บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 459 ตัวตลก
ติงหนิงเล่นจบหนึ่งเพลงก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น เธอแสดงความเคารพไปรอบๆ อย่างมีมารยาท ส่วนเด็กชายส่งเงินให้อย่างใจกว้าง เป็นธนบัตรสีแดงปึกเล็ก
ตอนนี้เอง นางฟ้าเอ่ยขึ้นว่า “ไม่คู่ควรกับเงินมากขนาดนี้เลย คุณเล่นได้แข็งมาก น่าจะเพิ่งเคยเล่นครั้งแรกใช่ไหม?”
ติงหนิงอึ้งไป นางฟ้ากล่าวต่อว่า “คุณตั้งใจเล่นมาก แต่ให้เงินคุณมากขนาดนี้มันไม่เหมาะสม คุณหยิบไปเองแล้วกัน…”
ติงหนิงพลันหน้าแดง เหมือนจะมีโลหิตหยดลงมาแล้ว ทว่ายังคงพยายามยิ้ม “เพิ่งเรียนมาไม่นานจริงๆ ครับ ไม่นึกเลยว่าคุณผู้หญิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
“ไม่เท่าไรหรอกค่ะ ฉันเรียนไวโอลินมาห้าปี ฟังยังพอได้ แต่ถ้าเล่นก็ยังจับจุดสำคัญไม่ได้เหมือนกัน” เธอกล่าว
ติงหนิงหน้าแดงกว่าเดิม เด็กหนุ่มพูดขึ้นตอนนี้เอง “จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ เพราะไม่เพราะไม่ได้อยู่ที่เขาเล่นยังไง แต่อยู่ที่คนฟังเป็นยังไง ผมคิดว่ามันคุ้มราคานี้แล้ว” เด็ก กหนุ่มพูดจบก็ยัดเงินใส่มือติงหนิง ก่อนเอ่ย “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณไปได้ครับ”
ติงหนิงมองเงินในมืออย่างเก้ๆ กังๆ พยักหน้าและหมุนตัวเดินไป ฟางเจิ้งเห็นว่าในวินาทีนั้นติงหนิงร้องไห้!
เด็กแดงขมวดคิ้ว “นี่มันเกินไปหน่อยหรือไม่…”
“เธอเหมือนจะร้องไห้ด้วยความดีใจ…” ฟางเจิ้งว่า
เด็กแดงขยับเข้าไปดูใกล้ๆ เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ! จึงพูดด้วยสีหน้าฉงน “อาจารย์ เจ้านี่บ้าไปแล้ว…”
โป๊ก!
ฟางเจิ้งเขกหัวไปทีหนึ่ง “สมองอย่างนายอย่าคิดจะสึกเลย สึกไปก็เป็นโสด”
“ใครบอก? มารดาข้าเตรียมไว้ให้สามพันคน…เอ่อ อาจารย์ ข้าไม่ได้พูดอะไรนะ” เด็กแดงยังอยากเถียงอีก ต่อมาเห็นฟางเจิ้งทำหน้าตาเหี้ยมโหด เหมือนถ้านายกล้ารังแกหมาโสดฉันก็จะรังแก กนาย จึงหุบปากในฉับพลัน
“อาจารย์ ตอนนี้จะไปไหน?” เด็กแดงถาม
ฟางเจิ้งมองเด็กหนุ่มกับนางฟ้าของเขาแวบหนึ่ง หัวข้อสนทนาของสองคนเปลี่ยนกลับไปแล้ว คุยกันเรื่องที่ฟางเจิ้งไม่สนใจ แต่จะเห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเริ่มรุกก่อนมาก ส่วนนาง งฟ้าของเขายังยิ้มตอบอย่างนุ่มนวลตลอด ไม่รู้ว่าสนใจจริงๆ หรือไม่
ฟางเจิ้งส่ายหน้า ลากเด็กแดงออกไป พวกเขาสองคนเฝ้าเสื้อผ้าให้ติงหนิง ถ้าติงหนิงออกไปแล้วหาไม่เจอ อาจจะแจ้งตำรวจว่าพวกเขาสองคนขโมยเสื้อผ้าก็ได้…
คนทั้งสองวิ่งเร็ว ติงหนิงเดินช้า พวกเขาออกมาแล้วติงหนิงถึงเพิ่งเดินตามออกมา ฟางเจิ้งยกเลิกความฝันยามต้มข้าวฟ่าง ติงหนิงพลันเห็นสองคนหันหน้ามา จึงเช็ดๆ หน้า วิ่งเข้ามาพร้อม มรอยยิ้มอ่อนโยน “โอ้ย ข้างนอกสบาย ข้างในหนาวนิดๆ เสื้อผ้าฉันล่ะ?”
