บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ - ตอนที่ 61 อักษรพุทธองค์มังกร
“เจียงถิง อย่าเบี่ยงประเด็นสิ วันนี้เราคุยกันเรื่องหลวงจีนนั่นรักษาได้รึเปล่าอยู่” ผู้อำนวยการจ้าวรีบดึงหัวข้อสนทนากลับ เห็นได้ว่าเขารู้เรื่องบนเขาเอกดรรชนี เพียงแค่ไม่อยากคุยเท่านั้น
หลู่ซวงซวงพยักหน้าให้ผู้อำนวยการอย่างซาบซึ้ง ถือเป็นการขอบคุณ
เจียงถิงตอบ “ฉันไม่รู้หรอก แต่ว่าถ้าจะมีปาฏิหาริย์จริงๆ ฉันเชื่อว่าจะเกิดขึ้นบนเขา”
จากนั้นก็มีพยาบาลเรียกเจียงถิงไปช่วยงาน
ผู้อำนวยการจ้าวเอ่ยขึ้น “คุณผู้หญิงหลู่…”
หลู่ซวงซวงพยักหน้า “ฉันไปภูเขาเอกดรรชนีมา หมี่ลี่ก็เคยสัมผัสหลวงจีนรูปนั้น แล้วก็ไม่มีอะไรอีก”
“นะ…นี่มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์แล้ว” หมออึ้งงัน
ผู้อำนวยการจ้าวก็อยากจะพูดแบบนั้น แต่เกิดเรื่องราวตัดหน้าแบบนี้ขึ้นสองครั้งติดกัน เขาจึงต้องสงสัยบ้าง ขณะเดียวกันยังแปลกใจกับวัดเอกดรรชนี นี่เป็นวัดเล็กแบบไหนกัน? มีโอกาสจะต้องไปดูสักครั้งแล้ว! ดูว่าใครมันตัดหน้าเขา…
หลู่ซวงซวงออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไปเยี่ยมหานเซี่ยวกั๋ว
ตอนนี้หานเซี่ยวกั๋วรู้สึกว่าเวลาผ่านไปหนึ่งวันราวกับหนึ่งปี อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นเรื่อยๆ ดีที่ถูกขังเดี่ยว ไม่อย่างนั้นใครพูดไม่เข้าหูเข้า นักโทษคนอื่นคงซวยกันหมด
ตอนนี้หานเซี่ยวกั๋วสำนึกเสียใจแล้ว “ฉันไม่ควรเชื่อเขา เขามันคนลวงโลก! จะต้องโกหกแน่ๆ! ฉันน่าจะเอาเงินหนีไป มีเงินก็จะได้พาหมี่ลี่ไปโรงพยาบาลดีๆ ได้รักษาดีๆ! ฉันมันสมควรตายจริงๆ สมควรตาย…หลวงจีนนั่นก็สมควรตาย…ต้องตายให้หมด…”
“หานเซี่ยวกั๋วมีคนมาเยี่ยมแกน่ะ” ตอนนี้เอง ตำรวจเดินเข้ามาแจ้ง
หานเซี่ยวกั๋วได้ยินว่ามีคนมาก็ตื่นเต้นเล็กน้อย เมียกับลูกคือที่พึ่งทางใจสุดท้าย จึงย่อมไม่ทำตัวคลุ้มคลั่งอีก
หานเซี่ยวกั๋วกับหลู่ซวงซวงมองพบหน้ากันผ่านกระจก พอได้ยินหลู่ซวงซวงบอกว่าหมี่ลี่หายดีแล้วเขาก็ตะลึงค้าง
“ซวงซวงเธอพูดจริงเหรอ? หมี่ลี่หายแล้วจริงๆ เหรอ?” ลูกตาหานเซี่ยวกั๋วแทบจะถลนออกมา
“หายแล้ว นี่คือใบเสร็จต่างๆ ที่หมอให้มา เขียนไว้ชัดเจนเลยนะว่าร่างกายแข็งแรงมาก ไม่มีใครแข็งแรงกว่านี้อีกแล้ว นี่…มันปาฏิหาริย์จริงๆ” หลู่ซวงซวงพูดถึงประโยคหลังก็ร้องไห้ ความกล้ำกลืนที่เก็บไว้พูดได้แต่กับสามีเท่านั้น
สองคนร้องไห้ด้วยกัน ร้องไห้สักพักก็หัวเราะ…
