บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 393 หลวงจีนปลอม
เด็กแดงได้ยินฟางเจิ้งพูดก็หลับตาลง แสร้งหลับไป
ฟางเจิ้งเองก็จนปัญญาเช่นกัน ถ้าจะถ่ายทอดคำสอนเจ้าเด็กดื้อคนนี้คงไม่ได้ยากแบบธรรมดาๆ แล้ว
แต่โอวหยางเฟิงหวาฟังอย่างออกรส พยักหน้ารัวๆ “ไต้ซือพูดถูก”
………
ระหว่างทางไม่เกิดเรื่องไม่น่าอภิรมย์ใดๆ อีก ไม่นานก็ถึงเมืองถานจง ลงรถมาก็เห็นเทือกเขาฉางไป๋ราวกับมังกรดำนอนพาดบนเส้นขอบฟ้าไกลลิบ สถานีรถไฟความเร็วสูงห่างจากใจกลางเมืองช่วงหนึ่ง ดีที่ประตูทางเข้าออกมีรถบัสคันใหญ่ ทว่านี่ก็สายแล้ว โอวหยางเฟิงหวาพูดด้วยอาการเหนื่อยเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “ไต้ซือ วันมะรืนถึงจะเริ่มพิธี วันนี้เราหาที่พักก่อนเถอะ ฉันนั่งรถจนใกล้จะตายแล้ว”
ฟางเจิ้งอย่างไรก็ได้ ขอเพียงไม่ต้องให้เขาจ่ายเงินอย่างไรก็ได้! เลยพยักหน้า “อมิตาพุทธ ตามสีกาทุกอย่างเลย”
โอวหยางเฟิงหวาไปหารถบัสคันใหญ่อย่างมีความสุขก่อนเข้าเมืองไป
สิบกว่านาทีต่อมา ฟางเจิ้งเงยหน้ามองตึกใหญ่สูงสิบกว่าชั้นแห่งนี้พลางถูจมูก คิดในใจว่า ‘นี่ถืออาตมาได้รับการดูแลที่ดีที่สุดแล้วล่ะนะ’
ขณะนี้เองสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินออกมาจากประตูตึกใหญ่ ลากกระเป๋าลากเดินไปอย่างเร่งรีบ ทว่าช่วงที่ผ่านฟางเจิ้ง โอวหยางเฟิงหวากับเด็กแดงนั้นยังหันมาชำเลืองตามองแวบหนึ่ง ทำหน้าประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนั้นพูดเบาๆ “กระแสสังคมทุกวันนี้แย่ลงเรื่อยๆ เลย หลวงจีนพาเมียกับลูกมาโจ่งแจ้งขนาดนี้เลย เฮ้อ…เด็กนั่นกี่ขวบเอง สองคนนี้อายุไม่เท่าไรก็มีลูกกันแล้ว…”
“เกินไปจริงๆ หลวงจีนมีเมีย แถมยังสวยด้วย…”
พลันมีเส้นสีดำขึ้นเต็มหน้าผากฟางเจิ้ง ไม่ใช่อย่างที่คิดสักหน่อย? คนพวกนี้คิดเชื่อมโยงเก่งขนาดนี้เลยหรือ?
ดีที่โอวหยางเฟิงหวาไม่ได้ยิน แต่หาบัตรประชาชนก่อนโบกมือเรียก “ไต้ซือ น้องจิ้งซิน มานี่!”
