บัญชามังกรเดือด - บทที่ 155 จับเป็น
บทที่ 155 จับเป็น
ทันใดนั้นก็ถูกล้อม อีกทั้งฝ่ายศัตรูยังมีจำนวนคนมากกว่าตัวเองเป็นสองเท่า นั่นหมายความแผนรั่ว ถูกซุ่มโจมตีแล้ว
หากพูดตามหลักแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าแผนรั่ว ถูกล้อมเอาไว้ ก็ควรจะคิดหาวิธีหลบหนีแล้วตอนแรก
แต่ว่า องค์กรงูเห่า แทบจะไม่มีความกลัวใดๆ เลย
เสมือนว่าพวกเขาคุ้นเคยกับฉากแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทั้งสี่คน รวมตัวกันก่อนเป็นอันดับแรก หลังชนหลัง ประกอบเป็นขบวน
ไม่เพียงแต่ไม่ถอยแล้ว แถมยังเตรียมที่จะรอเวลาฆ่า
“หมาแมวพวกนี้ อยากจะซุ่มโจมตีพวกเรากลับ พวกนายนี่มันไร้เดียงสาเสียจริง”
ใบหน้างูเห่า ปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชา
หน้าอกของเขาถูกกระบี่เศษแทงจนเป็นแผล มีเลือดไหลไม่หยุด
แต่ทว่าดูเหมือนว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรแล้ว แถมยังยัง เสมือนกับหมาป่าที่ได้กลิ่นคาวเลือดอะไรแบบนั้น ยิ่งสนุกขึ้นไปอีก
“เหล่าพี่น้อง ใช้เลือดของพวกเขา นำมาล้างเส้นทางที่จะเข้าสู่อาณาจักรมังกรตะวันออก พวกเจ้าคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อได้ฟังคำพูดของงูเห่า ในลำคอของสิงโตแอฟริกัน หมาใน หมาป่าก็ส่งเสียงร้องคำรามต่ำ
หมาป่าเศษอดทนรอไม่ไหว ลูกศรแห่งความรวดเร็ว ก็พุ่งไปยังเถียหนิงซวง
ในมือถือมีดง้าววงรี จากนั้นวาดแสงเย็นออกมา ราวกับว่าจะใช้เป็นพื้นที่แยก
เถียหนิงซวงรู้สึกเพียงความตายที่กำลังจะจู่โจม เธอก็น่าซีดขาวขึ้นมา
ขณะนั้นที่เธอกำลังรู้สึกนั้น คงจะประเมินพลังของคู่ต่อสู้ต่ำไป
โชคดี ที่หนีได้ทัน ชุยหมิงที่อยู่ด้านข้างเร็วกว่าก้าวหนึ่ง จะใช้มีดฟันไปที่หัวของหมาป่าเศษ ทำให้หมาป่าเศษต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“ระวัง” ชุยหมิงพูดกับเถียหนิงซวง จากนั้นยืนที่หน้าของเธอ
เถียหนิงซวงพยักหน้า จึงเร่งรีบวางแผนการฝึกซ้อมตามสามจิตเจ็ดวิญญาณ อยู่ด้านซ้ายของชุยหมิง หาตำแหน่งของตัวเองเจอ
ส่วนอีกด้าน สิงโตแอฟริกันที่กำลังคำรามด้วยความโกรธ ก็สวมนวมใหญ่ปลอกเหล็กกล้า จากนั้นหันไปทางผีหวูฉาง
ทั้งสองคนต่างมีพลังล้นหลาม ตามชื่อที่ดุร้าย ต่างก็จ้องกันมานานแล้ว
เมื่อเห็นสิงโตแอฟริกันที่รุกเข้ามาตนเอง ผีหวูฉางก็คำรามด้วยโทสะ จากนั้นก็ตามไปด้วยหนึ่งหมัด
หมัดของเขา ยังมีหนามด้วย
ควับ!
ทั้งสองคนที่สวมหมัดปลอกเหล็กกล้าก็แลกหมัดกัน โดยไม่สนใจบรรยากาศโดยรอบ
พลังมหาศาลที่ชนกัน ทำให้ปลอกเหล็กกล้าของพวกเขาแตก
แม้แต่หมัดที่สาม ก็ไม่รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ จากนั้นก็ต่อยกันอีกครั้ง
ถ้าเทียบกับคนทั่วไป พวกเขาทั้งสองคน ต่างก็ถือว่ามีพลังกล้าหาญมาก ใครจะคิดว่า ด้านหน้าของผีหวูฉางและสิงโตแอฟริกัน ที่แสดงถึงความตัวเล็กอย่างชัดเจน
เสมือนกับว่าเฉินหลงเจอกับเหยาหมิง
การดวลที่ดุร้ายประเภทนี้ พวกเขาเข้าไปแทรกไม่ได้เลย
“ไปช่วยพวกเขา!”
