บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 453 เสริมคัมภีร์
“อุดมการณ์เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดตลอดไป แต่ความจริงกลับเป็นร่องกว้างที่ไม่อาจข้ามผ่าน” ฟางเจิ้งพูดปลงอนิจจัง อุดมการณ์ของเขาไม่ใช่การเข้าไปลำบากในภูเขาใหญ่ เขาต้องการบ้านที่ อบอุ่น แม้เขาจะมีครอบครัวที่ใหญ่ที่สุด ทั้งหมู่บ้านเอกดรรชนีคือบ้านเขา หลวงตาหนึ่งนิ้วคือบิดาเขา…
แต่ว่าฟางเจิ้งก็ยังต้องการบ้านตัวเอง มีภรรยาของตัวเอง มีลูกของตัวเอง เขาปรารถนาความอบอุ่นนั้น…
ฟางเจิ้งส่ายหน้า ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในใจไป ก่อนหมุนตัวกลับวัด
เด็กแดงรีบตามมา ถามว่า “อาจารย์ พุทธกับเต๋าเป็นครอบครัวเดียวกันได้ ทว่าท่านวางคัมภีร์ของลัทธิเต๋าในพุทธศาสนา ถ้าส่งต่อไปอีก เช่นนั้นเราจะเป็นพุทธศาสนาหรือเต๋า?”
ฟางเจิ้งส่ายหน้าตอบ “นายยังคงยึดมั่นในความคิดเห็นของสาวกพุทธกับเต๋าอยู่จนได้ นั่นสำคัญมากหรือ? ขอแค่เป็นสิ่งดีก็จงไปทำ ไหนเลยต้องมีกฎมากขนาดนั้น? ความดีในใต้หล้าคือคร รอบครัวเดียวกัน จะศาสนาอื่นหรือไม่ใช่ ก็คือกระแสน้ำที่ไหลเข้าสู่กระแสน้ำเช่นกัน”
เมื่อเข้าวัดมา ฟางเจิ้งมาที่ใต้ต้นโพธิ์ ให้เด็กแดงไปตักน้ำมา ส่วนตนหยิบคัมภีร์ของนักพรตเต๋าเล่อเทียนออกมาอย่างมีความสุข ปกหนังสือสีฟ้าออกสีเหลืองนิดๆ ด้านบนเขียนอักษรใหญ่ว ว่า คัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิด!
“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคัมภีร์เล่มนี้ เยี่ยมเลย คงไม่ใช่ของจริงหรอกนะ?” ฟางเจิ้งมองปกหนังสือสีออกเหลืองเล่มนั้นพลางตกใจ คัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดไม่ถือว่าเป็นคัมภีร์ที่แท้จริง แต่เป็นตำราเลอค่าวิทยายุทธ์ แน่นอนว่านี่ก็คุยโม้อยู่นิดๆ หากให้พูดตามจริงคือเป็นวิชาฝึกหกำลังภายในแขนงหนึ่ง ฟางเจิ้งอยู่ในสภาวะสับสนมาตลอด โลกนี้มีกำลังภายในจริงๆ หรือ อไม่กันแน่?