ฟางเจิ้งกับเด็กแดงรีบตามโอวหยางเฟิงหวาเข้าโรงแรมไป
“คุณผู้หญิง กี่…เอ่อ…” พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นมองโอวหยางเฟิงหวา ขณะจะถามพลันอึ้งงันอยู่กับที่ มองคนดั่งดอกไม้งามตรงหน้าอึ้งๆ พริบตานี้ใช้การสมองไม่ค่อยได้ มาเป็นครอบครัว? เด็กสาวนั่นอายุน้อยเกินไปรึเปล่า? หรือไม่ใช่ครอบครัว? ทว่าชายหญิงพาเด็กมาด้วย…ปัญหาคือหลวงจีนกับเด็กสาวเปิดห้องเข้าโรงแรมด้วยกัน? แม่ง นี่มันอะไรกัน? วินาทีนี้พนักงานต้อนรับสับสนแล้ว
“สามคน สองห้อง” โอวหยางเฟิงหวาพูดหน้าแดงเล็กน้อย เธอโตมาป่านนี้นี่เป็นครั้งแรกที่มาโรงแรมกับเพศตรงข้าม เพียงแต่ตีเธอให้ตายก็ไม่คาดคิดว่าครั้งแรกจะมากับหลวงจีน! ส่วนปฏิกิริยาโต้กลับของพนักงานต้อนรับเธอก็พอเดาได้ว่าคืออะไร ภายในใจเกิดความเขินอายจนยากจะรับไหว แม้ตัวตรงไม่กลัวเงาเฉียง แต่คนอื่นมองมาด้วยสายตาแปลกๆ ตนก็รู้สึกแปลกไปด้วย เธอเลยเน้นเสียงคำว่าสามคนกับสองห้องเพื่อเลี่ยงการเข้าใจผิด
ฟางเจิ้งก็รู้สึกแย่จนไม่ไหวเช่นกัน เขาเงยหน้ามองฝ้าเพดานตลอด สวดมนต์ชะล้างจิตใจเงียบๆ ภายใน ไม่ใช่ว่ามีความคิดไม่เหมาะไม่ควรอะไร เพียงรู้สึกว่า…อายมาก! พร้อมกันนั้นยังพูดในใจ ‘ยังฝึกฝนไม่พอ ถ้าเป็นหลวงตาหนึ่งนิ้วเดาว่าคงมองคำพูดซุบซิบเป็นอากาศธาตุ…’ พอนึกถึงหลวงตาหนึ่งนิ้ว ฟางเจิ้งก็สงบใจลงไม่น้อย
เด็กแดงไม่รู้ว่าความอายคืออะไรแม้แต่น้อย เอาแต่มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พนักงานต้อนรับอึ้งไปครู่หนึ่งถึงตั้งสติกลับมา พอได้ยินว่าสองห้องถึงกับถอนหายใจโล่งอก ทว่า…
“ขอโทษครับ เหลือแค่ห้องเดียว” พนักงานต้อนรับมองโอวหยางเฟิงหวากับฟางเจิ้งอย่างจนปัญญา
ฟางเจิ้งกับโอวหยางเฟิงหวาตาค้าง
“ห้องเดียว? ไม่มีเหลือเลยหรือคะ?” โอวหยางเฟิงหวาถาม
พนักงานต้อนรับส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆ “พวกคุณน่าจะมาพิธีของวันมะรืนใช่ไหมครับ? ตอนนี้ทั้งเมืองถานจงมีแต่คนมาร่วมพิธี พูดจริงๆ นะครับ มีห้องเดียวก็ไม่เลวแล้ว ไม่เชื่อพวกคุณไปดูโรงแรมอื่นดู น่าจะไม่มีแล้ว ปกติหนึ่งอาทิตย์ล่วงหน้าจะมีคนจองหมดแล้วครับ ที่เรามีห้องก็เพราะเพิ่งมีคนเช็คเอาท์”
ฟางเจิ้งกับโอวหยางเฟิงหวานึกถึงสามีภรรยาคู่นั้นที่เพิ่งออกไปอย่างรีบร้อน
“ไต้ซือ ทำยังไงดี?” โอวหยางเฟิงหวาขอความช่วยเหลือ
ฟางเจิ้งยิ้มเจื่อนๆ “เปิดเถอะ อาตมาว่าในห้องรับแขกต้องมีโซฟา อาตมานอนบนโซฟาได้”
“แบบนั้นจะได้ยังไงคะ? คุยกันแล้วว่าฉันพาท่านไปงานพิธี จะดูแลอาหารและที่พักให้หมด ฉันนอนห้องรับแขก ท่านนอนห้องโถงใหญ่ดีไหมคะ? นี่ก็ไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันนอนห้องรับแขก ท่านนอนห้องพักเถอะ” โอวหยางเฟิงหวาส่ายหน้ารัวๆ ในสายตาคนอื่นฟางเจิ้งเป็นเพียงหลวงจีนรูปหนึ่ง แต่ในสายตาเธอ นี่คือไต้ซือศิลปะพู่กันจีนที่เอาชนะบิดาเธอได้! คนแบบนี้มีเกียรติอย่างยิ่ง จะให้นอนห้องโถงใหญ่ได้อย่างไร? ถ้ากลับไปบิดาตนรู้มีโอกาสสูงที่จะโดนตบฉาด
ขณะสองคนกำลังโต้แย้งว่าใครจะนอนห้องพัก พนักงานต้อนรับยิ้มแห้งๆ “ทั้งสองท่านไม่ต้องแย่งกันครับ ห้องสุดท้ายมีคนจองผ่านออนไลน์แล้วครับ”
ฟางเจิ้งกับโอวหยางเฟิงหวาตะลึงค้าง แล้วจะทำอย่างไร? นอนข้างถนน?
