บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 484 คำพูดดียากจะโน้มน้าวผีสมควรตาย
หลู่ซินพูดไปพลาง ฟางเจิ้งฟังอยู่ข้างล่างไปพลาง ยิ่งฟังหน้ายิ่งดำ แผนผังวงกลมทุกอย่างตรงหน้านี้เป็นของปลอมจริงๆ เป้าหมายที่แท้จริงคือดึงคนเข้ามา! ยิ่งคนมากก็ยิ่งได้กำไรมา าก!
ฟางเจิ้งคิดไม่ออก ถ้าหาเงินได้ง่ายแบบนี้จริงๆ สวีเหยียนที่เป็นผู้ดูแลคงไม่มีสีหน้าอดอยากหรอก หัวหน้ายังแทะหมั่นโถวอยู่เลย ส่วนเรื่องขึ้นดาดฟ้าอะไรนั่น อาจจะเป็นแผนผังวงกลมอ อีกวง! อุบายการหลอกที่ชัดเจนแบบนี้ คนพวกนี้ดันเชื่อ! ฟางเจิ้งไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ แต่มีอย่างหนึ่งที่เขามั่นใจมาก…เขาโกรธมาก!
หลู่ซินพูดปลุกปั่นอีกมากมาย ทุกคนที่ฟังอยู่ข้างล่างมีสีหน้าตื่นเต้นราวกับว่าพรุ่งนี้จะสำเร็จแล้ว
ตอนนี้เองหลู่ซินพลันมองฟางเจิ้ง “เพื่อนใหม่ท่านนี้ เธอมีคำถามไหม?”
ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย “มี”
“คำถามอะไร?” หลู่ซินถาม
ฟางเจิ้งกล่าว “คนที่ขึ้นดาดฟ้าไปไหนแล้ว?”
“คนที่ขึ้นดาดฟ้ามีธุรกิจของตัวเอง มีบ้านหรู รถหรูของตัวเอง พวกเขาอยู่ทุกที่ทั่วโลก เยอะมากเลย” หลู่ซินตอบ
ฟางเจิ้งถามต่อ “แล้วมีคนทำสำเร็จรึยัง?”
“มีแน่นอน ตามที่ฉันรู้มา คนที่ขึ้นดาดฟ้ามีไม่ต่ำกว่าสิบคน! นี่เป็นประวัติศาสตร์ของครอบครัวเรา ตอนเย็นเธอติดต่อกับคนที่แนะนำเธอมาก็ได้ ให้เขาอธิบายให้ฟัง” หลู่ซินพูด
ฟางเจิ้งพยักหน้าก่อนแอบประสานมุทราชี้ไปยังหลู่ซิน ก่อนถามพลางหัวเราะแหะๆ “อาตมามีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ป่าของพวกเราอยู่ที่ไหน?”
“ป่าจากไหน? พวกเราจะปลูกป่าไปทำไม พวกเราจะดักจับหมาป่าขาวด้วยมือเปล่า!” หลู่ซินคิดข้ออ้างดีแล้ว แต่พอเอ่ยออกไปกลับเปลี่ยนคำพูด
สิ้นเสียง ทุกคนต่างฮือฮา! สวีเหยียนกับซ่งเข่อหลิงข้างล่างร้อนใจยิ่งกว่า รีบส่งสายตาถามไปยังหลู่ซิน
หลู่ซินก็ร้อนรนแล้ว เอ่ยว่า “ฉันพูดจริงๆ นะ! พวกเราไม่มีทะเลทรายหรือป่าอะไรทั้งนั้น เงินสองพันกว่าล้านอะไรนั่นก็แค่โม้ เป้าหมายพวกเราง่ายมากคือหลอกคน! หลอกพวกคุณเข้ามา คุณจ่ายเงิน จ่ายเงินแล้วก็ช่วยพวกเราหลอกคนเข้ามาอีก! พวกเราไม่มีอะไรเลย ก็แค่ใช้เงิน!”