ฟางเจิ้งยังจำได้ว่าตอนเยาว์วัยเคยมีช่วงที่กำลังภายในฮอตฮิต ตอนนั้นคนในแปดหมู่บ้านสิบลี้คุยกันเรื่องกำลังภายใน อีกทั้งตอนนั้นยังมีละครกำลังภายในเยอะมากในทีวี ฟางเจิ้งเคยหย ยิบฟืนทำอาหารท่อนหนึ่งยืนเหยียบบนหญ้าฟางแล้วสวมรอยเป็นเจ้ายุทธ์ แต่ผลคือหัวทิ่มลงมา พักหลายวันก็ยังลงจากเตียงไม่ได้ ความทรงจำฝังลึกมาก…
คัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดก็เป็นจุดสูงสุดที่ทุกคนพูดคุยกันในตอนนั้น คนมากมายต่างเขียนคำอธิบายของคัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดแต่ละฉบับออกมาขาย ตอนนั้นฟางเจิ้งยืมมาหลายเล่ม แต่ก็พบ สิ่งที่น่าเศร้าคือทุกเล่มต่างกัน…น้ำตาพลันนองหน้า ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ว่าหลอกลวงทั้งหมด…
ฟางเจิ้งนำคำอธิบายเหล่านี้ไปหาหลวงตาหนึ่งนิ้ว หลวงตาหนึ่งนิ้วอ่านแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ‘เป็นของปลอมทั้งหมด’
‘เป็นของปลอมจริงๆ ผมให้พวกเขาทิ้งไปแล้วกัน’ ฟางเจิ้งพูดเศร้าๆ
หลวงตาหนึ่งนิ้วตอบกลับ ‘เก็บไว้เถอะ’
‘ทำไมล่ะครับ จะเก็บของที่ทำร้ายคนอื่นแบบนี้ไว้ทำไม?’ ฟางเจิ้งถามด้วยความไม่เข้าใจ
‘ทำผิดไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือทำผิดแล้วยังกลบเกลื่อน การเสียเปรียบถูกหลอกก็เป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ของชีวิตคน เก็บมันไว้ ก็เป็นความคิดถึงและเครื่องเตือน หลายปีจากนี้เม มื่อหันกลับมามองอีก เอ็งจะได้รับรู้อะไรมากกว่านี้’ หลวงตาหนึ่งนิ้วพูดยิ้มๆ
ฟางเจิ้งทำตาม เอาส่งคืนไป ผลคือพออีกฝ่ายได้ยินว่าของปลอมก็โยนทิ้ง ฟางเจิ้งจึงเก็บกลับมาวางไว้ใต้เตียง
คิดถึงตรงนี้ เขารีบวิ่งกลับกุฏิแล้วพลิกหาดู คัมภีร์สามเล่มยังอยู่ เมื่อเปิดอ่าน ด้วยความรู้ด้านการอ่านคัมภีร์และการทำความเข้าใจของเขาในตอนนี้ มองไม่กี่ทีก็พบว่ามีจุด ที่เป็นพิรุธในคัมภีร์เยอะมาก โดยพื้นฐานจะเอามาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ใช้คำพูดลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ในการหลอกคน
พออ่านคัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดที่นักพรตเต๋าเล่อเทียนให้เขามา เนื้อหาดูธรรมดามากอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญคือ…คัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดทั้งเล่มมีกระดาษแค่หน้าเดียว!
อวี้หวงเทียนจุน[1]กล่าวว่า
ในท้องซ่อนปราณรวมไว้ภายใน ปราณมีลมหายใจมั่นในท้อง
ปราณเข้าสู่ร่างเป็นชีวิต จิตจากไปก่อเกิดมรณา
รู้จิตปราณ จักมีชีวิตยืนยาว
บำเพ็ญจิตคือบำเพ็ญปราณ จิตคงอยู่ปราณคงอยู่
หากปรารถนามีชีวิตยืนยาว จิตปราณจักต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว
หัวใจไม่คิด ไม่มาไม่ไป ไม่ออกไม่เข้า ธรรมชาติคงอยู่เสมอมา
หมั่นบำเพ็ญเพียรคือหนทางที่แท้จริง
จากนั้น? จากนั้นไม่มีแล้ว!
ฟางเจิ้งพลิกไปหน้าหลัง พบว่าข้างหลังเป็นคำอธิบายเต็มไปหมด ส่วนต้นฉบับเดิม ไม่มีแล้ว! มีแค่ไม่กี่ประโยคนั้น!
ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ “นี่มัน…เอาเถอะ อาตมาดูคำอธิบายก็ได้”
ฟางเจิ้งพลิกไปหน้าหลัง คราวนี้อ่านแบบสบายๆ ดวงตาฟางเจิ้งพลันเปล่งประกาย ยืดหลังตรง ตอนเริ่มเขายังขมวดคิ้ว แต่ยิ่งอ่านไปข้างหลังก็ยิ่งตกใจ ยิ่งอ่านยิ่งตื่นเต้น ตอนที่อ่านจ จบทั้งเล่ม เขายิ้มแล้วเงยหน้าขึ้น…
“เฮ้ย!” ดวงตาฟางเจิ้งมีศีรษะเพิ่มมาหลายศีรษะ เขาตกใจกับภาพที่มาอย่างกะทันหันนี้จนแทบจะกระโดดขึ้นมา
เห็นเพียงหมาป่าเดียวดาย ลิง เด็กแดง และกระรอกบนหัวหมาป่าเดียวดายกำลังมองคัมภีร์ในมือฟางเจิ้งด้วยความแปลกใจ เบื้องหน้าพลันมีศีรษะใหญ่เพิ่มมาขนาดนี้ ทำเอาฟางเจิ้งตกใจจริงๆ
“อาจารย์ ท่านอ่านอะไรน่ะ จริงจังขนาดนั้นเลย?” กระรอกถามด้วยความประหลาดใจ
เด็กแดงกล่าว “คัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิด?”
