บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 390 แสดงความเคารพ
“อะไร?” ผู้ชายร้อนใจแล้ว
“ขึงตามองทำไม? ไม่เห็นเหรอว่าท่านพาสาวน้อยกับเด็กมาด้วย? ยังไม่ลุกอีก? มีมารยาทบ้างไหม? เอาเปรียบคนอื่นเหรอ?” คุณป้าพูด
สิ้นเสียง ผู้ชายอึ้งงัน มองโอวหยางเฟิงหวาอึ้งๆ
โอวหยางเฟิงหวาใบหน้างามเป็นสีแดง มีตัว…นับแสนห้อทะยานในใจ เธอแก่ขนาดนั้นเลยหรือ? แถมยังมีเด็ก?
ฟางเจิ้งพูดไม่ออกเช่นกัน มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนี่?
ผู้ชายกล่าว “เธอไม่ได้ขึ้นเขามานานแค่ไหนแล้ว? นี่น่ะลูกของหลวงพี่…”
“หา? หลวงพี่แต่งงานแล้ว? บ่ะ เธอนี่นะตาแหลมจริงๆ…เฮ้อ ไม่ใช่สิ นักบวชแต่งงานไม่ได้ไม่ใช่นี่?” เห็นได้เลยว่าป้าคนนี้เป็นพวกไม่คิดไตร่ตรองอะไร ทว่าปฏิกิริยาโต้กลับก็ไม่ช้าเช่นกัน
ฟางเจิ้งทำหน้าขมขื่น รีบพูด “อมิตาพุทธ สีกา นี่คือลูกศิษย์ของอาตมา สีกาท่านนี้คือเพื่อนของอาตมาเอง วันนี้จะไปวัดแสงสายัณห์ด้วยกัน”
คุณป้าได้ยินดังนั้นก็เข้าใจชัด “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง ฉันว่าแล้วเด็กวัยรุ่นแบบนี้จะมีลูกได้ยังไง พวกท่านก็ไม่รีบบอกเร็วๆ…”
ฟางเจิ้ง โอวหยางเฟิงหวาและคนบนรถต่างพูดไม่ออก ปากเธอไวขนาดนั้นไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายอธิบายเลย? แถมยังไม่ถามให้ชัดจะพูดจามั่วซั่วทำไม?
ผู้ชายพูดต่อ “ครั้งหน้าเธอถามให้ชัดก่อนค่อยโวยวาย มาตบหัวฉันนี่ หัวข้างหลังแสบร้อนไปหมดแล้ว”
แต่เพิ่งสิ้นเสียง คุณป้าก็ตบเข้าไปอีกที
“ไม่ใช่แล้ว เธอทำอะไรอีก?” ผู้ชายเป็นกังวลแล้ว
“เปล่านี่ ทำตาแบบนี้หมายความว่าไง? ไม่ใช่ลูกเขา แต่เขาพาเด็กมาด้วย แกจะนั่งสบายใจๆ แบบนี้ได้เหรอ?” คุณป้าว่า
ผู้ชายมองโอวหยางเฟิงหวาที่ทำหน้าว่าตนไม่มีความผิดกับเด็กแดงที่ทำหน้าว่าจะให้นั่งหรือไม่ให้นั่งก็ได้ ก่อนมองไปข้างบน “ได้ๆๆ…เธอชนะ ฉันจะหลีกให้นั่งตกลงไหม” ผู้ชายพูดจบก็ยืนขึ้นก่อนพูดเสริมไปว่า “มีโอกาสก็ลงเขามาดูให้บ่อยๆ หน่อย เปิดโลกบ้าง! เด็กนี่นะ แม่ง แข็งแรงกว่าฉันอีก!”