เห็นท่าทางติงหนิงแบบนี้ เด็กแดงไม่สบายใจนิดๆ จึงถาม “การแสดงของสีกาเป็นยังไงบ้าง?”
“แน่นอนว่าต้องสุดยอด! แต่ว่ายังต้องฝึกฝนอย่างหนัก น่าเสียดาย…” ติงหนิงพูดถึงตรงนี้ นัยน์ตามีประกายหม่นวูบผ่าน จากนั้นยิ้มแล้วหยิบเสื้อผ้าวิ่งออกไป
เด็กแดงมองแผ่นหลังของติงหนิงพลางเอ่ยด้วยความสับสน “อาจารย์ นางดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่ เหตุใดข้ามองไม่เข้าใจ?”
ฟางเจิ้งประนมสองมือ “อมิตาพุทธ…”
“อาจารย์ เราพูดกันแบบจริงจังได้หรือไม่ ท่านบอกคำตอบข้ามาเลยได้หรือไม่?” เด็กแดงเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ
“อาจารย์…ไม่รู้!” ฟางเจิ้งยิ้มเจื่อน เขาก็พบว่าความคิดของเด็กสาวเรียบง่าย คาดเดาไม่ได้เลย
เด็กแดงเหลือบตามองบน “อาจารย์ ดูแล้วท่านก็อย่าสึกเลย ท่านสึกมาก็คงหาภรรยาไม่ได้”
ฟางเจิ้งพูดไม่ออก
ไม่นานนักติงหนิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จากนั้นลากฟางเจิ้งกับเด็กแดงมา “ไปเถอะ เปลี่ยนสนามรบ!”
“ครั้งนี้ไปไหน?” เด็กแดงถาม
“ไปบ้านฉันก่อน ยังมีของอีกกองใหญ่ต้องไปเอามา แล้วก็ไป…ไป ถึงที่หมายแล้วพวกท่านจะรู้เอง” ติงหนิงพูดจบก็เรียกแท็กซี่อย่างเร่งร้อน กลับไปที่บ้าน
ไม่นานติงหนิงถือของถุงใหญ่ออกมา แล้วลากสองคนขึ้นรถบึ่งไปยังที่หมายอีก
“ที่นี่?” ฟางเจิ้งกับเด็กแดงมองสถานที่ข้างหน้าด้วยความตกใจ นี่คือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดยักษ์ ฟางเจิ้งเองก็เคยมาที่แบบนี้…เด็กแดงประหลาดใจ แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่ ถึงอย่างไรเขาก ก็เคยไปมหาสมุทรมาก่อนแล้ว
“ถูกต้อง ไปเถอะ! เราตั้งใจวางแผนกันนานเลย” ติงหนิงลากฟางเจิ้งกับเด็กแดงวิ่งเข้าไป ทักทายพนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนตรงหน้าประตู สองสามคนนั้นตอบกลับด้วยการหัวเราะเบาๆ ดูก ก็รู้ว่าพวกเขาสนิทสนมกันมาก เมื่อเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมาแล้ว ติงหนิงตรงไปยังห้องโถงแสดงปลาโลมาอย่างคุ้นชินยิ่ง ตอนนี้เหมือนจะไม่มีรายการแสดงอะไร ในโถงใหญ่ว่างเปล่าไม่มีคน ผ ผู้ชายคนหนึ่งนั่งเล่นมือถืออยู่ ภายในสระน้ำตรงหน้ามีปลาโลมาสองตัวว่ายไปมา พอเห็นคนเข้ามาจึงโผล่หัวออกมาทำหน้าตาประหลาดใจ
เมื่อติงหนิงเข้ามา คนคนนั้นมองมาพอดี พูดยิ้มๆ ว่า “ติงหนิงมาแล้วเหรอ ถ้าเธอไม่มาฉันจะคิดว่าไม่มาแล้วนะ สองท่านนี้คือ?”
