บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 482 บ้านเมตตา
เพียงแต่ว่าพอมองเด็กสองคนนั้น ใจของฟางเจิ้งสั่นไหว คนที่โตกว่าหน่อยน่าจะเข้าเรียนได้แล้ว แต่กลับอยู่ที่นี่ ฟังเรื่องบ้าบอเหล่านี้ ลูกนกควรจะอยู่ใต้ปีกบุพการี เงยหน้ามอง ฟ้า แต่กลับฝันถึงอนาคตจอมปลอมอยู่ในกรงเหล็กนี่ น่าเศร้าจริงๆ…เมื่อมองไปที่ทารกคนนั้น ฟางเจิ้งปวดใจยิ่งกว่า เพราะเด็กคนนี้ไม่ได้ขาวอวบเหมือนกับเด็กส่วนใหญ่ แต่ผอมนิดๆ เห็น นได้ว่าคงจะหิว มารดากินไม่อิ่ม แล้วจะเอานมจากไหนให้ลูก? ซื้อนมผง? แล้วจะเอาเงินจากไหนซื้อนมผง?
ทว่าฟางเจิ้งโกรธมารดาของเด็กยิ่งกว่า เป็นแบบนี้แล้วยังโง่งมงายไม่ตระหนักรู้ ยังไม่ยอมออกไป ยังไม่ละทิ้งความฝันที่ไม่มีอยู่นี้ไปใช้ชีวิตดีๆ และนำทางลูกน้อยไป…
แน่นอนว่าคนที่ฟางเจิ้งโกรธที่สุดคือสวีเหยียน หลี่จิ้งชู และยังมีคนที่เหมือนกับผีเข้าเหล่านี้! คนพวกนี้ขายวิญญาณให้ปีศาจ พวกเขาต้องการทำลายครอบครัวที่สมบูรณ์ทีละครอบครัวแล ล้วกลืนกิน…! ตอนนี้ แววตาที่ฟางเจิ้งมองพวกเขาเหี้ยมโหดและคมกริบมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าทุกอย่างถูกเขาซ่อนไว้ในส่วนลึกดวงตา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาปะทุ…
ทว่าเด็กทารกคนนั้นกลับฝากภาพจำลึกๆ ไว้ในใจฟางเจิ้ง ดวงตาโตที่นูนออกมา ผิวสีเหลืองเทียน แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือแววตาที่บริสุทธิ์นั้น! ดวงตาบริสุทธิ์คู่นั้นสว่างไสวชัดเจนท่า ามกลางสายตาละโมบและหลงทาง ราวกับแสงไฟยามคืนมืด สาดให้แสงสว่างแห่งความหวัง…เขาไม่ควรอยู่ที่นี่ และไม่ควรรับกรรมนี้!
คิดได้ดังนั้น ฟางเจิ้งแอบตัดสินใจเงียบๆ
เมื่อฟางเจิ้งเข้ามา ซ่งเข่อหลิงพลันลุกขึ้น ยกที่นั่งด้านหน้าสุดและกำแพงติดชิดกระดานไวท์บอร์ดมากที่สุดให้ฟางเจิ้ง ทั้งยังกำชับว่า “ฉันให้นายนั่งที่ฉัน ตั้งใจเรียน สู้ๆ!”
ฟางเจิ้งเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ “แน่นอน!”
จากนั้นฟางเจิ้งนั่งลง หยิบสมุดกับปากกาออกมา ทำท่าทางตั้งใจเรียน
เห็นดังนั้น สวีเหยียนกับซ่งเข่อหลิงถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะก่อเรื่อง แต่กลัวว่าฟางเจิ้งจะไม่ตั้งใจเรียน ขอแค่ตั้งใจเรียน พวกเขาเชื่อว่าไม่เกินสามวัน ไม่ว่า าเขาจะเป็นหลวงจีนหรือแม่ชีก็ต้องอยากร่ำรวยไปกับพวกเขาอย่างว่าง่าย! ขณะเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นแสงอรุณแห่งกำไร ในที่สุดไอ้ลาหัวล้านนี่ก็สงบสักที!
