บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 499 วิชาสวนรูทวารของไต้ซือ!
ซุนเฉียนเฉิงกล่าวว่า “ฉันก็เห็นด้วย พูดจริงๆ นะ ทุกครั้งที่ออกไปช่วยงานจะต้องกลับมาทำบัญชี ขาดทุนไปเยอะเลย แล้วก็ต้องหาเหตุผลจัดงาน เรื่องนี้เปลืองสมองกับหนังหน้าจริงๆ อี กอย่างมีความกดดันสูงด้วย ยิ่งจนยิ่งจัด ยิ่งจัดยิ่งจน ไม่รู้จะจบเมื่อไร ฉันว่าวันนี้ขอเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของเจ้าอาวาสฟางเจิ้ง พวกเราหยุดกันที่ตรงนี้ จากนี้ไม่ทำแบบนี้อี ก ดีไหม?”
“ฉันสนับสนุน!” ซ่งเอ้อโก่วพูดตาม “ถ้าบอกว่าขาดทุน ฉันต้องเป็นคนนั้นที่ขาดทุนแน่! เมื่อก่อนที่บ้านไม่มีแม้แต่แม่หมู เลยไม่มีทางได้เงินจากลูกหมู”
พูดจบ ทุกคนต่างหัวเราะ
ซ่งเอ้อโก่วพูดต่อ “ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะเสเพล แต่ฉันไม่เคยไม่ไปช่วยงานใครไหม? ไปทุกบ้านเลยไหม? พูดจริงๆ นะ ตอนนั้นฉันน่ะเสแสร้งว่าไหว ช่วยงานเสร็จกลับบ้านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ วยังกินเหล้าไม่ได้สักอึก ชีวิตช่วงนั้นลำบากมากเลย”
“พอแล้วน่า! นายช่วยงานหนึ่งร้อย กินทั้งบ้านไปสามวัน มื้อหนึ่งกินเหล้านายได้หนึ่งเดือน” ซุนเฉียนเฉิงด่ายิ้มๆ
ซ่งเอ้อโก่วหน้าแดง “ผ่านไปแล้วก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันคือบุคคลต้นแบบของหมู่บ้านเรา! ใครไม่ยอม ก็กวาดถนนแข่งกัน!”
ทุกคนหัวเราะอีก…
เห็นทุกคนพากันแสดงความเห็น ในที่สุดหวังโอ้วกุ้ยก็ยืนขึ้น “ในเมื่อทุกคนเห็นด้วย ผมจะขอพูดหน่อย พูดจริงๆ นะ เป็นผู้ใหญ่บ้านนี่ก็ยากเหมือนกัน พวกคุณจัดงานกันสองสามวันที ผ ผมต้องไปช่วยงานทุกวัน หลายคนบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่บ้านช่วยงานแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านช่วยงานก็เป็นผู้ใหญ่บ้านยากจนเหมือนกัน เงินนิดหน่อยนั่นต้องมาช่วยงานให้พวกคุณ ณ…จากนั้นผมจัดงานเลี้ยงไม่ได้อีก จัดใหญ่ไปต้องถูกตรวจสอบ! เรียกได้ว่ามีแต่ออกไม่มีเข้าจริงๆ ขาดทุนจนล้มละลาย วันนี้ผมเองก็ขอหน้าด้าน ขอร้องทุกคนว่าให้ปล่อยไปเถอะ จากนี้ อย่ารับเงินสกปรกนี่เลย บ้านใครมีงานก็แค่เอากับข้าวและเหล้ามา เอามารวมกันแล้วก็กินกันให้ถึงใจไปเลยดีไหม?”
“ดี!” ทุกคนพากันขานรับ
เห็นถึงตรงนี้ กระรอกนอนหมอบข้างหูฟางเจิ้ง “อาจารย์ ท่านสุดยอด หน้าใหญ่!”
ฟางเจิ้งหน้ามืดทะมึน หมาป่าเดียวดายพูดประจบ “หน้าใหญ่อะไร? เขาเรียกว่ามีคุณธรรมสูงส่ง ทุกคนให้เกียรติ!”
ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ “พวกนายคิดมากไปแล้ว แม้อาตมาจะมีคุณธรรมเล็กน้อย แต่ยังเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหญ่ๆ ไม่ได้ ที่วันนี้เป็นแบบนี้เพราะปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน บ้านเฉินเป็นตระกูลใหญ่ใ ในหมู่บ้านเอกดรรชนี รองลงมาคือสกุลหวัง พวกเขาเป็นคนนำ คนอื่นๆ ตาม ประกอบกับทุกคนรับไม่ไหวกับประเพณีชั่วช้าที่เสื่อมลงแล้ว รวมถึงบ้านหยางหวากับหวังอวิ๋นเฟิ่งใช้ความดีโน้ มน้าว ปัจจัยหลายอย่างรวมกันเลยกดประเพณีชั่วช้าลงได้ ดังนั้นเรื่องในวันนี้อาตมาไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาใช้ความดีในใจปราบประเพณีชั่วช้าต่างหาก”
ลิงพยักหน้าอยู่ข้างๆ “อมิตาพุทธ ประเสริฐๆ”
โป๊ก!
เด็กแดงต่อยลิงไปที “เจ้าลิงโง่จะฟังเข้าใจอะไร ก็แค่เสแสร้งเท่านั้น”
“ความชั่วเอาชนะความถูกต้องไม่ได้ ต่อให้ราชาปีศาจเก่งกาจแค่ไหนก็ต้องทำอาหารให้อาตมา” ลิงไม่โกรธ แต่ทำหน้าลำพองใจ
เด็กแดงมองบน อยากจะตบลิงโง่นี่ให้ตายจริงๆ ไม่รู้เรื่องไหนมักถามถึงเรื่องนั้น…
“เหอะ เอาเถอะ รีบๆ หน่อย หยางหวาเป็นเศรษฐีเบอร์หนึ่งในหมู่บ้านเรา เชิญพ่อครัวใหญ่จากในอำเภอมาเลย จิ๊ๆ ฉันต้องลองชิมฝีมือหน่อยแล้ว” ซ่งเอ้อโก่วกล่าว
“ใช่ เหอะๆ หยางหวาเหมาซื้อไก่มาสามสิบกว่าตัว และยังมีตะพาบน้ำ ฉันน้ำลายไหลแล้ว ไม่มาคุยโม้กับพวกนายตรงนี้หรอก ต้องรีบไปกินข้าว” ซุนเฉียนเฉิงยิ้ม
“ตะพาบน้ำดี มีประโยชน์ ไปกินตะพาบน้ำดีกว่า” หวังโอ้วกุ้ยหยอกล้อตาม
“ไปๆๆ ไปกินข้าว” เฉินจินตะโกนตาม ทุกคนพากันนั่งลง
ทว่าฟางเจิ้งลำบากใจเล็กน้อย วันนี้จัดงานเลี้ยงเป็นเนื้อทั้งหมด เขากินไม่ได้!
ตอนนี้เองหยางผิงวิ่งเข้ามา “เจ้าอาวาสฟางเจิ้ง เชิญนั่งทางนั้นครับ ทางนั้นมีโต๊ะที่เตรียมไว้สำหรับท่านกับพุทธมามกะและคนกินเจโดยเฉพาะ วางใจเถอะ พี่ใหญ่ผมซื้อหม้อชามชุดใหม่ท ทั้งหมดเพื่อท่านโดยเฉพาะ ถึงตอนนั้นยังมีพ่อครัวเฉพาะทางมาทำอาหารให้ท่านด้วย ไม่ปนเปื้อนอาหารคาวแม้แต่นิด” หยางผิงตบอกรับปาก
ได้ยินหยางผิงจัดการแบบนี้ ฟางเจิ้งก็ซาบซึ้งใจ ขอบคุณไม่หยุด
ลิงอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนเอ่ยถาม “อาจารย์ พวกเราพิถีพิถันขนาดนี้เลย? ถ้าแบบนี้ลงเขาไปจะไม่ทำให้คนอื่นเขาลำบากมากรึ?”