“ฉันไม่เชื่อ ไม่เหลือสักห้องเลยเหรอ?” โอวหยางเฟิงหวาหยิบมือถือออกมานั่งเล่นในห้องรับแขก เห็นทุกโรงแรมแขวนป้ายว่าไม่มีห้องกันหมด ก่อนมองฟางเจิ้งเศร้าๆ “ไต้ซือ ท่านจะพูดแย้งทำไม ไม่อย่างนั้นก็ได้ห้องแล้ว”
ฟางเจิ้งจนปัญญาเช่นกัน เรื่องนี้โทษเขาได้หรือ? ถ้าเขานอนห้องพักจริงๆ อย่าว่าแต่พระพุทธองค์จะให้อภัยเขาหรือไม่เลย ขนาดตัวเขาเองยังทำเรื่องแบบนี้ไม่ลง ดีเลวอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษ จะให้เด็กสาวน้อยนอนโซฟาห้องโถงใหญ่ได้อย่างไร
สองคนมองตากันก่อนถอนหายใจยาว เตรียมจะออกไป
ขณะเดียวกันบนถนน หลวงจีนร่างอ้วน หน้าตาคล้ายกันหลายส่วนสองรูปกำลังเดินเข้าโรงแรมอย่างเอ้อระเหย เดินไปพลางหลวงจีนอีกรูปพูดไปพลาง “น้อง แกดมซิว่าในปากฉันมีกลิ่นเหล้าไหม?”
“ไม่มีๆ พี่ พี่ขี้ขลาดไปได้ ไอ้แก่พวกนั้นในวัดเราสวดมนต์กันทุกวันจนสติเลอะเลือนกันหมดแล้ว แค่พวกเราไม่ดื่มเหล้าต่อหน้าพวกเขา พวกเขาจะรู้ได้ยังไง!” หลวงจีนอีกรูปตอบโดยไม่คิดอย่างนั้น
“ขี้ขลาดอะไร? จื้ออวิ๋น จะบอกให้นะ อย่างพี่เรียกว่ารอบคอบ! เราสองพี่น้องอยู่มาจนถึงวันนี้ได้ไม่ง่าย ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อิจฉาตำแหน่งฉัน ระวังหน่อย รอบคอบหน่อยก็ดี” หลวงจีนรูปร่างสูงกล่าว
“พี่ นี่ไม่มีคนนอกสักหน่อย อย่าเรียกนามทางธรรมได้ไหม? ฟังแล้วเหมือนกับเป็นหลวงจีนจริงๆ เลย…ผมว่าพวกเราจะสึกเมื่อไรดี?” จื้ออวิ๋นพูดอย่างไม่พอใจ
“สึก? สึกอะไร? ตอนนี้แกขาดอาหาร ขาดเสื้อผ้า? หรือขาดผู้หญิง? อีกอย่างเรียกนามทางธรรมฉัน ระวังหน่อยก็ดี” หลวงจีนร่างสูงพูด
“ไม่ใช่พี่…เฮ้อ ไต้ซือจื้อเหนิง! โอเคไหม? ผมรู้ว่าเป็นหลวงจีนมันดี จะกินก็ได้กิน จะดื่มก็ได้ดื่ม แต่ว่า…ผมเลี่ยนผู้หญิงพวกนั้นตรงตีนเขาแล้ว กว่าจะเปลี่ยนที่มาได้ไม่ง่ายเลยนะ พี่ยังไม่ให้ผมไปอีก…อึดอัดจะตายอยู่แล้ว” จื้ออวิ๋นพูดบ่น
…………………..