บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 476 หลวงจีนนับเงิน
สวีเหยียนพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี มองผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแล้วพูดด้วยความงุนงง “พวกนาย…”
“พี่สวี พี่ไม่ได้พาหลวงจีนมานะ เขาเป็นเทพพนันรึเปล่า?” ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตดำถามพลางสะอื้นไห้
สวีเหยียนเอ่ยงงๆ ว่า “ไม่ใช่…พวกนาย…เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่สวี หลวงจีนนี่ชนะเอาเงินเราไปหมดแล้ว! พี่ว่าทำไงดี ผมไม่มีเงินค่าอาหารเดือนหน้าแล้ว…” ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตดำอยากจะร้องไห้จริงๆ ไม่มีเงินกินข้าวแล้วจะอยู่อย่างไร?
“ผู้ดูแล เราแพ้หมดท่าเลย” ชายหญิงอีกสองคนร้องตาม
สวีเหยียนมองคนอื่น ปรากฏว่าสิบสองคนที่ล้อมอยู่ด้วยกัน คนพัดกับคนรินน้ำก็ไม่มีใครเหลือรอด แพ้หมดรูปทุกคน! ไม่เหลือเงินแม้แต่หยวนเดียว!
สวีเหยียนโกรธแล้ว “ฉันให้พวกนายเล่นไพ่เป็นเพื่อนหลวงพี่ ทำไมพวกนายทำแบบนี้? ทำไมเล่นหนักแบบนี้? นี่มันผิดกฎ!”
“ผู้ดูแล พวกเราก็เล่นตามกฎนะ ลงเงินทีละหยวน ลงสูงสุดสิบหยวน แต่หลวงจีนนี่ได้ตอง A ทุกครั้งเลย! แล้วก็ลงเงินสูงสุด ลงทีสิบหยวน จากนั้นเปิดไพ่! ไม่ถึงสามนาที! พวกเราเหลือ เงินในกระเป๋าไม่เท่าไร ร้อยกว่าหยวนหายไปในพริบตาเลย…” ชายสวมเสื้อเชิ้ตดำพูดเศร้าๆ
“แล้วพวกนายล่ะ? พวกนายก็เล่นเหมือนกันเหรอ” สวีเหยียนมองคนอื่น ตามแผนการแล้ว เมื่อคนใหม่มาจะได้รับการดูแลทุกอย่าง เล่นไพ่ก็ยอมให้ชนะ เพื่อให้อีกฝ่ายลดความระแวงลงและมีคว วามสุข จากนั้นเตรียมหลุมใหญ่ให้ตกลงไปตายก็จบเรื่อง ผลคือสถานการณ์ตอนนี้ไม่ถูกทางนิดๆ ไม่รู้ทำไมสวีเหยียนถึงรู้สึกว่าตั้งแต่เจอหลวงจีนนี่มา อะไรๆ ก็ไม่ผิดเพี้ยนไปหมด! แผนการ รที่เมื่อก่อนสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์พากันล้มเหลวไม่เท่าไร แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าตนหลอกอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่ทันไรกลับถูกหลอกเสียเอง!
แต่พอคิดได้ว่าฟางเจิ้งให้ความร่วมมือมาก มือถือก็ให้มา ตัวคนก็อยู่นี่ แถมไม่ได้ร้องโวยวายว่าจะกลับ ในกระเป๋ามีเงิน เบื้องหลังยังมีเงิน อีกทั้งไม่ก่อเรื่องก่อราว เด็กดีแบบนี มีไม่เยอะ ดังนั้นสวีเหยียนจึงไม่ได้สร้างความลำบากให้ฟางเจิ้ง แถมไม่ได้ตะโกนใส่เขา
คนอื่นๆ มองสวีเหยียนด้วยความคับอกคับใจ “ผู้ดูแล พวกเราก็ไม่อยากเล่นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นพวกเขาเล่นแล้วก็อยากเล่นตามสักหน่อย แต่พอเข้าไปลงทีละคนก็แพ้กันหมดรูปท ทั้งหมด”
มองเจ้าพวกนี้ที่มีสภาพใจฝ่อแล้ว สวีเหยียนก็ปะทุความโกรธออกมา สิบสองคน คนหนึ่งแพ้ร้อยสองร้อยหยวน พูดได้ว่าหลวงจีนนี่เข้ามาที่บ้านพวกเขาแล้วไม่ควักเงินแม้แต่หยวนเดียว แถมยังได้กำไรไปสี่ห้าพันหยวน! นี่มันไม่ถูกต้อง! เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลวงจีนข้างๆ นี่ไม่ใช่หลวงจีนธรรมดา สร้างภาพมายาและความทะยานอยากให้คนก็ยังไม่มีปัญหา
ตอนนี้เอง ฟางเจิ้งยืนขึ้นมา ยัดเงินปึกนั้นเข้ากระเป๋าตัวเองต่อหน้าใบหน้าที่มีดวงตาแดงก่ำของทุกคน จากนั้นยังตบๆ ตรงที่นูนออกมา จนทุกคนที่มองอยู่ตาแดงกว่าเดิม! ต่อมาจึงค่ อยประนมสองมือแสดงความเคารพรอบๆ “อมิตาพุทธ ขอบคุณทุกท่านที่ยอมให้ ความจริงแล้วอาตมาเล่นไพ่ไม่เป็นหรอก เอาละ ประสกสวี เมื่อไรต้าเฉิงจะมาล่ะ?”