ฟางเจิ้งถามด้วยความตื่นเต้น “นายเข้าใจเหรอ?”
“ไม่เข้าใจ ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ” เด็กแดงมองค้อน เขาคือเผ่าปีศาจ เคยไปมาหลายที่ตั้งแต่เล็กจนโต ของในโลกเขามีมากเกินไป แต่เขารู้น้อยมาก แน่นอนว่าย่อมไม่รู้จักคัมภีร์ลมหายใจ ก่อกำเนิด แต่เด็กแดงก็ยังพูดว่า “คำอธิบายนี้เหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าไม่มีประโยชน์อะไร…”
ฟางเจิ้งงุนงง “นายกำลังบอกว่าของนี่ใช้ฝึกไม่ได้?”
“ฝึก? ฮ่า…อาจารย์ ท่านคิดมากไปแล้ว โลกนี้ไม่เหมาะกับการฝึกฝนเลย ประโยคแรกในคัมภีร์ก็บอกไม่ใช่รึ? อวี้หวงเทียนจุนหวงกล่าว! นั่นคือของให้อวี้หวงเล่น คนธรรมดาจะฝึกได้อย่างไ ไร? แน่นอน จะฝึกตามคัมภีร์นี้ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ฝึกลมหายใจภายใน ร่างกายแข็งแรงอายุยืนน่ะไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าอยากฝึกจนบรรลุคงได้แต่ฝันเท่านั้น ทว่าคนที่เขียนคำอธิบายนี้ออกมา ได้ก็อัจฉริยะเหมือนกัน ถึงอย่างไรโลกนี้ได้อย่างที่เห็นก็ไม่เลวแล้ว คำอธิบายต่อจากนั้นไม่ได้ถูกทั้งหมดด้วย รู้สึกว่านี่จะเป็นบันทึกการทดลองที่รวมมาจากแรงใจและความคิดของคน นับไม่ถ้วน มีบางแห่งถูกบางแห่งผิด…” เด็กแดงวิจารณ์ ถึงอย่างไรเขาก็เคยอ่านคัมภีร์ยุทธ์ที่ลึกล้ำกว่านี้มาไม่น้อย ติชมเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหา
ฟางเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย นี่ไม่ต่างกับที่เขาวิเคราะห์ อย่าได้ฝันจะบรรลุเลย ทว่าอายุยืนยาวร่างกายแข็งแรงไม่ใช่ปัญหา นี่ก็ไม่ได้ขัดความชอบของเขาต่อคัมภีร์เล่มนี้ ฟางเจิ้งพูดว ว่า “ถ้าให้นายเสริมคัมภีร์เล่มนี้ให้สมบูรณ์ จะทำได้ไหม?”
“ไม่ยาก” เด็กแดงตอบ
ฟางเจิ้งส่งคัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดให้เด็กแดงทันที “ถ้าอย่างนั้นก็เสริมมันให้สมบูรณ์ ร่างกายแข็งแรงก็ถือว่าสร้างความผาสุกให้หนึ่งทิศได้ นี่คือบุญกุศล”
เด็กแดงขบคิดแล้วก็รับมา จากนั้นหยิบพู่กันแล้ววิ่งไป ไม่รู้ว่าไปทำอะไร
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เด็กแดงวิ่งกลับมาอีก โยนคัมภีร์ลมหายใจก่อกำเนิดให้ฟางเจิ้ง ฟางเจิ้งรีบรับไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า เตรียมจะเปิดอ่าน
เด็กแดงเบะปาก “อาจารย์ ดูท่านดีใจเหลือเกินนะ ถ้าท่านไปโลกของข้าได้ ข้ารับรองว่าจะให้ท่านสำเร็จอรหันต์ในเร็ววัน เหาะเหินเดินอากาศทำได้ทุกอย่าง”
…………………..
[1] อวี้หวงเทียนจุน คนไทยเรียกเง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นเทพผู้ปกครองสวรรค์ของจีนในลัทธิเต๋า มีหน้าที่ดูแลเทพและเซียนให้อยู่ในทำนองครองธรรม