แน่นอนว่าสวีเหยียนยังไม่วางใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรหลังจากลาหัวล้านมา ในบ้านนี้ก็ไม่เคยสงบเลย แต่พอเห็นท่าทีจริงจังของฟางเจิ้งรวมถึงรอบๆ เป็นคนของตนนั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าหัวล้านนี่จะก่อเรื่องอะไรได้ เลยวางใจไปนั่งข้างหลัง เข้าเรียนเช่นกัน
ตอนนี้ ฟางเจิ้งไม่ได้มองสวีเหยียนกับซ่งเข่อหลิงนานแล้ว แต่กำลังพิจารณาเศรษฐีระดับสิบล้านตรงหน้าอย่างจริงจังยิ่ง!
อีกฝ่ายเป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วม เส้นผมสีแดงเข้มๆ ผิวขาวจัด ดูมีชีวิตชีวามาก ยืนตัวตรง ใบหน้าอวบๆ ขณะเดียวกันยังมีความโอหังที่อยู่ในตำแหน่งสูงมานาน ตอนที่มองทุกคนจะเหมือนก กำลังมองผู้ใต้บัญชาของตน ถ้ามองจากภายนอกง่ายๆ จะบอกว่าเธอมีฐานะระดับสิบล้าน ฟางเจิ้งก็เชื่อครึ่งหนึ่ง
ทว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตรงมาสอนทันที แต่เป็นเด็กสาววัยรุ่นเดินหน้ามา โค้งตัวแสดงความเคารพทุกคน “ดีจริงๆ ตอนนี้มากันครบแล้ว อันดับแรกขอขอบคุณทุกคนที่เจียดเวลาอันมีค่าจากงา านยุ่งๆ มาฟังบรรยายความร่ำรวยกันที่นี่! ฉันเป็นพิธีกรของวันนี้ ชื่อหม่าหลิง ทุกคนเรียกฉันว่าเสี่ยวหลิงได้ วันนี้ พวกเราโชคดีอย่างมากที่เชิญแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญท่านหนึ่ง งมาได้ ท่านคืออาจารย์ที่ปรึกษาด้านความมั่งคั่งของพวกเรา เศรษฐีระดับสิบล้าน อาจารย์หลู่ซิน! ตอนอาจารย์หลู่ซินอายุสิบสี่ก็เข้าสู่วงการธุรกิจ เคยขายแผงลอย เคยเป็นพนักงานขาย ล ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด สุดท้ายผูกบุพเพสันนิวาสกับครอบครัวทะเลดาวของพวกเรา ที่ครอบครัวทะเลดาวของเรานั้น เธอใช้เวลาแค่หนึ่งปีก็สั่งสมความมั่งคั่งไปได้ถึงสิบล้าน! ทุกคนอยากเป็นเห หมือนอาจารย์หลู่ซินไหม แค่หนึ่งปีก็มียอดสะสมสิบล้าน?”
“อยาก!” ฟางเจิ้งยังไม่ทันเอ่ย กลุ่มคนข้างๆ ก็ตะโกนเสียงดัง เสียงเป็นหนึ่งเดียวกัน ดูมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ ที่สำคัญคือเสียงตะโกนดังกังวานอย่างยิ่ง! ทำเอาฟางเจิ้งตกใจสะดุ้ง!
ฟางเจิ้งมองเพื่อนนักเรียนที่ใบหน้าแดงก่ำแต่ละคนรอบๆ เขาคาดการณ์ว่าเสียงตะโกนดังขนาดนี้พวกเขายังทนไหว เสียงกรนเขาก็น่าจะดังได้มากกว่านี้อีกหน่อย…
“อยาก? ความอยากไม่มีประโยชน์! การกระทำจะตัดสินทุกอย่าง! ตอนนี้ให้พวกเราปรบมือด้วยความยินดีเป็นการต้อนรับอาจารย์หลู่ซินที่มาสอนบทเรียนความมั่งคั่งแก่พวกเราด้วย!” หม่าหลิงตะโกนด ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าหลู่ซินนำพาทุกคนสร้างกำไรสิบล้านได้จริงๆ
ในที่สุดหลู่ซินก็เดินออกมา จัดแจงเสื้อผ้า พยักหน้าให้ทุกคนเล็กน้อย ก่อนเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ขอบคุณเสียงปรบมือของทุกคน พิธีกรหม่าหลิงได้แนะนำเรื่องของฉันไปเยอะมากแล้ว ฉันคงไม ม่ต้องพูดอีก แต่ว่าก่อนจะเริ่มบรรยาย ฉันอยากถามคำถามทุกคนข้อหนึ่ง วันนี้มีเพื่อนใหม่ไหม?”