ฟางเจิ้งส่ายหน้า “ศีลคือใจไม่ใช่วัตถุ ความจริงทำอาหารให้พวกเราใช้หม้อปกติก็ได้ ขอแค่ไม่มีเนื้อ ใจไม่นึกถึงเนื้อก็คือศีล กลับกันถ้าเจตนาแสวงหาสิ่งเหล่านี้ ก็จะร่วงลงสู่เบื้องล่า าง”
“อาจารย์ แล้วทำไมท่านไม่บอกกับประสกหยาง?” เด็กแดงถาม
ฟางเจิ้งยิ้มบอก “เขามีจิตใจดี เตรียมทุกอย่างแล้ว พูดเรื่องนี้ไปทำไม? รู้แก่ใจก็พอ”
เด็กแดง ลิง กระรอกและหมาป่าเดียวดายพยักหน้าตาม
ไม่นานก็เริ่มทานอาหาร หยางหวากระโดดขึ้นเวทีสูงที่สร้างเฉพาะกิจ เริ่มกล่าว “สวัสดีครับทุกคน ผมไม่ใช่ผู้นำอะไร ไม่ได้มีอะไรพูดเยอะแยะ ขอพูดแค่ประโยคเดียว ผมหยางหวามีลูกชาย แล้ว ดีใจ! ทุกคนกินดื่มกันอย่างมีความสุขเถอะ! ตอนนี้เริ่มกิน เริ่มดื่ม! กินให้อิ่มหนำสำราญแล้วตามผมไปดูระบำคู่ที่เวทีสนามโรงเรียน! จ้าวอู่นำ เป็นการแสดงที่ดีมากๆ”
“ดี!” ทุกคนได้ยินดังนั้นพลันมีชีวิตชีวา ต่างบอกว่าดี ฟางเจิ้งรู้จักคนชื่อจ้าวอู่เช่นกัน ถือว่าเป็นคนมีชื่อด้านระบำคู่ในแปดหมู่บ้านสิบลี้ เขาจะมาพร้อมกับลูกทีมตระเวนออกแส สดงไปทั่ว ทว่าฟางเจิ้งไม่ค่อยได้ดูการแสดงนั้น ตอนเด็กหลวงตาหนึ่งนิ้วไม่ให้ไป โตขึ้น เคยได้ฟังครั้งหนึ่งก็กลับขึ้นเขามาด้วยอาการหน้าแดง สวดมนต์อยู่หลายวัน นับจากนั้นมาก็ไม ม่เคยดูระบำคู่อีกเลย…
เป็นอย่างที่หยางผิงว่าไว้ หยางหวาเตรียมอาหารเจชุดใหม่หมดให้ฟางเจิ้ง กับข้าวทุกอย่างไม่มีการสะเพร่าแม้แต่น้อย ให้พ่อครัวใหญ่ทำด้วยตัวเอง อาหารสวยงามมาก ส่วนรสชาติเป็นอย่างไ ไรนั้น…
ฟางเจิ้งกินได้แค่คำเดียว!
พอกินคำที่สองก็เห็นก้นอ้วนหันหลังให้เขา กำลังคว้าขนมแป้งทอดในชามยัดใส่ปากแบบสุดชีวิต! ขนทั้งตัวแบบนี้ การกินไร้มารยาทแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นกระรอก
ฟางเจิ้งมองเจ้าคนไร้ยางอายพลางหยิบมันฝรั่งทอดน้ำตาลส่งเข้าไป พูดยิ้มๆ “จิ้งควน กินอันนี้สิ รสชาติดี”
กระรอกเงยหน้าขึ้นมองอาหารเลิศรสสีทองแวววาวในมือฟางเจิ้งพลางพยักหน้ารัวๆ พออ้าปากกว้าง ฟางเจิ้งยัดมันฝรั่งเข้าปากไป ก่อนเห็นกระรอกเคี้ยวอย่างมีความสุข จากนั้นดวงตาเล็กจากตก กใจเป็นมึนงง สุดท้ายเป็นร้อนใจ ก่อนวิ่งไปพลางแคะน้ำตาลในปากไปพลาง…
อีกด้าน ลิงกินได้เรียบร้อย ทว่าเจ้านี่กลับแอบเอาผลไม้ที่เป็นออร์เดิร์ฟซ่อนในกระเป๋า…
หมาป่าเดียวดายสบายที่สุด นอนหมอบกับพื้น มีอาหารวางไว้ชามใหญ่ มันกินจนหัวแทบจะปักเข้าไปดึงไม่ขึ้น ก้นกระดกขึ้นสูง แถมยังชี้ไปทางฟางเจิ้ง! ฟางเจิ้งมองรูทวารพลางถอนหายใจ ใช้ตะ ะเกียบกระทุ้งเข้าไปที…
เอ๋ง!
หมาป่าเดียวดายนั่งลงกับพื้น มองฟางเจิ้งด้วยความคับอกคับใจ
…………………….