“เพื่อนฉันเอง ท่านนี้คือหลวงพี่ฟางเจิ้ง ส่วนท่านนี้ เอ่อ…ศิษย์เขา เณรน้อยจิ้งซิน” ติงหนิงแนะนำทันที “นี่เพื่อนฉันค่ะ ครูฝึกหาน ปลาโลมาที่เขาฝึกเก่งมากเลย”
เด็กแดงหัวเราะแห้งๆ สองครั้ง ดูไม่พอใจกับคำว่าน้อยนั่นอย่างชัดเจน ทว่าไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ไม่สร้างปัญหาจะดีกว่า
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย นานวันเข้าเด็กแดงยิ่งคิดเผื่อคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ นี่นับเป็นเรื่องดี
ติงหนิงพูด “ครูฝึกหาน ฉันให้คนส่งของมาให้ ได้รึยัง?”
“ส่งมาแล้ว วางตรงนู้นน่ะ แต่ฉันจะบอกเธอไว้ว่าครั้งนี้ต้องแอบทำนะ ให้ใครรู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหา” ครูฝึกหานกำชับ
“โธ่ รู้แล้วน่า วางใจเถอะ” ติงหนิงรีบขานรับ ผลักครูฝึกหานเดินไป
ติงหนิงวิ่งกลับมาพร้อมกอดกล่องใหญ่มาด้วย “หลวงพี่ฟางเจิ้ง เณรน้อยจิ้งซิน ครั้งนี้พวกท่านต้องช่วยแล้ว”
ขณะพูดอยู่นี้ ติงหนิงหยิบดอกกุหลาบมากำใหญ่ ยัดใส่มือฟางเจิ้ง “อีกเดี๋ยวรอจนการแสดงจบลง ท่านส่งดอกไม้ช่อนี้เข้าไปแล้วพูดว่า ‘คุณผู้หญิงเซ่าซินซิ่ว สุขสันต์วันเกิด นี่คือขอ องขวัญวันเกิดที่คุณหวังหลุนมอบให้คุณ ขอให้มีความสุขชั่วนิรันดร์’ จำประโยคนี้ไว้นะคะ ห้ามลืมเด็ดขาด…เฮ้อ ช่างเถอะ ดูท่านท่าทางมึนๆ จำไม่ได้คงจบเห่กัน ฉันจะเขียนให้นะ…”
พูดจบ ติงหนิงควักกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง เขียนเสร็จแล้วก็ยัดให้ฟางเจิ้ง ก่อนจะเขียนอีกใบยัดให้เด็กแดง “อันนี้ท่านถือไว้ อืม…รออาจารย์ท่านมอบดอกไม้ให้เสร็จแล้ว ท่านก็ส่ งอันนี้ให้เธอ” ติงหนิงส่งช็อกโกแลตให้เด็กแดง
เด็กแดงมองช็อกโกแลตในมือ “นี่ไม่เหมือนอวยพรวันเกิดเลย…”
“นี่ เข้าใจความหมายก็โอเคแล้ว อย่าพูดแทงใจดำสิ?” ติงหนิงว่า ตอนนี้ครูฝึกหานตะโกนเรียก เธอเลยต้องรีบวิ่งไป ก่อนไปยังไม่ลืมเก็บของที่เหลือไว้อย่างดี
ผ่านไปไม่นาน ติงหนิงแต่งตัวเป็นตัวตลกมาปรากฏในโถงใหญ่ โบกมือให้ฟางเจิ้งกับเด็กแดงพลางถาม “เป็นยังไงคะ ดูน่าเชื่อถือไหม?”