บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 454 โชว์ความหวาน
ฟางเจิ้งไม่สนใจเลย เขาตอบโดยไม่คิดเช่นนั้น “แต่อาจารย์ไปไม่ได้ มองปลาในน้ำลึกไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้เหยียบอยู่กับพื้นทำเรื่องตรงหน้าให้ดีไม่ดีกว่าหรือ นายว่าประโยคนี้ถูกไห หม?” ฟางเจิ้งถามเปลี่ยนหัวข้อ
นี่คือฟางเจิ้ง เขาไม่ใช่คนหวังสูงแต่ความสามารถไม่ถึง หลงอยู่ในความเพ้อฝัน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าแท้จริงที่สุด! เมื่อมองไปจะเห็นความผิดพลาดของตน ทำตอนนี้ให้ดีจะควบคุมอนาคตได้ ถ้าเ เขย่งเท้ามองหมู่เขาไกลๆ ชีวิตนี้คงเดินไปไม่ถึงยอดเขา…
หลังจากหเด็กแดงอธิบายอย่างอดทน ในที่สุดฟางเจิ้งก็เข้าใจว่าควรจะฝึกปราณอย่างไร ตกกลางคืน เขานั่งขัดสมาธิบนเตียง ปรับลมหายใจ…
วันที่สอง ยามฟ้าสางเล็กน้อย ฟางเจิ้งตื่นนอนแล้วจึงปลุกพวกลิงกับเด็กแดงทั้งหมด
เด็กแดงขยี้ตาพลางถาม “อาจารย์ เช้าตรู่ขนาดนี้ ท่านจะทำอะไร?”
“ไม่ทำอะไร อาจารย์ว่าจะพาพวกนายลงเขา แน่นอนว่าถ้าพวกนายไม่อยากไปก็อยู่บนเขาได้” ฟางเจิ้งตอบ
“ไป!” เมื่อเด็กแดงได้ยินว่าลงเขาได้ก็คึกคักทันใด
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเตรียมตัวหน่อย” ฟางเจิ้งยิ้มบอก
เด็กแดงรีบกลับเข้าไป ล้างหน้าบ้วนปากแล้วถึงจะออกมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า สวมชุดนักบวชน้อยสีฟ้า ดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
เจ้าลิงตามอยู่หลังฟางเจิ้งตลอด กระรอกกอดผลไม้เปลือกแข็งลูกหนึ่งไว้ เรียกชื่อให้น่าฟังได้ว่าอาหารเช้า หมาป่าเดียวดายฉี่เป็นฟอง ก็ถือว่าเตรียมพร้อมกันเสร็จแล้ว
เมื่อเห็นทุกคนพร้อมแล้ว ฟางเจิ้งจึงโบกมือและพาทุกคนลงเขา
“อาจารย์ วันนี้มีธุระอะไรที่ตีนเขาเหรอ?” กระรอกถามอย่างแปลกใจราวกับเด็กน้อย
“วันนี้เป็นวันเทศกาล อาจารย์จะพาพวกนายไปสัมผัสเทศกาลของมนุษย์สักหน่อย” ฟางเจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม นัยน์ตามีรอยยิ้มชั่วร้าย
“อาจารย์ ไหนท่านบอกว่าวันนี้เป็นวันแห่งความรัก ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานี่? ลงเขาตอนนี้ ท่านจะทรมานหมา[1]รึ?” เด็กแดงเล่นอินเทอร์เน็ตทุกวัน ย่อมเข้าใจอะไรมากขึ้นเล็กน้อย
ทว่ามีคนไม่เคยเล่นอินเทอร์เน็ต อย่างเช่น…
“ทรมานฉันทำไม?” หมาป่าเดียวดายถามอย่างบ้องแบ๊ว
ฟางเจิ้งกับเด็กแดงไปต่อไม่ถูก
ฟางเจิ้งดึงหัวข้อสนทนากลับมา “เข้าสังคมก็เป็นการฝึกฝนเหมือนกัน วันนี้เราจะเข้านรก ไปสัมผัสความรู้สึกของการทรมานหมากันหน่อย…เฮ้อ…”
กระรอกบ้องแบ๊ว ไม่เข้าใจความหมาย หมาป่าเดียวดายก็ไม่เข้าใจ แต่มักรู้สึกว่ารูก้นขมิบแน่น สัมผัสได้ว่าเหมือนจะถูกรังแก เจ้าลิงอย่างไรก็ได้ เดินตามอาจารย์ไป แค่เรียนรู้ตามก็พ พอแล้ว ขณะเดียวกันยังแอบจำคำพูดทุกคำของฟางเจิ้งไว้แล้วนำมาลอกเลียน เด็กแดงมีท่าทีแบบนี้เช่นกัน เขาเองก็ไม่มีความเห็นอะไร!
