บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 481 เริ่มเรียน
ได้ยินดังนั้น เพลิงโทสะของหลี่จิ้งชูมอดดับลงไปไม่น้อย อย่างน้อยไอ้ลาหัวล้านก็ยังรู้จักเคารพเธอที่เป็นหัวหน้าคนนี้
แต่เพลิงโทสะเพิ่งมอดลงก็ลุกโหมขึ้นมาอีกครั้ง!
เพราะไอ้ลาหัวล้านนี่ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร หยิบไปพลางยัดใส่ปากไปพลาง หมั่นโถวใหญ่ขนาดนั้นใช้มือข้างเดียวบีบเป็นก้อนแล้วยัดใส่ปากทันที! หนึ่งคำหนึ่งก้อน ในมือถือไว้สิบอัน น ตอนที่เดินมาถึงตรงหน้าเธอก็กินหมดแล้ว! ทว่าฟางเจิ้งก็ยังมองหลี่จิ้งชูด้วยความเก้อเขิน ยิ้มบอกว่า “ว้า กินหมดแล้ว ไม่เป็นไร หัวหน้ารอเดี๋ยว อาตมาจะไปเอามาอีก”
เมื่อได้ยินว่าฟางเจิ้งจะกลับมาเอาอีก กลุ่มคนข้างหลังลงมืออย่างรวดเร็ว หมั่นโถวไม่ถึงสิบกว่าอันที่เหลืออยู่หมดเกลี้ยงในพริบตา! คนที่แย่งได้ลำพองใจ คนที่แย่งไม่ได้เศร้าสลดหม่ นหมอง แต่ว่าไม่นานพวกเขาก็ทำท่าจะร้องไห้ เพราะตอนที่พวกเขาอยากจะกินผักดองเค็มรองท้อง ผักดองเค็มสองจานนั้นก็ถูกไอ้ลาหัวล้านนั่นยกไปแล้ว! พวกเขากำลังจะตำหนิ ผลคือไอ้พร ระบ้าวางผักดองเค็มลงตรงหน้าหัวหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หัวหน้า หมั่นโถวหมดแล้ว แต่ยังมีผักดองเค็ม คุณไม่กินเหรอ?”
ได้ยินแบบนี้ใครจะกล้าว่า? อีกฝ่ายเอาไปให้หัวหน้า เลยได้แต่ด่าทอในใจยกใหญ่
ทว่าหลี่จิ้งชูไม่ดีใจ กลับกัน เธอโกรธมาก โกรธมากๆ! ผักดองเค็มบ้านตนเป็นอย่างไรเธอจะไม่รู้เหรอ? ตอนซื้อมาก็เค็มมาก เพื่อประหยัดเธอเลยเพิ่มเกลือลงไปอีกถุง คนอื่นขายผักแ แช่ แต่ผักดองเค็มที่นี่คือผักดองเค็มจริงๆ! ให้กินผักดองเค็มเปล่าๆ สองจาน? นี่กะจะให้เธอเค็มจนตายชัดๆ!
แต่ไอ้ลาหัวล้านทำแบบนั้น ทุกอย่างก็เพื่อรอยยิ้มของหัวหน้า ทำเอาหลี่จิ้งชูโกรธจนกัดฟันกรอด สุดท้ายจึงเค้นคำออกมาจากในปาก “ฉันอิ่มแล้ว…พวกเธอกินเถอะ”
สวีเหยียนเห็นแบบนั้นก็รีบพูด “หัวหน้า ผมยังมีหมั่นโถวอีกอัน ผมไม่หิว คุณกินก่อนไหม”
“ไปให้พ้น!” หลี่จิ้งชูจะระบายโทสะกับคนมาใหม่ที่ยังไม่จ่ายเงินอย่างฟางเจิ้งไม่ได้ ทว่าระบายใส่สวีเหยียนได้ไม่ใช่ปัญหา เพลิงโทสะพลันปะทุขึ้นมา อ้าปากกว้างเอ่ยคำว่าไสหัวไปพร้ อมกับน้ำลายที่กระจายไม่ขาดสาย ประหนึ่งภูเขาไฟระเบิด เขื่อนแม่น้ำแตก พริบตาเดียวก็ล้างหน้าให้สวีเหยียน…
สวีเหยียนร้องว่ารังเกียจในใจ แต่เขาจะพูดอะไรได้? ที่นี่มีระบบการแบ่งระดับที่เข้มงวด หัวหน้าคือผู้ปกครองบ้านนี้ ผู้ดูแลอย่างเขาเป็นเพียงรองหัวหน้า เป็นหัวโจกเล็กๆ ก็ถือว่า าได้ควบคุมทั้งหมดแล้ว…ระดับหนึ่งยิ่งใหญ่ดั่งฟ้า เขาจะกล้าพูดจาไร้สาระหรือ