เอ่ยจบก็ไปยืนข้างหลัง
คุณป้าไม่เข้าใจความหมายเขาและไม่อยากคิดด้วย แต่เรียกโอวหยางเฟิงหวากับเด็กแดงทันที “มาๆๆ อย่ามัวแต่ยืน รีบมานั่งเร็ว”
โอวหยางเฟิงหวารีบขอบคุณให้กับไมตรีจิตของคุณป้า แม้การเดินทางครั้งนี้จะรู้สึกตลกอยู่นิดๆ กระทั่งไม่ใกล้เคียงกับแนวความคิดและมารยาทต่างๆ ที่เธอเรียนรู้จากในโรงเรียนเลย ถึงขั้นมีคำพูดและการกระทำมากมายที่ไม่มีมารยาทเอามากๆ ทว่าเธอกลับพบว่าตนไม่รังเกียจการกระทำแบบนี้แม้แต่น้อย ถึงขนาดในใจชอบไมตรีจิตที่จริงใจ เรียบง่ายและหยาบคายแบบนี้อย่างยิ่ง
โอวหยางเฟิงหวาอดถอนหายใจอยู่ภายในไม่ได้ ‘เชื่อตำราอย่างสุดโต่งสู้ไร้ตำราไม่ได้จริงๆ บางทีสิ่งที่มีในตำราอาจจะถูก แต่บางครั้งการกระทำและคำพูดก็จะใช้ความจริงจังมากำหนดไม่ได้ ความดีจากใจจริงต่างหากคือความดีแท้จริง นั่นต่างหากที่งดงามจริงๆ! กฎบัญญัติพวกนั้นเพียงเพื่อแสดงการยอมให้ด้วยไมตรี แต่กลับเป็นรองกว่า’
โอวหยางเฟิงหวามองชาวบ้านโดยรอบที่แต่งตัวเรียบง่าย กระทั่งมีคนสวมรองเท้าบูตเปื้อนโคลนด้วยแววตาที่ต่างออกไปโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนมุมมองมองคนเหล่านี้อีกครั้ง ลดด้านสกปรกลง เพิ่มด้านความจริงใจและบริสุทธิ์เข้าไป ทุกคนไม่ได้พูดเสียงเบาอย่างปัญญาชน แต่จะตะโกนกันบ่อยครั้งยิ่งกว่า ส่งเสียงตะโกนสะเทือนแก้วหู คำพูดไม่เรียบร้อย แต่คุยกันเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ไม่ทันไรก็ไปถึงระดับนานาชาติ ฟังไปฟังมาโอวหยางเฟิงหวาเกิดภาพลวงตาอย่างหนึ่งว่าคนที่นั่งในรถคือชาวบ้านทั้งคันหรือว่าข้าราชการบริหารระดับประเทศกันแน่…
แน่นอนว่ามีช่วงที่เลยเถิด แต่กลับไม่มีใครพูดถึงเรื่องโสมม ไม่มีใครพูดเรื่องลามก และไม่มีการหยอกล้อที่น่าเบื่อ เพียงแค่คุยกันเรื่อยเปื่อย พูดถึงสถานการณ์นานาชาติ โอวหยางเฟิงหวานั่งฟังอย่างสงบนิ่ง เธอพลันพบว่าเริ่มชอบความรู้สึกนี้…ชอบการพูดคุยอย่างจริงใจ
ตอนนี้เองมีควันบุหรี่โชยเข้ามา โอวหยางเฟิงหวากลั้นไอไปสองทีไม่ได้ เธอสำลักควันบุหรี่เข้มนั้นจนคิ้วขมวด เดิมทีอยากจะบอกให้อีกฝ่ายดับบุหรี่เสีย แต่มองรถแล้ว โดยพื้นฐานผู้ชายจะถือบุหรี่คนละมวน แถมไม่มีใครรังเกียจ เธอจึงอดกลั้นไว้ คิดในใจว่า ‘นี่ก็เป็นความเคยชินในชีวิตอย่างหนึ่งของทุกคน จะมาเปลี่ยนเพราะเราไม่ได้ อดทนหน่อยแล้วกัน…ลองความรู้สึกการสูบบุหรี่สักหน่อย…’
ทว่าโอวหยางเฟิงหวาไม่พูด แต่ผู้ชายที่ลุกให้นั่งก่อนหน้านี้พูด “ใครน่ะ พวกแกดับบุหรี่เลย! มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสาวน้อยคนนี้เป็นเด็กใสสะอาดในเมือง จะให้มารมควันดำของผีบุหรี่อย่างพวกแกได้ยังไง? ดับเลยๆ!”