“หานกั๋ว คุณบอกความจริงมานะ หลวงจีนบนเขาเอกดรรชนีเป็นคนรักษาใช่ไหม?” สุดท้ายหลู่ซวงซวงก็ถามออกไป
หานเซี่ยวกั๋วอยากพยักหน้ามาก แต่พอนึกถึงกฏสามข้อของเขากับฟางเจิ้งก็ได้แต่พูดอย่างจำใจ “อย่าถามเรื่องนี้เลย มีโอกาสก็ช่วยฉันขึ้นเขาไปจุดธูปหน่อย ไต้ซือมีบุญคุณกับพวกเรามาก…น่าเสียดายผมคงได้แต่ตอบแทนในชาติหน้า แล้วก็ถ้าผมตาย ให้บริจาคศพผมไปนะ ถ้าไม่ตาย จากนี้ผมจะดูแลทั้งสองบ้าน หวังว่าคุณจะเข้าใจ” หานเซี่ยวกั๋วมองหลู่ซวงซวงอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกผิดมาก สองวันนี้เขาด่าฟางเจิ้งไปเยอะเลย
แม้จะไม่ยอมรับ แต่คำพูดนี้ก็อธิบายทุกอย่างแล้ว
หลู่ซวงซวงเข้าใจว่าสองบ้านที่หานเซี่ยวกั๋วพูดหมายถึงอะไร อีกบ้านคือครอบครัวของคนคุ้มกันรถขนเงิน…
หลู่ซวงซวงพยักหน้าสื่อว่าจะต้องไปจุดธูปแน่ อีกทั้งยังสนับสนุนการตัดสินใจของหานเซี่ยวกั๋ว จากนั้นก็ปลอบเขา บางทีอาจไม่โดนประหาร…
คล้อยหลังหลู่ซวงซวง หานเซี่ยวกั๋วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในห้องคุมตัวนักโทษ คุกเข่าโขกศีรษะไปทางภูเขาเอกดรรชนี “ขอบคุณ ขอบคุณ! ผมจะฟังคำท่าน จะเป็นคนดี! จากนี้จะเป็นคนดี! จะไม่ต่อยตีอีก ไม่ด่าคนอื่นอีก ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่อีก จะไม่ฆ่าคนอีกแล้ว!”
หานเซี่ยวกั๋วคลุ้มคลั่ง ตำรวจข้างนอกก็มึนงง ส่วนผีซวยที่เข้ามาใกล้หานเซี่ยวกั๋วยังร้องขึ้น “นายตำรวจ เจ้านี่บ้าไปแล้ว นายรีบพาเขาออกไป มาอยู่ที่นี่ทำเอาตกใจแทบแย่!”
“ได้ๆ ตกใจชิบ เดี๋ยวด่าเดี๋ยวหัวเราะ เป็นบ้าอะไรหา…”
…………
ขณะเดียวกัน บนเขาเอกดรรชนี
‘ติ๊ง! ยินดีด้วย หานเซี่ยวกั๋วจะเป็นคนดีจากใจจริงแล้ว นายได้รับโอกาสจับรางวัลหนึ่งครั้ง!’
“เอ่อ…เอ่อ? หา?! สำเร็จแล้วเหรอ?” ฟางเจิ้งที่กำลังกวาดหิมะได้ยินดังนั้นก็ชะงักงันก่อน จากนั้นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข “สำเร็จแล้ว? สำเร็จจริงๆ เหรอ?”
“สำเร็จแล้ว” ระบบตอบกลับ
ฟางเจิ้งหัวเราะเสียงดัง “ดี! ดี ฮ่าๆ…เอ๋! ไม่ใช่สิ ฉันช่วยหมี่ลี่ด้วยนี่ ฉันต้องได้จับรางวัลสองครั้งรึเปล่า?”
“ช่วยหมี่ลี่คือสาเหตุที่ทำให้หานเซี่ยวกั๋วกลับใจ ดังนั้นบุญกุศลของภารกิจนี้จึงรวมเข้ากับการช่วยหานเซี่ยวกั๋ว ถือว่าเป็นแค่ภารกิจเดียว ดังนั้นนายจึงมีโอกาสจับรางวัลแค่ครั้งเดียว”
“ฉัน…ฉันขอคัดค้าน!” ฟางเจิ้งไม่ไหวแล้ว เขาเสียยาหวนคืนเล็กไปหนึ่งเม็ด!
“ไม่มีผล!” ระบบปฏิเสธ!
ฟางเจิ้งกล่าวอย่างจำใจ “ไม่มีทางคุยกันได้เลยหรือไง?”