“ไอ้นี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง!”
สามจิตเจ็ดวิญญาณ ผีหวูฉางเป็นภูติ ส่วนถงชวนและเถียปี้ เป็นสองวิญญาณที่อยู่ช่วยเขา
ตอนนี้ ผีหวูฉางรู้สึกว่าถงชวนและเถียปี้ จากนั้นก็ถีบพวกเขาออกไป
ส่วนถงชวนและเถียปี้เริ่มหงุดหงิดแล้ว ทุกคนต่างก็เป็นชายชาตรี ใครบ้างที่ไม่อยากจะสู้?
พวกเขาเห็นหมาในที่เหมือนหมาบ้าตัวหนึ่ง ส่วนอีกคนไม่สามารถรับมือกับเหมยหงเซว่และอะเปินกับเถียเจี้ยงได้ พวกเขาส่งเสียงคำรามจากนั้นแทรกเข้าไป
สองคนสู้กับหมาใน จากนั้นสถานการณ์ก็พลิกทันที
ขณะนั้นเอง เกมที่ดุเดือดก็แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม
ชุยหมิงกับเถียหนิงซวงรับมือกับหมาป่าเศษ ถงชวนและเถียปี้รับมือกับหมาใน ส่วนอะเปิน เหมยหงเซว่ เถียเจี้ยงและก็หลังจงขานรับอยู่ด้านหลัง
ผีหวูฉางสู้ตัวต่อตัวกับสิงโตแอฟริกัน
ในฐานะที่เป็นหัวสมองของทั้งสองฝ่าย งูเห่าและกระบี่เศษ จึงไม่ได้ทำอะไร
ทั้งสองคนมองจ้องหน้ากัน
งูเห่าหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์:“ไอ้เน่า คนของนายมีแค่นี่เหรอ?”
“ยังมีอีกไหม?เรียกออกมาให้หมด”
สีหน้าไร้อารมณ์ของกระบี่เศษ:“ฆ่านาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อพูดจบ กระบองเหล็กในมือ เสียงดังฟิ้ว เหมือนพกลมอันบ้าคลั่ง จากนั้นก็ตีลงบนหัวของงูเห่า
“มาได้พอดี!” งูเห่าหัวเราะกร๊าก ร่างกายที่เตี้ย ขณะเดียวกันอาวุธคมรูปงูดำทมิฬที่อยู่ในมือก็พุ่งไปที่หน้าท้องของกระบี่เศษ
กระบี่เศษ ใช้ดาบในมือป้องกันเอาไว้
ทั้งสองคนฆ่าอยู่ด้วยกัน
สายตาของงูเห่าที่ไม่อาจคาดเดาได้ ออกไพ่แต่ละใบไม่ตามหลักเลย ทว่าแต่ไพ่แต่ละใบที่ออกสามารถเอาชีวิตไดเลย กระบี่เศษแม้ว่าจะขาดขาไปข้างหนึ่ง แต่ทว่าเป็นคิงผีที่เหลืออยู่ในวิหารพญายมตอนนี้
พลังอันแท้จริงก็คงน่าจะรู้แล้ว
กระบองเหล็กของเขาเป็นทั้งขาหนึ่งข้าง แล้วก็เป็นอาวุธของเขา ในบางครั้งแค่เอากระบองแทงลงไปที่ดินก็สามารถกระโดดไปหลายเมตร
ส่วนเศษกระบี่ยาวในมืออีกมือหนึ่ง เหมือนกับวิญญาณปีศาจที่ไม่ได้ดื่มเลือดมานานแล้ว ซึ่งแต่ละกดเม็ดสามารถทำร้ายงูเห่าได้ตลอด
ตอนกลางดึก นอกป่าเขาที่รกร้าง
มีการต่อสู้ที่มิหยุดหย่อน เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน
ฉินเทียนที่นั่งอยู่ในรถ ก็มองฉากตรงหน้าอย่างนิ่งเงียบ
หากว่าเขาลงมือ ภายในสามสิบวินาที ก็สามารถจัดการกับพวกงูเห่าทั้งสี่คนได้
แต่ว่า นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของเขา หากแต่เป็นของคำสาปสวรรค์
สำหรับคำสาปสวรรค์แล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่จะฝึกซ้อมได้ยาก
“ตาย!” สู้จนบื้อ ผีหวูฉางคำราเสียงดัง ฟึบฟึบฟึบเสียงดังของโซ่เหล็กที่หนักเป็นห้าสิบกิโล ฟาดลงไปที่หัวของสิงโตแอฟริกันอย่างเหี้ยมโหด
สิงโตแอฟริกันหลบอย่างต่อเนื่อง
เพล้งเพล้งเพล้ง!
