บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 460 น้ำมันดีเซล
“หล่อตะลึง” เด็กแดงตอบ
ติงหนิงพลันยิ้มดีใจให้เขา จากนั้นวิ่งไป…
ฟางเจิ้งกับเด็กแดงสบตากัน เด็กแดงเอ่ยว่า “อาจารย์ พี่ติงหนิงพยายามจริงๆ ถ้าเจ้านั่นจีบไม่ติด ก็ต้องขอโทษพี่ติงหนิง”
ฟางเจิ้งพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง และลากเด็กแดงหลบไป
ไม่นาน หวังหลุนก็พาเซ่าซินซิวมาถึง
“หวังหลุน จะมีคนมาเหรอ วันนี้ไม่น่ามีการแสดงนี่” เซ่าซินซิวกล่าว
หวังหลุนยิ้มมีเลศนัย “ทำไมจะไม่มี? คุณดูสิ!”
พูดจบหวังหลุนปรบมือ ต่อมามีตัวตลกวิ่งมาจากข้างหลัง กระโดดตีลังกาสองตลบ ก่อนทำท่าทางซุกซน
“เอ่อ มีจริงๆ ด้วย…” เซ่าซินซิวดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ตัวตลกเล่นกับปลาโลมา นี่คือการแสดงพิเศษของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนี้ ผมเตรียมการแสดงไว้เพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ”
เซ่าซินซิวหน้าแดง ทั้งสองคนนั่งลง เห็นตัวตลกหยิบนกหวีดจากเวทีขึ้นมาเป่า ก่อนที่ตัวตลกอีกคนวิ่งจะออกมา ฝีมือตัวตลกคนนี้ไม่ได้ชำนาญขนาดนั้น กระโดดลงไปในสระน้ำด้วยท่าทางเงอ อะงะ เซ่าซินซิวขำขันทันที หวังหลุนก็หัวเราะตามเช่นกัน…
ฟางเจิ้งกับเด็กแดงขมวดคิ้ว พวกเขามองออกว่าคนที่ท่าทางเงอะงะนั่นคือติงหนิง…
ทว่าต่อมา ตัวตลกอีกคนหรือครูฝึกหานเป่านกหวีด ปลาโลมาสองตัวกระโดดลงไปในน้ำ ไม่นานติงหนิงขี่ปลาโลมาตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา ทำหน้าตาแปลกๆ ทำเอาเซ่าซินซิวเม้มปากหัวเราะ หวังหลุ นดูจนใจลอยไปนิด…
จากนั้นติงหนิงขึ้นฝั่งมา หยิบปลาตัวเล็กป้อนให้ปลาโลมา ปลาโลมากระโดดน้ำ ตีลังกา หมุนไปมา กระทั่งยังร้องเพลงด้วย การแสดงแต่ละชุดดูชำนาญมาก ฟางเจิ้งกับเด็กแดงที่ดูอยู่ตาโตอ้า าปากกว้าง ไม่มีคำจะพูดกันแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะฝึกปลาโลมาได้เชื่องขนาดนี้ นี่มันช่าง…
“อาจารย์ ข้ารู้สึกว่าพี่ติงหนิงเก่งกว่าท่าน” เด็กแดงพูด
ฟางเจิ้งพยักหน้าตาม อย่างน้อยเขาก็ทำแบบนี้ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีภาษาสัตว์
ครู่เดียวการแสดงก็จบลง เวลานี้ติงหนิงโค้งตัวทำความเคารพหวังหลุนกับเซ่าซินซิว ก่อนทำหน้าแปลกๆ ดูไปแล้วตลกมาก
หวังหลุนยืนขึ้น เชิญเซ่าซินซิวเข้าไป เซ่าซินซิวพูดด้วยความตกใจว่า “ฉันไปได้เหรอคะ?”