โอวหยางเฟิงหวาได้ยินดังนั้นพลันเผยรอยยิ้ม มีวิธีพูดแบบนี้ด้วย? รมควันดำ? ทว่าเจตนาดีเด่นชัดในคำพูดทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น
โอวหยางเฟิงหวาพูดในทันที “ไม่เป็นไรค่ะๆ…แค่กๆ…”
“ยังมาไม่เป็นไรอีก ไอแล้วเห็นไหม พวกแกไอ้ผีบุหรี่ รีบดับบุหรี่เดี๋ยวนี้ รู้จักมีมารยาทกันซะบ้าง!” คุณป้าออกปากเช่นกัน
พวกผู้ชายสูบบุหรี่หลายคนหัวเราะเบาๆ ก่อนดับบุหรี่แล้วซ่อนไว้ในกระเป๋า
เห็นดังนั้น โอวหยางเฟิงหวารู้สึกอบอุ่นในใจยิ่งกว่าเดิม แถมยังซาบซึ้งใจเล็กน้อย อดยืนขึ้นโค้งตัวแสดงความเคารพทุกคนมิได้ “ขอบคุณคุณอากับคุณป้าด้วยนะคะ”
ชาวบ้านทุกคนเห็นแบบนั้นถึงกับชะงักงันกันหมด พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่าการดูแลเด็กสาวน้อยเป็นเรื่องสมควร ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวจะเกรงใจขนาดนี้ คนที่เพิ่งคุยโม้ คุยเรื่องสถานการณ์ระหว่างประเทศและเรื่องใหญ่ระดับประเทศต่างมึนงงนิดๆ ทุกคนต่างหน้าแดงเพราะการแสดงความเคารพและขอบคุณอย่างกะทันหัน ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ฟางเจิ้งเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ทุกท่าน ความดีเป็นสิ่งที่มีให้ซึ่งกันและกัน ทุกท่านดูแลเธอ เธอขอบคุณก็เป็นเรื่องสมควร”
“ไม่ใช่ คือว่า…พวกเราเป็นพวกหยาบกระด้าง พอมาเจอแบบนี้เลยงงนิดๆ”
“ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครโค้งตัวเคารพฉันมาก่อนเลย ลูกกินล้างกินผลาญของฉันยังไม่เคยทำแบบนี้เลย เด็กสาวในเมืองมีมารยาทจังเลยนะ…”
“อืม เรียนหนังสือเยอะๆ เป็นเรื่องดี เจ้าลูกบ้านั่นเอาแต่วิ่งเพ่นพ่านไปมา จับก็จับไม่อยู่”
“นั่นนะสิ มีโอกาสก็โยนเข้าไปในโรงเรียนแล้วขังซะ”
………
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป พวกคนช่างพูดต่างแสดงความคิดเห็นกันใหญ่ ไม่มีควันบุหรี่แล้ว โอวหยางเฟิงหวานั่งพิงที่นั่งฟังทุกคนตะโกนหยอกล้อกัน ราวกับเสียงขลุ่ยสวรรค์…พูดในใจเงียบๆ ว่า ‘ดีจริงๆ…’
รถคันนี้อ้อมไปทุกหมู่บ้านหนึ่งรอบ เส้นทางหมู่บ้านบางแห่งชำรุด กระเด้งขึ้นลงไปมา กระโดดอยู่ราวครึ่งชั่วโมงถึงขึ้นถนนหลัก รถไม่กระโดดแล้ว เส้นทางราบเรียบเช่นกัน วูบเดียวก็วิ่งเข้ามาถึงอำเภอเมืองซงอู่
ลงจากรถมาชาวบ้านเกาะกลุ่มกันสามถึงห้าคนไปซื้อของ พากันเอ่ยลาฟางเจิ้ง โอวหยางเฟิงหวาและเด็กแดง
ขนขับรถชะเง้อหน้าออกมาพูดว่า “หลวงพี่ฟางเจิ้ง รถสายพวกเรายังไม่มีเวลาออกรถที่แน่นอน ถ้าท่านจะนั่งรถกลับ บ่ายสองโมงครึ่งให้มาโบกรถ ผมจำคนไว้แล้ว รอคนครบเมื่อไรเราจะกลับไป”
……………………