“หลู่ซิน หยุดพูด คุณบ้าไปแล้วเหรอ พูดจาอะไรซี้ซั้ว?” สวีเหยียนรีบวิ่งเข้ามาลากหลู่ซินออกไปข้างนอก
หลู่ซินสะบัดสวีเหยียนเจ้าคนที่หน้าตามีแต่ความอดอยากปากแห้งไปข้างๆ พูดต่อว่า “ลากฉันไปทำไม? ฉันพูดความจริง! เป็นคนเก่าคนแก่แล้วยังต้องปิดบังอะไรอีก? พวกเราเป็นพวกลวงโลก! ทุ กคนรู้ว่าเราเป็นพวกลวงโลก! นายก็เป็น ฉันก็เป็น ทุกคนเป็นหมด! รู้อยู่แก่ใจ ทำไมต้องพูดจาสวยหรู?”
พูดจบ หลายคนร้องไห้ มีความรู้สึกว่าฝันสลาย แต่ไม่รู้ว่าควรจะโต้แย้งอย่างไร
ทว่ามีกลุ่มคนหนึ่งพลันลุกขึ้นลากหลู่ซินออกไป สวีเหยียนยังปรี่เข้าไปตบหน้าทีหนึ่ง ด่าทอว่า “คุณมันบ้าไปแล้ว พูดจาอะไรไร้สาระ! ไสหัวไป! วันนี้ไม่ต้องเอาเงิน! ซ่งเข่อหลิง ว วันนี้เธอไม่ต้องจ่ายเงินค่าบรรยาย! จากนี้หาคนที่เชื่อถือได้หน่อย!”
ซ่งเข่อหลิงพยักหน้ารัวๆ เธอรู้ว่าเรื่องใหญ่ไปนิดแล้ว
แต่สวีเหยียนกับซ่งเข่อหลิงเป็นห่วงปฏิกิริยาโต้ตอบของฟางเจิ้งมากกว่า ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นคนของตน มีคนนอกคนหนึ่งเท่านั้น แต่เห็นฟางเจิ้งนั่งหัวเราะแหะๆ เหมือนกำลังดูเรื่อง สนุกๆ ไม่เห็นว่าเกิดอารมณ์ขัดแย้งอะไรมากนัก เห็นดังนั้นสองคนจึงถอนหายใจโล่งอก…
หลู่ซินก่อเรื่องแบบนี้ จึงไปต่อคาบนี้ไม่ได้แล้ว พิธีกรรีบเดินเข้ามาอยากจะดึงสถานการณ์ “เอาละ ทุกคนอย่าสนใจ เมื่อกี้อาจารย์หลู่ซินล้อเล่นกับทุกคน ถ้าอย่างนั้นต่อไปพวกเราจะให ห้สมาชิกเก่าของพวกเราแบ่งปันประสบการณ์น้ำใจของบ้านทะเลดาวให้ทุกคนฟัง”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม ประสานมุทราสะบัดไป…
“ช่างเถอะ พูดเรื่องประสบการณ์น้ำใจของฉันดีกว่า นี่คือรังโจร! มีแต่พวกคนโกหกกับคนสารเลว! เมื่อกี้หลู่ซินพูดถูก พวกคุณรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่กลับสะกดจิตตัวเอง ความจริงพ พวกเราเป็นคนโกหก! ไม่มีใครดีเลยสักคน!” พิธีกรฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ
แต่สวีเหยียนฮึกเหิมยิ่งกว่า เขารีบวิ่งเข้ามาด่าทอ “บ้า! บ้า! บ้ากันหมด!” ก่อนลากพิธีกรออกไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงว่ามีคนตะโกนมาจากข้างนอก “เมื่อกี้ฉันพูดอะไร? ฉันไม่ได้อย ยากพูดเรื่องพวกนี้…”
“หุบปาก! ไปตรงนู้นเลย!”
……….
ส่วนผู้คนภายในห้องตาค้างไปแล้ว ความมุ่งมั่นต่อสู้และความมั่นใจในตัวเองของพวกเขามาจากการสะกดจิตตัวเองกับการล้างสมองจากคนอื่นทุกวัน พยายามให้ตัวเองคิดว่าตนถูกต้อง ตนกำลังช ช่วยคนอื่น ไม่ใช่เพื่อหาเงินจากคนอื่น ตนพยายามเพื่อให้โลกเป็นสีเขียว ทว่าคำพูดของหลู่ซินกับพิธีกรเหมือนกับตะบองฟาดเข้าที่หัวพวกเขาจนมีดาวสีทองขึ้นเต็มศีรษะ ฉากกำบังที่ไ ไว้มอมเมาตนเองที่สร้างขึ้นอย่างยากลำบากในใจแตกออกดังเปรี๊ยะ…
ปวดใจ!