ทว่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ หรือ?
ตอนลงเขามาฟ้าเพิ่งสว่าง ฟางเจิ้งเห็นหวังโอ้วกุ้ยขี่รถจักรยานยนต์ออกมาพอดี บนเบาะหลังรถมีกล่องกระดาษใหญ่ใบหนึ่ง
“ประสกหวัง อรุณสวัสดิ์” ฟางเจิ้งเดินเข้าไปเอ่ยทักทาย
หวังโอ้วกุ้ยหัวเราะเสียงดัง “เจ้าอาวาสฟางเจิ้ง อรุณสวัสดิ์ วันนี้ลมอะไรหอบพวกท่านลงเขามาล่ะ”
ฟางเจิ้งยิ้มบอก “ลมหอมน่ะสิ ประสก ออกไปซื้ออะไรกลับมาตั้งแต่เช้า?”
หวังโอ้วกุ้ยหน้าแดง หัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ “วันนี้วันเทศกาลไม่ใช่เหรอ ผมซื้อของขวัญมาให้ครอบครัวนิดหน่อย เลียนแบบพวกวัยรุ่น โรแมนติกกันบ้าง…”
ฟางเจิ้งเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วพลันยิ้ม ในกล่องมีดอกกุหลาบกำใหญ่ จึงประนมสองมือเอ่ย “อมิตาพุทธ ประสก ทันสมัยจริงๆ นับถือๆ…”
“ไปไกลๆ เลยนะ อย่าบอกใครเชียว ไม่อย่างนั้นผมจะหักขาท่าน” หวังโอ้วกุ้ยหน้าแดง ปกติสามีภรรยาในหมู่บ้านให้เสื้อผ้ากันก็ถือว่าทันสมัยแล้ว การให้ดอกกุหลาบนี่ ถือว่าเขาเป็นคน นแรก ถ้าแพร่งพรายออกไป เขารู้สึกว่าพรุ่งนี้คงได้ขึ้นหน้ากระดานหมู่บ้านแน่ๆ
สรุปคือหวังโอ้วกุ้ยเพิ่งเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดีใจของภรรยาเขาดังแว่วมา ขณะเดียวกันยังมีเสียงด่าทอว่า “ตาแก่นี่ อายุปูนนี้แล้วยังให้ไอ้นี่มาอีกเหรอ! น่าขายหน้า! เปลืองเงิน เอาไปคืนเลย ฉันไม่เอา! นี่คุณจะทำอะไร? คุกเข่าทำไม?”
“เมียจ๋า หลายปีมานี้ลำบากหน่อยนะ!”
“คุณ…ไปไกลๆ เลย รู้ก็ดีแล้ว”
“เมียจ๋า ขอจุ๊บทีหนึ่ง…”
…..
พอได้ยินคำพูดน้ำเน่าแบบนี้ ฟางเจิ้ง หมาป่าเดียวดาย กระรอก และเด็กแดงพากันตัวสั่น นึกถึงท่าทางของสองคนในภาพแล้วก็ตัวสั่นอีก
กระรอกพูดอย่างขมขื่น “อาจารย์ ทำไมศิษย์รู้สึกขนลุก น่าตกใจจังเลย?”
หมาป่าเดียวดายก็เอ่ย “มนุษย์น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย พูดคำนี้ได้แบบ ฉันฉี่จะราด…”
“อาจารย์ ศิษย์กลับเขาก่อนละ” เจ้าลิงพูด
ฟางเจิ้งมองค้อนพวกมัน ขี้เกียจจะสนใจเจ้าพวกนี้ นี่เพิ่งเริ่มเอง จะไปไหนกัน?
เมื่อเห็นฟางเจิ้งไม่โต้ตอบ กระรอกจึงถามด้วยความแปลกใจ “อาจารย์ ดอกไม้นั่นสวยมาก ให้ดอกไม้นั่นหมายถึงอะไรหรือ?”