เมื่อได้ยินว่าเล่นไพ่ไม่เป็น ทุกคนพากันมองตาเขียว กระทั่งเกิดอารมณ์ชั่ววูบว่าอยากจะกัดหลวงจีนนี่ให้ตายเสีย! ทว่าสวีเหยียนอยู่ด้วย ทุกคนเลยไม่พูดอะไร แต่รอให้สวีเหยียนจ จัดการ
พอสวีเหยียนได้ยินว่าหลิวต้าเฉิงคำนี้ ทันใดนั้นก็ไม่มีใจคิดจะโกรธ หลิวต้าเฉิงเป็นคนนัดอีกฝ่ายมา ตอนนี้หลิวต้าเฉิงออกหน้ามาไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเปิดเผยอะไรมากเกินไป ถึ งอย่างไรไม่ว่ามองมุมไหนหลิวต้าเฉิงก็ดูไม่เหมือนผู้จัดการใหญ่บริษัท อีกอย่าง หรือจะพาฟางเจิ้งออกไปเที่ยวเล่นจริง? หลิวต้าเฉิงมีเงินมากขนาดนั้นหรือ? ทว่าหลิวต้าเฉิงก็เป็นตัว วสำคัญอีก ถ้าจัดการไม่ดี เรื่องราวก่อนหลังอาจจะไม่สัมพันธ์กัน ไม่เป็นผลดีกับการอบรมล้างสมองหลังจากนี้
สวีเหยียนจึงพูดว่า “สองวันนี้ประธานหลิวกำลังคุยเรื่องโครงการหนึ่งอยู่ ออกไปทำงานข้างนอกน่ะ ยุ่งมาก ยังไม่มาเร็วๆ นี้ แต่เขาบอกว่าเพื่อนเก่ามาทั้งทีจะต้องมาให้ได้ ตอนนี้กำล ลังเร่งจัดการงานในมืออยู่ เร็วสุดก็พรุ่งนี้ถึงมา ช้าสุดก็วันมะรืน”
ฟางเจิ้งได้ฟังแบบนั้นก็พูดด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ “ต้าเฉิงมีไมตรีจริงๆ ขามายังซื้อตั๋วรถให้อาตมา เอารถมารับ ดูแลอาหารและที่พัก แถมไปเที่ยวเป็นเพื่อนอีก อาตมาเกรงใจจัง ถ้าต้าเฉิ งยุ่งจริงๆ ประสกก็บอกเขาว่าให้ทำงานเถอะ ไม่ต้องดูแลอาตมา ถึงยังไงอาตมาก็ว่าง จะรออยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะกลับมา ให้มองธุรกิจเขาเป็นหลักเถอะ”
พอได้ยินว่าตั๋วรถไฟ ทุกคนที่นี่มีสีหน้ามืดทะมึน ตัวเองจ่ายเงินให้ลูกค้าเป้าหมายซื้อตั๋วรถไฟ? นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขา และก็ไม่เคยเห็นใครถูกเชิญชวนมาแบบนี้เหมือนกัน! ที่สำคั ญคือตั๋วใบนั้นของฟางเจิ้งเป็นตั๋วที่ทุกคนรวมเงินกันซื้อ ต่างมีส่วนร่วมด้วยกัน!
