บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 462 บันทึก
เด็กแดงแสยะปากยิ้ม หยิบบันทึกสีชมพูออกมาจากข้างหลัง “เขียนไว้ในนี้ไง”
โป๊ก!
ฟางเจิ้งเขกหัวเด็กแดงไปทีหนึ่ง ต่อว่าไปว่า “ทำไมนายถึงแอบอ่านบันทึกของคนอื่น? นี่เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนอื่น รู้ไหม?”
“อาจารย์ ข้าแค่อยากรู้อยากเห็น…” เด็กแดงกุมหัวแสร้งทำว่าเจ็บมาก เขารู้ดีว่าต้องไว้หน้าฟางเจิ้งให้พอ แล้วตนจะได้ลดโทษลง
ฟางเจิ้งยกมือเขกหัวไปอีกที “อยากรู้อยากเห็นก็อ่านของคนอื่นไม่ได้!”
“แล้วทำอย่างไร อ่านก็อ่านไปแล้ว ไม่ให้อ่านก็ไม่ได้แล้ว” เด็กแดงกล่าวด้วยสีหน้าผู้บริสุทธิ์ ทว่าในดวงตากลับสื่อความว่าท่านจะทำอะไรข้าได้!
ฟางเจิ้งทำอะไรไม่ได้จริงๆ อ่านก็อ่านไปแล้ว จะทำอย่างไรได้? ไปขอโทษถึงที่ก็จะปิดบังไปได้หรือ? นี่ไม่ใช่นิสัยของฟางเจิ้ง
“อาจารย์ ถ้าท่านจะขอโทษก็ไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้หรอก” เด็กแดงเข้าใจฟางเจิ้งมาก จึงรีบบอก
ฟางเจิ้งได้ฟังดังนั้นถึงกับขมวดคิ้ว มองติงหนิงที่กระแอมไอตลอดเวลาอยู่ไกลๆ มองท่อนไม้ที่วางบนพื้น แล้วมองเด็กแดงกับบันทึก เลิกคิ้วขึ้นพลางว่า “เล่าให้อาจารย์ฟังทีว่านายร รู้อะไรมาบ้าง”
เด็กแดงส่ายหน้า “ข้าเล่าไม่น่าสนใจหรอก อาจารย์ ท่านอ่านเองดีกว่า”
“ให้เล่าก็เล่าสิ”
“ไม่เล่า อยากรู้ท่านก็อ่านเอง!”
“นายกำลังลากอาจารย์ลงน้ำ!”
“ข้าช่วยท่านข้ามฟากต่างหาก อาจารย์ ข้าว่ามีโอกาสสูงมากที่เป้าหมายในภารกิจครั้งนี้ของพวกเราคือติงหนิง สรุปคือท่านอ่านบันทึกจบค่อยว่ากันอีกที”
ฟางเจิ้งมองเด็กแดงด้วยความสงสัย “นายยังมีอะไรที่ไม่ได้พูดอย่างนั้นเหรอ?”
“ท่านอ่านเถอะ อ่านจบแล้วจะเข้าใจ” เด็กแดงส่ายศีรษะ
ฟางเจิ้งก็อยากรู้เหมือนกัน เขาหยิบบันทึกขึ้นมาอ่าน ส่วนเด็กแดงวิ่งไปทางติงหนิงพร้อมพูดกับฟางเจิ้งว่า “ข้าจะช่วยท่านถ่วงเวลาติงหนิงหน่อย ท่านรีบอ่านแล้วกัน”
ฟางเจิ้งยิ้มเจื่อน ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีวันที่เป็นโจรจริงๆ…แม้ตอนเยาว์วัยจะเคยเป็น…ทว่าก็เป็นที่บ้านตน นั่นเรียกขโมยได้หรือ?
เปิดบันทึกหน้าแรก เวลาคือเมื่อสิบปีก่อน
‘ข้างบ้านมีพี่ชายคนหนึ่งย้ายมา ยิ้มดูดีมากเลย แต่เขาเหมือนจะไม่ชอบเล่นกับเสี่ยวหนิง ว่าเสี่ยวหนิงเป็นเด็กแก่แดด แต่เสี่ยวหนิงอยากเล่นกับเขามาก เขาเล่นโรลเลอร์สเก็ตเป ป็น เล่นเก่งด้วย…’
‘พี่ชายตัวน้อยเรียนโรงเรียนเดียวกับฉัน เรารู้จักกัน เขาชื่อหวังหลุน เป็นชื่อที่น่าสนใจมาก’
‘มัธยมสามแล้ว จะสอบกลางภาคแล้ว ผลการเรียนฉันพังไม่เป็นท่าจริงๆ ทำไมเจ้าหวังหลุนถึงเรียนเก่งขนาดนั้นนะ? เอาเถอะ รีดเค้นพลังออกมา ฉันจะเรียนพิเศษทุกวันเลย!’