แทบเป็นขณะเดียวกัน ทุกคนต่างมองฟางเจิ้งอย่างพร้อมเพรียง ฟางเจิ้งพลันรู้สึกว่าถูกหมาป่าร้ายจ้อง หรือว่าจะเปิดหม้อต้มน้ำ ต้มหลวงจีน?
หลู่ซินยิ้มพูด “ยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่ ต้องบอกว่าเธอตาเฉียบแหลมมาก และก็มีความกล้าหาญมากเช่นกัน กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ นี่คือโอกาสของเธอ และก็เป็นบุพเพสันนิวาสของพวกเ เรา ฉันยินดีที่จะพาเธอสำเร็จไปพร้อมกัน”
ฟางเจิ้งพยักหน้าให้ความร่วมมือหน่อย
หลู่ซินเห็นฟางเจิ้งพยักหน้าจึงเอ่ยต่อ “เอาละ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบรรยายให้ทุกคนฟังว่าอะไรคือทะเลดาว ทะเลดาวคืออะไร พวกเราสร้างความมั่งคั่งของเราจากทะเลดาวได้อย่างไรเป็นต้น… …”
หลู่ซินหยิบปากกาไวท์บอร์ดเขียนคำว่าทะเลดาวลงบนกระดาน
ฟางเจิ้งแอบพยักหน้า คิดในใจว่า ‘อักษรใช้ได้ สวยกว่าตอนฉันเขียนสมัยประถมเยอะเลย อย่างน้อยคนนี้ก็เรียนจบประถม…’
หลู่ซินพูดต่อ “ทุกคนต่างรู้ว่าทรัพยากรโลกกำลังเหือดแห้ง มนุษย์บุกเบิกกันอย่างไม่มีขีดจำกัดใดๆ ทำให้ทรัพยากรโลกน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งจะหมดไป อุณหภูมิอากาศลอยขึ น พื้นที่มหาสมุทรยกตัวขึ้น แผ่นดินไหวติดๆ กัน ทะเลคลั่งไม่หยุด พายุกระหน่ำทำลายล้าง…ทุกอย่างนี้ปกติหรือ? แน่นอนว่าไม่ใช่! โลกเปรียบได้กับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง มนุษย์ก็คือ อไวรัส เมื่อไวรัสมากเกินไป คอมพิวเตอร์จะเปิดซอฟต์แวร์ฆ่าไวรัส ตอนนี้พวกเรากำลังรับความโกรธของโลกอยู่! ตอนนี้ขอเทพก็ไม่มีประโยชน์ ได้แค่ช่วยตัวเอง!
ดังนั้นประธานใหญ่จางของพวกเราถึงสร้างทะเลดาวขึ้นมา! ประธานจางมีหัวใจเมตตาอยากจะช่วยโลก ลงทุนหลานพันล้านเพื่ออะไร? แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อเงิน! ถ้าเพื่อเงิน ทำไมประธานจางต้องลง งทุนตรงนี้? กลับบ้านไปใช้ชีวิตวัยเกษียณหรือลงทุนอหังสาริมทรัพย์ไม่ดีกว่าเหรอ? ประธานจางของพวกเราทำเพื่อโลก!
ตอนที่คนคนหนึ่งไม่เป็นทุกข์เรื่องเงิน เขาใคร่ครวญว่าจะช่วยคนอื่นอย่างไร ทุกคนจะเห็นได้ว่ามีคนรวยเยอะมากที่ทำความดี ประธานจางก็เป็นคนแบบนี้แหละ…”