“ได้แน่นอน…” หวังหลุนพูดด้วยความภูมิใจ ขณะเดียวกันแววตาที่มองติงหนิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
เมื่อสองคนขึ้นเวทีมา ติงหนิงมองครูฝึกหาน ครูฝึกหานยิ้มแบบจำใจแล้วเป่านกหวีด ปลาโลมาสองตัวโผล่มาเหนือน้ำ เซ่าซินซิวลูบหัวปลาโลมาเบาๆ ยิ้มอย่างมีความสุขยิ่ง ปลาโลมาตัวห หนึ่งพลันกระโดดขึ้นมาหอมเธอทีหนึ่ง เธอร้องด้วยความตกใจยินดี หวังหลุนข้างๆ ยิ่งยิ้มเบิกบานกว่า เขารู้สึกว่าใกล้เป้าหมายของตนเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว…
ติงหนิงถอยไปเงียบๆ จากนั้นมาที่ห้องด้านข้าง พูดกับฟางเจิ้งว่า “หลวงพี่ ขึ้นไปเลย! ต้องดูที่พวกท่านแล้วนะ”
ฟางเจิ้งฝืนหัวเราะ สูดลมหายใจเข้าลึก หยิบดอกไม้สดขึ้นเวทีไป หลวงจีนมามอบดอกกุหลาบ? จริงๆ เลย ฟางเจิ้งเดาว่าเขาคงเป็นผู้ริเริ่มคนแรกในหมู่เจ้าอาวาสวัดใหญ่ทุกแห่ง ดีที่เขาไ ไม่ได้ส่งให้เพื่อตัวเอง แม้เขาจะปรารถนาให้ตนมีโอกาสมอบสักครั้งก็ตามที
เมื่อเห็นหลวงจีนจีวรขาวถือดอกกุหลาบสีแดงสดเดินเข้ามา เซ่าซินซิวถึงกับตะลึงงัน มองที่หวังหลุน “นี่…”
“คุณผู้หญิงเซ่าซินซิ่ว สุขสันต์วันเกิด นี่คือของขวัญวันเกิดที่คุณหวังหลุนมอบให้คุณ ขอให้มีความสุขชั่วนิรันดร์” ฟางเจิ้งตื่นเต้นนิดๆ ชีวิตนี้เพิ่งเคยส่งดอกกุหลาบให้ผู้หญิงเป็นคร รั้งแรก ข้ามเรื่องที่ว่ามอบให้เพื่อตัวเขาเองหรือไม่ไปก่อน ถึงอย่างไรก็มาจากมือเขา ตื่นเต้น! เหงื่อซึมหัวโล้นหมดแล้ว…
เซ่าซินซิวมองท่าทางของฟางเจิ้ง อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หวังหลุน…ฉันเพิ่งเคยได้ดอกไม้จากหลวงจีนเป็นครั้งแรกเลย คุณทำให้ฉันยากจะลืมไปทั้งชีวิตจริงๆ”
ตอนแรกหวังหลุนเห็นฟางเจิ้งถือดอกไม้ด้วยสองมือเข้ามาก็ยังกังวลเล็กน้อย แต่พอเซ่าซินซิวว่ามาแบบนี้จึงถอนหายใจโล่งอก
ขณะนี้เอง เด็กแดงเดินเข้ามา ส่งช็อกโกแลตให้ “พี่เซ่าซินซิว นี่คือช็อกโกแลตที่คุณหวังหลุนมอบให้ สุขสันต์วันเกิด”
เซ่าซินซิวมองหวังหลุน หวังหลุนหน้าแดงเล็กน้อย ทว่าก็ดูตึงเครียดและตื่นเต้นมาก
เซ่าซินซิวรับไว้ด้วยความยินดี “ขอบคุณหลวงพี่ทั้งสองท่าน ขอบคุณคุณด้วย หวังหลุน”
หวังหลุนรีบตอบ “ไม่เป็นไร” ก่อนจะพูดกับฟางเจิ้งและเด็กแดงว่า “ลำบากทั้งสองท่านแล้วนะครับ”
ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อยแล้วพาเด็กแดงหันหน้าเดินออกไป เข้าไปในห้องข้างๆ ยังไม่ทันเข้าห้องก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน ‘ฮัดชิ้ว!’