หลี่จิ้งชูกลับสำนักงานเธอทันที สวีเหยียนก็มีความโกรธคุกรุ่นอยู่เต็มอกเช่นกัน…
ตอนนี้เอง ฟางเจิ้งขยับเข้ามาใกล้ “ผู้ดูแลสวี ถ้าไม่หิวก็ให้อาตมากินเถอะ”
พริบตานั้น เพลิงโทสะในอกสวีเหยียนพุ่งพรวดขึ้นมา อ้าปากตะโกนด่า “กินอะไร? นายไม่รู้เหรอว่าหมั่นโถวนี่คำนวณตามจำนวนคน? หนึ่งคนหนึ่งอัน! นายกินคนเดียวไปเยอะขนาดนั้น คนอื นจะกินอะไร? ดูซิ พี่น้องยังไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น กำลังหิวอยู่น่ะ!”
ฟางเจิ้งทำหน้าท่าทางว่าฉันกลัวแล้ว ก่อนเอ่ยว่า “เห็น แต่อาตมายังหิวอยู่เลยนี่ ทุกคนหิวกันหมด ไม่มีโดนเอาเปรียบ”
“นาย…” สวีเหยียนโกรธจนตาแทบเหลือก ปาหมั่นโถวใส่ตามจิตใต้สำนึก แต่ฟางเจิ้งคว้าไว้ได้พอดี ก่อนโยนใส่ปากกินเข้าไป แถมยังเอ่ยอีกประโยค “ขอบคุณผู้ดูแลสวี ฮา” จากนั้นจึงหันหัวโล้ นแวววาวให้สวีเหยียนแล้วเดินจากไป!
สวีเหยียนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา มื้อเช้าของเขา! ไอ้เวร หิวโว้ย!
ฟางเจิ้งอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนตรงไปที่ห้องน้ำ ควักหมั่นโถวออกจากอกเสื้อทีละอันแล้วโยนใส่ในห้องน้ำ จากนั้นพุ่งออกไป ไม่ผิด เขาไม่ได้กินหมั่นโถวเหล่านี้ ก็เหมือนกับบะหมี่เมื่อ อวาน เขาไม่ได้กินเลย เพียงแต่ใช้อภินิหารความฝันยามต้มข้าวฟ่างทำให้ทุกคนเห็นภาพลวงตาว่าเขากินเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เด็กแดงที่ในท้องมีอัคคีฌาน กินอะไรก็เผาได้หมด ส สามารถกินต่อได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่ห้องน้ำตรงหน้านี่ก็ทำให้กินได้ไม่จำกัดเช่นกัน…
เมื่อทิ้งหลักฐานทั้งหมดแล้ว ฟางเจิ้งก็ออกไปอย่างสบายใจ
เมื่อออกมาก็เห็นสวีเหยียนที่เมื่อครู่ยังโกรธกำลังพยายามปั้นรอยยิ้มบางๆ พิงตรงปากประตูอยู่พอดี เขาพูดยิ้มๆ ว่า “ฟางเจิ้ง นายมาตั้งนานแล้ว ควรจ่ายค่าอาหารหน่อยไหม?”
“หลิวต้าเฉิงบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องอาหารและที่พักให้ทั้งหมดนี่ ทำไมจะต้องจ่ายค่าอาหาร?” ฟางเจิ้งถามกลับ
“ใช่ หัวหน้าหลิวบอก เขาจะจัดการทุกอย่างให้ แต่ว่าหัวหน้าหลิวยังไม่กลับมา…นายก็รู้ว่าเขายุ่ง ยุ่งจนไม่รู้จะกลับมาวันไหน แต่นายต้องอยู่ที่นี่ยาว ตามกฎของครอบครัวแล้ว ทุก กคนต้องจ่ายค่าอาหาร หัวหน้าหลิวบอกว่าให้นายจ่ายไปก่อน กลับมาเขาจะคืนให้” สวีเหยียนตอบ
“อย่างนั้นเอง…ได้ นายรอก่อนนะ อาตมาจะไปเอามาให้” พูดจบฟางเจิ้งกลับไปในห้อง ก่อนจะถาม “เท่าไร?”