‘เจ้านี่ ทำไมชอบมองฉันด้วยท่าทีรังเกียจตลอดเลย? ก็แค่สอนพิเศษฉันเองนี่? แต่ว่าฉันเป็นคนซักผ้าให้เขานะ! แม่เขาไม่ดี พ่อเขาก็เป็นคนเสเพล เสื้อผ้าตัวเองยังซักอาทิตย์ละ ครั้ง…’
‘เฮ้ย ผมสั้นเราไปหนักหัวใครรึเปล่า? ขนาดเรายังไม่เป็นอะไรเลย ก็ชอบชีวิตสบายๆ มีอิสระเสรี! นี่คือการใฝ่หาอิสระ! ทำไมในสายตาหวังหลุนถึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของหนอนขี้เกียจไปได้ ? ก็แค่ต้องให้เขามาปลุกทุกวันเองไม่ใช่รึไง แค่ตะโกนสองทีใต้ตึกแค่นั้น? ฉันจะให้เขาฝึกกำลังปอดต่างหาก!’
‘วันนี้ฝนตก หวังหลุนไม่มาตะโกนปลุกฉัน แปลกจริงๆ…’
‘ที่แท้เขาป่วยนี่เอง จะทำยังไงดี? เขาต้องกินยาไหม กินยาอะไร ต้องไปโรงพยาบาลไหม? ทำไมฉันเป็นห่วงเขาแบบนี้? อ้อ พวกเราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก รักกันบ้างก็เป็นเรื่อ องสมควร เอาละ วันนี้เริ่มช่วยซื้อยาให้เขา กินยา ไปหาหมอ แล้วก็มี…ซักผ้า ทำกับข้าว ฮือๆ ชีวิตฉันรันทดชะมัด’
‘ในที่สุดเจ้านี่ก็เต้นแร้งเต้นกาได้อีกครั้ง เริ่มเล่นโรลเลอร์สเก็ตแล้ว แต่ฉันไม่ใช่ไก่อ่อนในตอนนั้นอีก ฉันเล่นเก่งกว่าเขาอีก! ฮ่าๆ…น่าเสียดาย ถูกเยาะเย้ยว่าเป็นเด็กแก่แดดอ อีกแล้ว เด็กแก่แดดแล้วยังไง ฉันเต็มใจ!’
‘เรียนจบมัธยมต้นแล้ว! วันนี้ต้องฉลองหน่อย…’
‘ใครบอกฉันได้ไหมว่าเมื่อวานฉันกลับบ้านมาได้ยังไง ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย? ไม่ได้ดั่งใจเลย ใครซักเสื้อโค้ตให้ฉัน? พ่อขี้เกียจนั่นไม่มีทางซักให้เด็ดขาด! แม่ฉันไปบ้านน้าไม ม่ใช่เหรอ? แปลกจริงๆ…หรือว่ามีผี?’
‘ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นหวังหลุนนั่น พระเจ้า เจ้าโง่นั่นดูแลคนอื่นเป็นด้วย! แปลกมากจริงๆ ฉันยังไม่ตื่นจากฝันแน่ๆ นอนต่อ! ฮือ…ตื่นแล้ว ไม่ใช่ฝันจริงๆ รู้สึกอบอุ่นในใจ เหอะๆ ๆ…ที่แท้นี่ก็คือความรู้สึกที่มีคนดูแลนี่เอง’
‘ฮือ วันนี้มีเรื่องต่อยตีกัน! เจ้าโง่หวังหลุนนั่น ฉันถูกด่าแค่สองครั้งเอง ฉันยังไม่โกรธเลย แล้วนายจะตะโกนทำบ้าอะไร? ใครเป็นน้องสาวนาย ฉันไม่อยากเป็นน้องสาวนายหรอก…เจ้ าโง่ จมูกเขียวหน้าบวมเลย กลับบ้านมาต้องให้ฉันช่วยกลบเกลื่อนโกหกอีก แต่พออ้าปากก็บอกว่าชนประตู จากนั้นฉันก็ต้องถูกตีเพราะโกหกเป็นเพื่อนเขา แล้วฉันจะผ่านช่วงนี้ไปได้ยั งไง!’