ฟางเจิ้งขมวดคิ้ว ผลักประตูเข้าไปก็เห็นติงหนิงใช้ผ้าขนหนูคลุมหัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย พอเห็นฟางเจิ้งเข้ามาจึงจะพูดบางอย่าง แต่กลับจามออกมาอีกที
เด็กแดงพูดด้วยความเป็นห่วง “พี่ติงหนิง ป่วยรึ?”
“หา? อาจเพราะเมื่อกี้วิ่งจนเหนื่อย พอลงน้ำกะทันหันเลยปรับตัวไม่ทันนิดๆ น่ะ อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว ส่งของให้รึยังคะ?” ติงหนิงตอบโดยไม่คิดอย่างนั้น
ฟางเจิ้งบอก “ให้ของไปแล้ว ถ้าสีกาไม่สบายก็พักเถอะ”
“ฉันไม่เป็นไร ร่างกายแข็งแรงดี ตั้งแต่เล็กมาแม่ไม่สนใจฉันเพราะฉันไม่ป่วย บอกว่าฉันเป็นเด็กประหลาด ต่อให้ป่วยจริงออกไปเดินๆ ก็หายแล้ว ไปเถอะ ย้ายสนามรบ! ครั้งนี้เป็นเป้าหมา ายใหญ่!” พูดจบ ติงหนิงก็ลากทั้งสองคนวิ่งไปข้างนอก
ตอนออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมา เวลาก็บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว ติงหนิงรีบเรียกรถแท็กซี่ สามคนพากันขึ้นรถรีบกลับบ้าน ครั้งนี้ติงหนิงพาฟางเจิ้งกับเด็กแดงเข้าบ้านเธอ เพียงแต่พอติงหน นิงเข้าบ้านก็ตรงไปขยับข้าวของไปมา
ฟางเจิ้งกับเด็กแดงนั่งอยู่ในห้องรับแขก ฟางเจิ้งไม่เดินไปมามั่วซั่วเลย นี่คือบ้านของคนอื่น เป็นแขกแล้วเดินไปเดินมา โดยเฉพาะไปห้องน้ำหรือห้องนอน นั่นเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก จ จุดนี้ฟางเจิ้งรู้มาตั้งแต่ยังเล็กมากแล้ว แม้เขาจะดื้อรั้น แต่ก็มีขีดจำกัด ดังนั้นเขาถึงได้มีมนุษยสัมพันธ์ในหมู่บ้านขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นคงเป็นเพียงเด็กซุกซนคนหนึ่ง เดาว่าทุ กคนคงจะหลบเลี่ยงกันไม่ทันเลยทีเดียว
ทว่าเด็กแดงไม่ได้ว่าง่ายขนาดนั้น นั่งขยับก้นไม่หยุดราวกับมีแผลเปื่อยที่ก้น ในที่สุดก็อาศัยจังหวะที่ฟางเจิ้งไม่สนใจ กระโดดลงพื้นตะโกนว่าจะเข้าห้องน้ำแล้วจึงวิ่งไปเลย
ฟางเจิ้งจะไม่ให้เขาเข้าห้องน้ำได้หรือ? ได้แต่เตือนไปว่า “บอกพี่ติงหนิงนายก่อนค่อยไป!”
เด็กแดงรีบขานรับ เจ้านี่วิ่งไปได้ครู่หนึ่ง ไม่นานก็วิ่งกลับมาอย่างลับๆ ล่อๆ นั่งลงข้างฟางเจิ้ง ทำท่าทีว่านอนสอนง่าย
“นายไปทำอะไรมา?” ฟางเจิ้งถาม
เด็กแดงตอบ “เข้าห้องน้ำแล้วก็กลับมา อาจารย์ ท่านดูสิ ข้าว่าง่ายแค่ไหน เหอะๆ…”
ฟางเจิ้งมองเด็กแดงอย่างสงสัย รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้ทำเรื่องดี ทว่าตอนนี้เอง ติงหนิงเดินออกมา กอดกล่องกระดาษใบใหญ่พูดอย่างจนปัญญาว่า “หลวงพี่ช่วยหน่อยค่ะ ไอ้นี่มันห หนักนิดๆ”
ฟางเจิ้งมองไปถึงกับผงะ “น้ำมันดีเซล? สีกาเอามาทำอะไร?”