่าในเงามืดทั้งหมดซ่อนอันตรายเอาไว้ จะมีหมาป่าดุร้ายพุ่งออกมาโจมตีเขาได้ตลอดเวลา หลินจื้อเฉิงตกใจจนหดตัวเป็นก้อน ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ใด
แต่ห่างไปไม่ไกลนัก ข้างหลังพุ่มไม้ ฟางเจิ้งกับเด็กแดงนั่งยองอยู่ตรงนั้น กำลังแอบมองทุกอย่าง
“อาจารย์ วิธีของท่านไม่ได้เรื่องเลย เจ้านี่เหมือนจะไม่ได้สำนึกผิด ถ้าไม่อย่างนั้นท่านอย่าสนใจเขาเลย นี่คือกรรมที่เขาก่อ ตายก็ตายไปเถอะ” เด็กแดงพูด
ฟางเจิ้งกลับไม่พูดอะไร แต่ท่องเสียงเบา “ห้า สี่ สาม สอง…”
คำว่าหนึ่งยังไม่ทันเอ่ย เด็กแดงกำลังจะเยาะเย้ย แต่เห็นหลินจื้อเฉิงพลันลุกขึ้นพุ่งเข้ามา วิ่งไปพลางร้องไปพลาง “ไต้ซือ ผมเข้าใจแล้ว ผมยอมบริจาคทรัพย์สินทั้งหมด ผมยอมไปมอบตัว! สิ่งที่ผมเคยทำไปไม่ใช่คนจริงๆ ผมยอมรับโทษ!”
คำเย้ยเยาะที่มาถึงริมฝีปากเด็กแดงเปลี่ยนไปในฉับพลัน “อาจารย์ ยอดเยี่ยม!”
ฟางเจิ้งยิ้มน้อยๆ กล่าว “อมิตาพุทธ ถ้าไม่ยอดเยี่ยมจะเป็นอาจารย์นายได้ยังไง?”
“อาจารย์ ท่านถ่อมตัวหน่อยไม่ได้รึ?”
“อาจารย์ถ่อมตัวมากแล้ว ถ่อมตัวเกินไปนั่นคือเสแสร้ง” ฟางเจิ้งตอบ
เด็กแดงคิดในใจ ‘หน้าไม่อายจริงๆ!’
ตอนนี้เอง เจ้ากระรอกวิ่งกลับมา พูดขึ้นว่า “อาจารย์ สามคนนั้นยังค้นหาอยู่ใกล้ๆ หาละแวกนี้หมดแล้ว แต่มุมทางตะวันออกเฉียงเหนือยังไม่ได้หา…”
ฟางเจิ้งพยักหน้าบอก “ทำดี อาจารย์รู้แล้ว”
ระหว่างพูดอยู่นี้ หลินจื้อเฉิงตามมาแล้ว คุกเข่าบนพื้น ตะโกนต่อไปว่า “ไต้ซือ ผมยอมบริจาคทรัพย์สินทั้งหมด ผมยอมไปมอบตัว! ได้โปรดไต้ซือให้โอกาสผมสำนึกผิดด้วย!”
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ประสกก็ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเถอะ ถึงที่นั่นแล้วจะคืนร่างคนเอง จำคำที่พูดไว้ด้วย ฟ้าดินกว้างใหญ่ โกหกมีราคาที่ต้องจ่าย” ฟางเจิ้งเอ่ยจบก็จากไปอย่างวางก้าม
หลินจื้อเฉิงได้ยินแบบนั้นก็รีบขอบคุณติดต่อกัน ก่อนจะวิ่งจากไป! ตอนนี้เขาไม่อยากเป็นนกฮาเซลเกราซ์อีกแม้แต่วินาทีเดียว!
หลินจื้อเฉิงมาถึงทางตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะอยากพูดบางอย่าง กลับรู้สึกแต่ว่าคันตามตัว ต่อมาการมองเห็นเริ่มยกระดับสูงขึ้นจึงรีบมองสองมือตัวเอง ปีกหายไปแล้ว กลายเป็นมือที่คุ้นตา! ในตอนนี้ หลินจื้อเฉิงร้องไห้แล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าการเป็นคนคือเรื่องที่ดีเพียงใด! ในใจพึมพำว่า ‘เป็นคนไม่ง่ายเลย จากนี้จะไม่ทำเรื่องสารเลวต่ำช้ากว่าเดรัจฉานอีกแล้ว…’
ในตอนนี้เอง เซี่ยเหมิ่งมาถึงพอดี พอเห็นหลินจื้อเฉิงก็ร้องด้วยความตกใจ “เถ้าแก่หลิน ทำไมคุณอยู่ตรงนี้? คุณไปไหนมา…”
“เซี่ยเหมิ่ง อย่าพูดอะไรเลย เอาเสื้อผ้าฉันมา บางเรื่องฉันก็ไม่อยากพูด นายอย่าถามเลย สรุปคือ…กลับกันเถอะ ทุกอย่างจบแล้ว” หลินจื้อเฉิงกล่าว
หลินเหล่ยกับหลินอิ๋งได้ยินการเคลื่อนไหวทางนี้จึงวิ่งมาเช่นกัน ได้ยินหลินจื้อเฉิงว่าแบบนี้ หลินเหล่ยจึงพูดโดยจิตใต้สำนึกว่า “พี่ ไม่จับนกมังกรบินแล้วเหรอ ผมจะบอกให้นะ เมื่อกี้ผมจับมาได้ตัวหนึ่ง น่าเสียดายที่ถูกหลวงจีนสารเลว…”
ป้าบ!
หลินจื้อเฉิงใช้ฝ่ามือตบเข้าที่หัวหลินเหล่ย แค่นเสียงหึบอกว่า “จากนี้อย่าพูดถึงนกมังกรบินกับฉันอีก! แล้วก็นกฮาเซลเกราซ์ด้วย! รวมถึงไก่ด้วย! ใครพูดฉันจะจัดการคนนั้น!”
พูดจบหลินจื้อเฉิงสาวเท้ายาวเดินไป หลินเหล่ยกุมที่หัวพลางพูดด้วยสีหน้ามึนงง “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? พี่ พวกเราไม่ล่าสัตว์แล้วเหรอ? วันนี้ยังไม่ได้อะไรเลยนะ”
“ไม่ล่าแล้ว จากนี้ไม่ล่าแล้ว! แกก็ห้ามล่าด้วย”
“แต่ว่า พี่บอกว่าผู้ชายที่ไม่ล่าสัตว์ไม่ใช่ผู้ชายนี่?”
“ผู้ชายที่ล่าสัตว์เพื่อความสนุกคือเดรัจฉาน! แกอยากเป็นไหม”
“เอ่อ…พี่ พี่ด่าตัวเองแล้ว…”
……..
กลุ่มคนออกจากภูเขาไป ระหว่างทางกลับ หลินจื้อเฉิงยังคงเงียบไม่พูดจา ทำให้บรรยากาศอึดอัดนิดๆ เมื่อถึงเมืองเฮยซาน หลินจื้อเฉิงปิดบริษัททันที ทั้งยังแจกจ่ายเงินเดือนให้พนักงานทั้งหมด ก่อนบริจาคเงินที่เหลือทั้งหมดให้กับองค์กรคุ้มครองสัตว์ ส่วนตัวเขาเองเข้าไปสถานีตำรวจ…
สามวันต่อมา ฟางเจิ้งได้รับข่าวหนึ่ง
เมืองเฮยซานไขคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าครั้งใหญ่พร้อมกับยึดของกลางได้พร้อมกัน คดีโยงไปถึงสัตว์คุ้มครองชั้นหนึ่งและชั้นสองสิบกว่าชนิดของประเทศ จำนวนมากถึงหลายร้อยตัว…ในนั้นเอ่ยถึงโดยเฉพาะว่า ครั้งนี้ที่ไขคดีได้สำเร็จมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักโทษซึ่งมามอบตัว แต่รายละเอียดว่าเป็นใครนั้นไม่ได้บอก…
แต่ฟางเจิ้งรู้ว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นหลินจื้อเฉิงแน่ เพราะว่า…
“ติ๊ง! ยินดีด้วย หลินจื้อเฉิงและเหลียงเฉิงหู่กลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้ว”
“แล้วจากนั้นล่ะ?” หัวใจดวงน้อยๆ ของฟางเจิ้งเต้นตึกตัก
“แล้วอะไรนะ…ให้ฉันคิดก่อน…นายอยากจับรางวัลไหม?”
“ได้จับรางวัลด้วย?” ดวงตาฟางเจิ้งเป็นประกายขึ้นมา