“เจ้าโง่ นั่นคือการแสดงความรัก ความรักอันร้อนแรง…ช่างเถอะ พูดกับศิษย์พี่ไปก็ไม่มีประโยชน์” เด็กแดงส่ายศีรษะ
กระรอกมองค้อนเขาทีหนึ่ง “ก็แค่หาคู่ไม่ใช่หรือ? มนุษย์น่าเอือมระอาจริงๆ พวกเราหาคู่ก็ให้เมล็ดสนกันทั้งนั้น พอกินจนอิ่มแล้ว ไม่มีกระรอกตัวเมียตัวไหนรอดไปได้หรอก”
หมาป่าเดียวดายพูด “พวกเราขอแค่แข็งแกร่งก็พอ หมาป่าตัวเมียมีกันเป็นฝูงนี่? ถูกใจตัวไหนก็แย่งตัวนั้นมา ง่ายกว่าพวกนายเยอะ”
ลิงพยักหน้าเล็กน้อย “พวกเราก็ไม่ต่างกัน แต่ต้องใช้ความคิดเล็กน้อย”
เด็กแดงหัวเราะเยาะ “ชิ…มหาราชาอย่างข้าสบายกว่า นึกถึงตอนนั้นข้าเพิ่งถือกำเนิด มารดาข้าก็เตรียมหญิงรับใช้สามพันคนกับนางสนมแปดร้อยคนไว้ให้…”
โป๊ก! โป๊กๆๆ!
เสียงโขกหัวดังขึ้นรัวๆ ฟางเจิ้งโขกหัวไปทีละคน ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ทุกคนอย่าคุยโม้ ตอนนี้ออกบวชแล้ว จากนี้ไปสตรีจะไม่ข้องเกี่ยวกับพวกนายอีก พูดกันมากไปก็เปล่าประโยชน์ วันนี้พวกนายมีหน้าที่ดู!”
“ดูอะไร?” กระรอกกุมหัว ถามทั้งน้ำตาคลอ
ฟางเจิ้งพูดเน้นทีละคำ เอ่ยเสียงดังกังวานและมีอำนาจ “ดูคนอื่นแสดงความรักกัน! บอกรักสาว บอกรักแฟน แสดงความรู้สึก! ชายหญิงกระหนุงหนิง ฉุดดึงกันไปมา!”
‘พรวด!’ กระรอกพ่นผลไม้เปลือกแข็งในปากออกมา
ลิงประนมสองมือกล่าว “อาจารย์ ศิษย์พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้กวาดลานวัดให้สะอาดเลย ถ้าอย่างนั้นศิษย์กลับไปกวาดก่อนดีกว่า” เพียงเห็นการแสดงความรักของผู้สูงอายุเมื่อครู่ก ก็เกิดอาการขนลุกแล้ว ถ้าต้องเห็นต่อไปอีก เจ้าลิงคิดว่ามันอาจจะคลางแคลงได้ว่าจิตใจมุ่งสู่พุทธของตนแน่วแน่หรือไม่
เด็กแดงพูดเช่นกันว่า “อาจารย์ ข้าปวดท้อง อยากกลับไปเข้าห้องน้ำ”
กระรอกจะพูดด้วย แต่ฟางเจิ้งกวาดสายตามอง ชิงพูดขึ้นก่อน “จิ้งเจิน นักบวชไม่พูดปด อาจารย์จะให้โอกาสพูดใหม่อีกครั้ง เมื่อกี้นายจะพูดอะไรนะ?”
เจ้าลิงมองรอยยิ้มชั่วร้ายของฟางเจิ้งพลางตอบตัวสั่นระริก “คือว่า…อาจารย์ ศิษย์จะตามติดอาจารย์ทุกฝีก้าว อมิตาพุทธ…”
ฟางเจิ้งมองเด็กแดงอีกครั้ง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ศิษย์ อาจารย์ยุติธรรม จะให้โอกาสนายพูดใหม่อีกครั้ง”
“อาจารย์ ท่านเดินหน้าไปอย่างกล้าหาญ ศิษย์จะไม่ล้าหลังแม้ครึ่งก้าว!” เด็กแดงรีบแสดงความเห็น
ฟางเจิ้งพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นมองกระรอกที่อ้าปากเล็กน้อย “จิ้งควน นายอยากพูดอะไร?”
…………………………
[1] หมาในที่นี้เป็นคำแสลงจีน สื่อถึงคนโสด ทรมานหมาก็คือการโชว์หวานทรมานคนโสด