ทว่าฟังจากประโยคหลัง ฟางเจิ้งไม่สนใจว่าหลิวต้าเฉินจะกลับมาช้า แถมยังอยากอยู่ต่ออีกหลายวัน ฉับพลันนั้นทุกคนต่างยิ้มแย้ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ คนที่เข้าประตูพวกเขามา ต่อให้โง่ กว่านี้ก็จะรู้สึกว่าผิดปกติ แล้วหาเหตุผลต่างๆ นานาอยากจะออกไป นี่คือจุดที่พวกเขาจัดการยาก ดังนั้นปกติพวกเขาจะให้อีกฝ่ายไปนอน คุยกันน้อยๆ รออีกฝ่ายนอนแล้วถึงหยิบมือถือ เงินสด บัตรเครดิต และบัตรประชาชนอีกฝ่ายมา ประกอบกับมีคนคอยเฝ้าดูยี่สิบสี่ชั่วโมง โดยพื้นฐานแล้วจะหนีไม่รอด
ทำมาตั้งนาน พวกเขาเพิ่งเคยเจอแบบฟางเจิ้งที่เป็นฝ่ายขอไม่ไปเองเป็นครั้งแรก
ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็ดีใจกันมาก สวีเหยียนยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมกินข้าวเถอะ”
ฟางเจิ้งพยักหน้าติดๆ กัน สวีเหยียนพาฟางเจิ้งเข้าไปในห้องหนึ่ง ในห้องมีโต๊ะและเก้าอี้ แม้จะเก่าไปบ้าง แต่ก็เหมือนจะไม่สำคัญ ไม่นานซ่งเข่อหลิงยกบะหมี่สองชามเข้ามาวางลงบนโต๊ะ ะ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “วันนี้อากาศร้อนเป็นพิเศษ กินบะหมี่น้ำหน่อยจะได้สบายๆ”
ฟางเจิ้งมองชามใหญ่ตรงหน้า ชามไม่เล็ก มีขนาดเท่าสองฝ่ามือ น้ำซุปก็เยอะเต็มชาม! ทว่าทำไมมองเห็นเส้นชัดแบบนี้ แต่ละเส้นมองแยกแยะได้ง่ายขนาดนั้นเลย? ด้านบนนอกจากต้นหอมนิดหน่อย ยแล้ว แม้แต่น้ำมันก็ยังดูไม่ออก ฟางเจิ้งเห็นว่าซ่งเข่อหลิงมีสีหน้าแววตาตะกละตะกลามของสิ่งนี้ ถึงจะซ่อนความกระหายต่อบะหมี่ได้ในตอนแรก แต่ก็ยังไม่พ้นตาทิพย์ของฟางเจิ้งไปได้
“หลวงพี่ ไม่ต้องเกรงใจนะ กินเถอะ” สวีเหยียนเริ่มขยับแล้ว ดูดกินซู้ดๆ อย่างมีความสุข
ในที่สุดฟางเจิ้งก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนพวกนี้ถึงดูอดอยาก ดูท่าชีวิตจะไม่ค่อยดีนัก!
ฟางเจิ้งเลยถาม “กินเต็มที่ได้เลยไหม?”
สวีเหยียนกับซ่งเข่อหลิงอึ้งค้าง ก่อนจะมองตากัน สวีเหยียนกัดฟันบอก “กินได้เต็มที่เลยครับ!”
จากนั้นสวีเหยียนเห็นฟางเจิ้งกินเนิบๆ ความเร็วไม่มาก ทุกการกระทำบ่งบอกว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูมา กินบะหมี่ไม่มีเสียง เห็นดังนั้นสวีเหยียนเลยหน้าแดง กินเนิบๆ ด้วยเช่นกัน
ซ่งเข่อหลิงออกไปกินข้าวแล้ว แต่ออกไปไม่นาน สวีเหยียนก็เรียกเธอเข้ามา
“หลวงพี่กินหมดแล้ว อยากกินอีกชาม เธอไปเอามาอีกชาม” สวีเหยียนว่า
ซ่งเข่อหลิงพยักหน้าแล้วออกไป สักครู่ก็ยกบะหมี่มาให้อีกชาม ฟางเจิ้งกินต่อ…
สิบนาทีต่อมา
“หลวงพี่ ท่านยังจะกินอีก?” สวีเหยียนเห็นฟางเจิ้งทำสีหน้ายังกินได้อีก จึงถามหยั่งเชิง
“อาตมากระเพาะใหญ่” ฟางเจิ้งตอบเบาๆ
สวีเหยียนจนปัญญา ได้แต่ให้บะหมี่เต็มชามกับฟางเจิ้งต่อไป
สิบนาทีต่อมา
“หลวงพี่ ท่าน…” สวีเหยียนมองชามว่างเปล่าตรงหน้าพลางถาม
“อาตมายังกินได้อีก” ฟางเจิ้งตอบยิ้มๆ
สวีเหยียนหน้าดำทะมึนโดยพลัน สามชามแล้ว! แถมยังกินหมดแบบไม่เหลือน้ำซุปด้วย! ท้องหลวงจีนนี่เป็นท้องวัวรึไง? กินอะไรจะเยอะขนาดนั้น!
“ซ่อเข่อหลิง เธอเอามาให้หลวงพี่อีกชาม” สวีเหยียนเอ่ยอย่างหมดหนทาง
ซ่งเข่อหลิงพูดตามเศร้าๆ ว่า “หมดแล้ว…ในครัวเหลือเท่านี้ เมื่อกี้หลวงพี่เพิ่งกินไปหมด”