‘กล้าต่อยหวังหลุน เรื่องนี้ไม่จบแน่ เตรียมอาวุธ พรุ่งนี้เล่นงานพวกมัน! อืม เราบอบบางขนาดนี้ คงไม่เหมาะจะลงมือต่อหน้า’
‘ว้ากฮ่าๆ เจอไม้กระบองข้างหน้า กระเบื้องข้างหลัง นี่คือกลยุทธิ์การวิวาทขั้นเทพ! ร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไอ้อ้วนนั่นนอนหมอบไปเลย! และยังถือโอกาสเอาเงินทั้งหมดของมันมาด้วย ย ฟินโคตร…ได้เพิ่มมื้อเย็นแล้ว!’
‘โศกนาฏกรรม แผนการร้ายถูกเปิดโปงแล้ว เราสองคนถูกทำโทษให้ยืนหนึ่งวัน รู้สึกว่าขาจะบวมจนเหมือนหัวไชเท้าเลย เฮ้อ…เห็นๆ อยู่ว่าเราถูกรังแก ก็แค่แก้แค้นกลับ ทำไมอาจารย์ถึง งมองว่าฉันล่อลวงให้นักเรียนดีเด่นไปทะเลาะวิวาท? ทำไมฉันถูกใส่ร้ายแบบนี้! ฉันถูกเอาเปรียบกว่าโต้วเอ๋อ[1]อีก’
‘มัธยมสี่แล้ว ไม่อยากเชื่อว่าต้องแบ่งสายการเรียน เจ้าบ้าหวังหลุนนั่นต่อสายวิทย์ แล้วฉันควรต่อสายอะไร? คณิตศาสตร์ยากจะตาย…’
‘เอาละ โยนกระดาษขาวตัดสินชะตาชีวิตแล้วกัน พระเจ้าจะลงโทษฉันจริงๆ ทุกครั้งด้านสีขาวจะชี้ขึ้นฟ้าตลอด ฉันจะฝืนต่อสายวิทย์แล้วกัน…ไม่รู้ว่าใครเป็นคนประดิษฐ์ให้สองข้างกระดาษ A4 4 เป็นสีขาว หลอกลวง!’
‘วันนี้จะฉลองวันเกิด เจ้าโง่หวังหลุนซื้อกระดิ่งให้ฉัน! กระดิ่งใบเดียว! เจ้าบ้านี่ให้กระดิ่งในวัดเกิดฉัน! ฉันจะฆ่าเขา! อ๊ากๆ…จะวาดวงกลมสาปเขาทั้งคืนไม่นอนเลย!’
‘ฮ่าๆ วัดเกิดหวังหลุน ฉันก็ให้กระดิ่งเขาเหมือนกัน แค่กๆ…แต่เจ้าโง่นั่นเหมือนจะไม่เข้าใจว่าให้กระดิ่งหมายถึงอะไร จริงๆ เลย อัจฉริยะกับโง่ต่างกันแค่ภาษาเท่านั้นเอง’
‘มัธยมหกแล้ว ฉันต้องพยายาม ไม่อย่างนั้นอย่าคิดจะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ เลย อืม พยายามลองดูหน่อย ถ้าเกิดสำเร็จล่ะ?’
‘ว้าว ฉันเป็นอัจฉริยะจริงๆ! สอบประจำเดือนครั้งแรกก็ได้ที่ห้าของห้อง! จากที่สิบห้าสู่อันดับห้า พระเจ้า! แม่เจ้าโว้ย ไอนสไตน์มาสิงฉันรึเปล่า?’
‘การเขียนปณิธานเป็นการเลือกที่ยากมากจริงๆ หวังหลุนสมัครมหาวิทยาลัยเหอกง ฉันสมัครอะไรล่ะ? ปณิธานที่หนึ่ง ปณิธานที่สอง ปณิธานที่สาม…ปณิธานเยอะขนาดนี้ คิดมากไปก็ทำร้ายสมอง ถ ถ้าเกิดทำลายเซลล์สมองมากเกินไปจนสอบไม่ดีล่ะจะทำยังไง? ช่างเถอะ เลือกมหาวิทยาลัยเหอกงแล้วกัน’
…………………….
[1] โต้วเอ๋อ เป็นตัวละครจากเรื่องพยาบาทของโต้วเอ๋อ เป็นเรื่องราวชีวิตรันทดของโต้วเอ๋อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โต้วเอ๋อจึงเป็นสัญลักษณ์ของความอยุติธรรม