“ไม่มี”
“เอาเถอะ อย่างนั้นก็จับ” ฟางเจิ้งส่ายหน้าด้วยความเศร้า อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นเขาก็ช่วยไม่ได้
“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายได้รับอภินิหาร อักษรพุทธองค์มังกร!”
“หา นั่นอะไรน่ะ?” ฟางเจิ้งงุนงง เขารู้จักมังกร พุทธองค์ก็รู้ คัมภีร์ก็เคยได้ยิน แต่พอมารวมกันกลับไม่เคยได้ยิน!
“อักษรพุทธองค์มังกร เป็นมังกรเวหาที่พุทธองค์พบบนฟ้า ท่านตระหนักรู้ออกมาเป็นวิธีการเขียนอักษรหนึ่งชุด ตัวอักษรจริงใจและชอบธรรม เหมือนกับมังกรเทพเหินเวหา ลักษณะยิ่งใหญ่ อักษรนี้สามารถบรรจุพลังพุทธองค์สูงสุดได้! ถ้ามีพลังอิทธิฤทธิ์มากพอหนึ่งตัวอักษรจะหนักสิบล้านจิน กำราบมารนับพันนับหมื่นตนได้ แน่นอนว่านายทำไม่ได้ แต่ตัวอักษรนี้รวมกำลังวังชาของนายได้ และจะแสดงเอกลักษณ์เฉพาะของตัวนายกับสภาวะจิตใจตอนเขียนอักษร ในเวลาเดียวกันถ้าหมั่นเขียนอักษรพุทธองค์มังกรจะเพิ่มการตระหนักรู้ของนาย ยกระดับการตระหนักรู้ต่ออภินิหารของพระพุทธองค์ให้เร็วขึ้น เมื่อปะทุพลังพุทธองค์ที่รวมไว้จะขับไล่สิ่งชั่วร้ายหลีกเลี่ยงมารได้ พูดตรงๆ นะ นายเป็นคนโง่ แต่เรียนอักษรพุทธองค์มังกรไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะค่อยๆ เกิดปัญญากลายเป็นคนฉลาดสุดยอดเอง”
“ยอดเยี่ยม! แค่อักษรหนึ่งชุดก็มีคำอธิบายขนาดนี้เชียว เยี่ยมจริงๆ!” ฟางเจิ้งยอมแล้วจริงๆ ถึงเขาจะใช้อักษรเดียวกำราบสวรรค์ไม่ได้ แต่เมื่อเรียนอักษรนี้จะต้องมีข้อดีมากมายแน่ๆ ข้ามเรื่องอื่นไปก่อน แค่เขียนเป็นแสงออกมาได้ก็ฟินแล้ว สำคัญคือจะได้เปิดสติปัญญาให้ตนฉลาดขึ้นด้วย นี่คือเรื่องที่ดีที่สุด
“นี่คือระบบพลังพิเศษ จะรับหรือไม่?”
“รับ!”
ฟางเจิ้งรู้สึกว่าในความคิดเกิดความรู้สึกประหลาด จากนั้นก็ดวงตามืดมิดล้มนอนกับพื้น ไม่รับรู้อะไรแล้ว
หมาป่าเดียวดายข้างๆ เห็นฟางเจิ้งพูดพึมพำอยู่นานจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น มันเอียงหัว มีสีหน้าเข้าใจยาก ทว่าก็ยังพาฟางเจิ้งขึ้นเตียง แล้วนอนหมอบอยู่ข้างๆ มองฟางเจิ้งด้วยความกังวลเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะลมหายใจฟางเจิ้งเสถียร เจ้านี่จะต้องออกไปหาคนให้มาช่วยแน่ แต่มันก็ยังงับฟางเจิ้งลากมาวางบนเตียง จากนั้นนอนเฝ้าอยู่ข้างๆ เขา
ในความขมุกขมัว ฟางเจิ้งเหมือนเห็นมังกรเทพบินผ่านฟ้า ร่างกายนั้นคล่องแคล่วแข็งแรงอย่างยิ่ง มีลักษณะยิ่งใหญ่ พลานุภาพดั่งเทพเจ้ามาเยือนโลก กดดันจนคนหอบหายใจ
จากนั้นเทพมังกรกลายเป็นพู่กันด้ามหนึ่ง พู่กันใช้ผืนฟ้าเป็นผ้าวาด เขียนอักษรตัวใหญ่ที่มีพลังราวกับเทพมังกรทะยานขึ้นฟ้า อักษรพุทธองค์มังกร!
ต่อมาเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นเปรี้ยงปปร้างตรงฟางเจิ้ง เขาลุกขึ้นจากที่นอนราวกับตื่นจากความฝัน!
……………………….