“หนึ่งเดือนหนึ่ง…” สวีเหยียนจะบอกว่าหนึ่งพัน แต่พอนึกถึงความกินจุของฟางเจิ้งแล้วจึงกัดฟันบอกว่า “สองพัน”
เดิมทีสวีเหยียนคิดว่าคงจะได้เงินตรงนี้ยากมาก กระทั่งเตรียมต่อราคากับฟางเจิ้งมาอย่างดี ทว่าฟางเจิ้งหยิบเงินมาสองพันจากในกระเป๋าแล้วยัดใส่มือเขา นั่นแหละเรียกว่าฟิน! ฟินจนส สวีเหยียนเหมือนอยู่ในความฝัน! เขาไม่เคยรู้สึกเบาสบายแบบนี้มาก่อน ได้เงินค่าอาหารจากมือคนใหม่! ความรู้สึกนี้มันฟินมาก…
“ผู้ดูแลสวี วันนี้ไม่มีอะไรทำเลย เราไปเล่นไพ่กันเถอะ” สวีเหยียนยังไม่ทันฟิน ก็ได้ยินฟางเจิ้งพูดแบบนี้
พอได้ยินว่าเล่นไพ่ สวีเหยียนตัวสั่น พลันนึกขึ้นได้ว่าเงินพวกนี้เหมือนจะเป็นเงินที่ชนะได้ไปจากพวกเขา! ได้ตองA ทุกครั้ง! คนโง่เท่านั้นที่จะเล่นกับไอ้เด็กเวรนี่!
หนำซ้ำยังมีเรื่องสำคัญต้องทำด้วย
สวีเหยียนรีบพูด “ฟางเจิ้ง วันนี้พวกเรามีคาบเรียน ไว้ค่อยหาเวลาเล่นเถอะ อาจารย์มาแล้ว ไปเข้าเรียนบ้านข้างๆ”
“เข้าเรียน?” ฟางเจิ้งถาม
“ใช่ เมื่อวานก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ วันนี้มีแขกคนที่สำคัญและมีเกียรติมากๆ มาเพื่อนายโดยเฉพาะ นายรู้ไหมว่าเขามีฐานะอะไร? เศรษฐีระดับสิบล้าน! เป็นเศรษฐีที่มีชื่อของเป่ยเจ จียง เขาตั้งใจรีบขับรถมาเพราะเห็นแก่หน้าของหัวหน้าหลิว มาเพื่อบรรยายบทชี้ทางสว่างชีวิตให้กับนายเลย! ถ้าเข้าใจชั้นเรียนนี้ นายจะเข้าใจว่าชีวิตนี้ควรเป็นคนอย่างไร” สวีเหยีย ยนเอ่ยทันที
ฟางเจิ้งขบคิด เมื่อวานสวีเหยียนเคยพูดจริง เพียงแต่ไม่ได้พูดละเอียดเท่านี้ แต่อย่างไรก็ได้ ฟางเจิ้งตอบไปว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ฟังหน่อยแล้วกัน”
“ใช่! โอกาสหายากรีบคว้าไว้เถอะ อ้อ นี่สมุดบันทึกกับปากกานาย ฟังให้มากๆ ถามให้น้อยๆ จำไว้ให้เยอะ มีปัญหาอะไรหลังเลิกเรียนค่อยถาม เพื่อนนักเรียนข้างๆ นายเป็นนักเรียนเก่า รู อะไรเยอะมาก เรียนรู้กับพวกเขาเยอะๆ จะดีกับตัวนาย” สวีเหยียนแนะนำ
ฟางเจิ้งพยักหน้าตาม เขาเก็บสมุดบันทึกก่อนตามไปบ้านข้างๆ
พอเข้าประตูไป เห็นเพียงกลุ่มคนอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่ ชายหญิงนั่งบนพื้น ข้างหลังยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังวาดภาพ เด็กสาวคนหนึ่งในนั้นอุ้มทารกที่ไม่รู้ว่าอายุกี่เดือนและก กำลังให้นม แต่สรุปโดยรวมคือ ชั้นเรียนนี้นับว่ามีลำดับขั้นตอน