ปึ้งปึ้งปึ้ง!
โซ่เหล็กที่หนักหน่วง ราวกับว่าภูเขาจะแตกแยก
เมื่อสิงโตแอฟริกันดุดันขึ้นมา จู่ๆ ก็ยื่นมืออกไปจากนั้นเอาหัวไปรับกับโซ่เหล็ก
พลังที่คนตัวใหญ่ยักษ์ทั้งสองคนออก เสียงดังเพล้ง โซ่เหล็กตรงกลางขาดออกจากกัน
ทั้งสองคนจับโซ่เหล็กคนละครึ่ง จากนั้นก็ตาแดงกล่ำสู้กันต่อ
อะฝูที่ถูกตีจนสลบอยู่ในรถก็ฟื้นขึ้นมา เห็นฉากตรงหน้า ก็สลบลงไปต่อ
ขณะนั้นเอง นอกจากคู่ของผีหวูฉางและกระบี่เศษแล้ว การต่อสู้ของอีกสองคู่ ก็รู้ว่าใครแพ้ชนะแล้ว
หมาในไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถงชวนและเถียปี้
ส่วนหมาป่าเศษเมื่อเทียบกับชุยหมิง ก็สู้ไม่ได้
พวกเขาต่างรู้ว่า ฉินเทียนใช้โอกาสนี้ฝึกซ้อมทีม ดังนั้นพอสู้ได้ครึ่งทาง ถงชวนและเถียปี้ก็ถอยออก จากนั้นให้เอาศัตรูให้อะเปิน เหมยหงเซว่ เถียเจี้ยงและหลังจงแทน
ชุยหมิงนำหมาป่าเศษให้กับเถียหนิงซวง
พวกเขายืนอยู่ด้านข้าง ยืนเตรียมเพื่อรับมือกับศัตรู
“ไอ้คนเลวระยำ ผู้หญิงอย่างฉันจะสู้แล้ว!” เถียหนิงซวงก็ตาแดงกล่ำ ในมือถือดาบสั้น บ้าคลั่งเหมือนกันจากนั้นก็ทำการโจมตีหมาป่าเศษ
หมาป่าเศษเห็นท่าว่าจะต้องแพ้แน้ มีดง้าวที่อยู่ในมือถูกเถียหนิงซวงตีจนหล่นลงไป
ขณะที่เถียหนิงซวงกำลังไล่ล่าชัยชนะอยู่นั้น จู่ๆ หมาป่าเศษก็โจมตีกลับ จากนั้นควักปืนกระบอกเล็กสีเงินออกมาจากเอวและเล็งปืนไปที่เถียหนิงซวง
ทันใดนั้น เถียหนิงซวงก็รู้สึกเหมือนผ่านความตาย
โชคดี ที่หมาป่าเศษยังไม่มีโอกาสได้ยิง ขณะที่เขากำลังชึกไกรปืนนั้น ประสบการณ์ที่มากมายของชุยหมิง ก็ได้โยนมีดบินไป
ตรงที่ลำคอของเขา จากนั้นก็ปลิดชีพของเขาทันที
เถียหนิงซวงถอนหายใจ จากนั้นจึงรู้ว่าที่หลังของตัวเองมีเหงื่อไหลซึม
ส่วนอีกฝั่ง เถียเจี้ยง อะเปินและเหมยหงเซว่ก็ล้อมหมาในที่กำลังบ้าคลั่งอยู่
สุดท้าย หมาในก็ถูกอะเปินใช้ก้อนหินทุบไปที่หัวของเขาจนตาย จนสมองไหลออกมา
เมื่อสหายตายไปแล้วสองคน งูเห่าและสิงโตแอฟริกัน ในที่สุดก็เริ่มตระหนก
ผีหวูฉางอาศัยจังหวะนี้ เอาโซ่มาล้อมคอของสิงโตแอฟริกัน จากนั้นก็ทุบจนหัวแตกแล้วล้มลงกับพื้นไป
งูเห่าเหลืออีกหนึ่งคน
พี่น้องคำสาปสวรรค์ จับพวกเขามัดเอาไว้
หนีรอดออกไปได้ยาก
ใบหน้าของฉินเทียน ในที่สุดก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข
เขาเปิดปากพูด:“ลุงฉาน จับเป็น”