ตอนนี้เองไม่รู้ว่าใครพลันร้องไห้ “บ้าเอ๊ย พูดอะไรไร้สาระ? ฉันไม่เชื่อ! นี่คือธุรกิจที่พยายามทำเพื่อมนุษย์ทั้งโลก นี่คือธุรกิจของคนดี ฉันไม่ใช่คนลวงโลก!”
“ถูก เราไม่ใช่คนลวงโลก!”
“พวกเราเป็นคนดี”
“เมื่อกี้ที่พูดต้องล้อเล่นแน่ๆ”
…………
เมื่อเห็นใบหน้าเหี้ยมโหดเหล่านี้ที่เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริง ฟางเจิ้งส่ายหน้า เขารู้ว่าครั้งนี้ให้ยาแรง คนเหล่านี้อาศัยยาพิษจิตใจเหล่านี้ถึงประคองมาถึงตอนนี้ ได้ พูดได้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน มีเพียงอย่างเดียวคือความมั่นใจและศรัทธาว่าจะร่ำรวยของยาพิษ! ถ้าให้ความมั่นใจและศรัทธาเพียงหนึ่งเดียวข ของพวกเขาพังลง นี่จะส่งผลต่อพวกเขาอย่างมาก บางคนอาจจะไม่เป็นไร แต่บางคนเกรงว่าจะรับแรงปะทะนี้ไม่ไหว มิหนำซ้ำดูจากท่าทางพวกเขาแล้วยังคิดจะมอมเมาตัวเองต่อไป หลอกตัวเองต่อไ ไป ต่อให้ฟางเจิ้งแจ้งตำรวจตอนนี้ ตำรวจมาจับหมดแล้ว สลายกลุ่มคนหมดแล้ว พวกเขาก็อาจจะลงทุนในธุกิจแบบขั้นบันไดที่อื่นอีก
ฟางเจิ้งถอนหายใจ เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เขาเองก็ขี้คร้านจะช่วยคนหัวแข็งเหล่านั้น คำพูดดีไม่อาจโน้มนำผีสมควรตาย คนบางคนสมควรตาย ถูกดึงกลับมาไม่ได้ แต่ถ้ามีคนต้องการคว วามช่วยเหลือ ฟางเจิ้งต้องช่วยดึงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ผู้หญิงที่พาลูกมาด้วยคนนั้น เขาอยากจะพยายามสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไรลูกก็จะเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ได้
ทันใดนั้นเอง สวีเหยียนเข้ามา เอ่ยทันทีว่า “เสียงดังอะไรกัน? นั่งลง!”
ทุกคนพลันหยุดลง มองสวีเหยียนอย่างมีความหวัง ราวกับพวกติดยามองพ่อค้ายาเสพติด กระหายอยากจะได้ยาตัวใหม่ ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวด
สวีเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ทุกอย่างเมื่อกี้พวกเราล้อเล่นกับทุกคน ชีวิตน่ะมีขึ้นมีลง แค่ล้อเล่นเอง อย่าคิดจริงจัง เอาอย่างนี้ ขอเชิญสมาชิกเก่าหลายท่านมาแบ่งปัน…”
พูดถึงตรงนี้ สวีเหยียนกังวลเล็กน้อยแล้ว สองคนก่อนหน้านี้พูดจาไร้สาระอย่างน่าประหลาด เกือบจะทำลายบ้านนี้ของเขา สวีเหยียนเลยว่า “ช่างเถอะ ฉันพูดเองดีกว่า ถึงสุดท้ายอาจารย์หล ลู่ซินจะล้อเล่นกับทุกคน แต่ต้องพูดว่าก่อนหน้านี้เธอพูดถูกต้องมาก พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่? พวกเราไม่ได้มาสร้างกำไร พวกเรามาสร้างความผาสุกแก่มวลมนุษย์ทั้งโลก! ขณะเดียวกันพวกเร ราจะสร้างเงินเปลี่ยนโชคชะตาของเราได้ด้วย ธุรกิจแบบนี้ หรือมันไม่คุ้มค่าที่พวกเราจะพยายามกันอย่างนั้นเหรอ?”