บัญชามังกรเดือด - บทที่ 696 สังหารได้ดี
บัญชามังกรเดือด บทที่ 696 สังหารได้ดี
เมื่อได้ยินฉินเทียนพูดดังนั้นแล้วหูเฟยก็กัดฟันไม่พูดอะไรต่อ ความเจ็บปวดในแววตาเขาส่อแววชัดเจนขึ้น เขากำลังต่อสู้กับความคิดอย่างดุเดือดมาก
ในที่สุด เขาก็ถอนใจและพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวเทียน สัญญากับฉันนะ”
“ว่าคุณจะไม่บอกหานหลิงก่อนที่ฉันจะยินยอม”
“ตกลง” ฉินเทียนทอดถอนใจ เขารู้ดีว่าหูเฟยเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีในตัวเองมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอยู่ต่อหน้าหานหลิง
เขาอยากให้หานหลิงมองเห็นแต่ในด้านที่ดีที่สุดของเขาตลอดไป
แต่วันนี้ ภายใต้หน้ากากนั้น มันเป็นตัวแทนของนรกบนดิน
“คุณวางใจเถอะ รอสะสางเรื่องตรงหน้านี้จบแล้ว ฉันจะนัดหมอที่ดีที่สุดบนโลกนี้มารักษาคุณให้ได้อย่างแน่นอน”
“อะเฟย ตอนนี้คุณบอกฉันทีว่าสามปีก่อนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“คุณยืนยันชัดเจนได้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนหูเฟย ก็กัดฟันและจ้องมองด้วยความโกรธขึ้นมาทันที
“เย็นวันนั้น___”
เมื่อเห็นว่าในที่สุด หูเฟย ก็ยอมเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเย็นวันนั้น ฉินเทียนก็ใจชื้นขึ้นมาทันที เขาเชื่อว่าหูเฟย จะให้เบาะแสต่างๆ เพิ่มเติมได้อย่างมากมายแน่นอน
ทันใดนั้นเอง ในเวลานี้โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา เดิมทีว่าจะกดวางสาย แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่า อีกฝ่ายที่โทรเข้ามา เป็นอีกเบอร์หนึ่งของเขานั่นเอง
นั่นก็คือ ระบบอีกชุดหนึ่งของเขา ถูกใช้เป็นพิเศษเพื่อทำการติดต่อกับสิบสองราชาแห่งวิหารเทพ รวมถึงท่านอาวุโสแห่งโลกตะวันตกคนนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น สายที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย
มันจะเป็นไปได้ยังไง?
เบอร์นี้ของเขา นอกจากสมาชิกหลักๆ บางคน รวมทั้งคนอย่างเถ้าแก่รองแห่งเกาะซิซิลีแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เบอร์นี้แล้ว
ท่ามกลางความแปลกใจ เขาก็กดปุ่มรับสายโดยไม่รู้ตัว
ปลายสายไม่รีรอให้เขาพูด เสียงผู้หญิงทุ้มๆ ก็ดังออกมาจากโทรศัพท์
“หานหลิงกำลังตกอยู่ในอันตราย รีบกลับมา”
อะไรนะ?ฉินเทียนตะลึงงันไปชั่วขณะ
เขาต้องการพูดต่อ แต่ปลายสายก็กดวางไป เขารีบโทรกลับไปทันที แต่สัญญาณแจ้งว่า ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? สีหน้าฉินเทียนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นท่าทีของเขาหูเฟยก็ถามด้วยความประหลาดใจ
“มีคนรายงานว่า หานหลิงตกอยู่ในอันตราย!”
เมื่อฉินเทียนพูดจบ เขาก็รีบกดโทรศัพท์โทรหาหานหลิงทันที
โทรศัพท์ดังอยู่นาน ถึงจะมีคนรับสาย เขารีบถามขึ้นว่า “หานหลิงคุณยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?”
“คุณอยู่ที่ไหน?”
ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณคือฉินเทียนหรือ? คนที่สมรู้ร่วมคิดกับไอ้ขอทานคนนั้น คนโกหกที่แสร้งทำเป็นราชาเถียสิบสามแห่งวิหารเทพอย่างนั้นหรือ?”
ฉินเทียนตกใจมาก “มึงเป็นใคร?”
“แล้วหานหลิงหล่ะ?”
“ฉินเทียน ช่วยฉันด้วย! รีบมาช่วยฉันด้วย!”
“ฮู้วว——”
ฉินเทียนได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัวของหานหลิงดังออกมา ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่า เธอจะถูกอุดปากเอาไว้ด้วย
แววตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
“มึงเป็นใคร? มึงทำอะไรหานหลิง?”
“กูบอกมึงไว้ก่อนนะ ถ้ากล้าทำร้ายเธอแม้แต่น้อย กูจะถลกหนังมึงออกซะ!” ในตอนนี้ เขาเป็นกังวลมากจริงๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น ฝั่งตรงข้ามยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“คนแซ่ฉิน พวกมึงตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้แล้วใช่ไหม จะว่าไป ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลวจริงๆนะ”
“แต่กูเกรงว่าพวกมึงจะไม่มีโอกาสนั้นซะแล้วสิ”
“กูจะลิ้มลองรสชาแทนพวกมึงเอง”
“รอกูเล่นสนุกจนพอก่อน แล้วถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ มึงกับราชาเถียสิบสามจอมปลอมของมึง ค่อยมาลิ้มลองรสชาติอย่างช้าๆ ก็แล้วกัน”
“แล้วกูจะอัดคลิปส่งให้มึงนะ แล้วเจอกัน”
ข้างๆ มีเสียงขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัวของหานหลิงดังออกมา จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกวางสายไป
เมื่อฉินเทียนโทรกลับไปอีกครั้ง ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว
“หานหลิงใช่ไหม?”
“เธอเป็นอะไร?”หูเฟยที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความตื่นเต้น เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างจากโทรศัพท์
ฉินเทียนโกรธจนหน้าเขียว!
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ออกมาแค่แป๊บเดียว ก็เกิดเรื่องกับหานหลิง
กับดัก!
นี่ต้องมีคนวางแผนมาอย่างดีแล้วแน่ๆ!
หยางต้าว!
ต้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน!
นอกจากนี้ ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นที่โทรมาครั้งแรก เป็นใครกันแน่?ทำไมเขาถึงรู้อีกเบอร์หนึ่งของเขาด้วยหล่ะ?
ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดเยอะขนาดนั้นแล้ว ฉินเทียนกัดฟัน เหยียบคันเร่ง รถก็พุ่งทะยานราวกับสัตว์ร้ายบ้าคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
รถวิ่งด้วยความเร็วสูงไปตลอดทาง สร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทันทีที่รถจอดตรงหน้าอาคารเป่ายู่ ฉินเทียนก็กระโดดลง และมุ่งตรงขึ้นไปชั้นบนทันที
ด้านหลังหูเฟยที่สวมหน้ากากเหล็กก็ตามไปด้วยเช่นกัน
หานหลิง หญิงสาวที่เขารักมากที่สุดในชีวิต!
ทั้งสองบุกขึ้นไปถึงชั้นบน ห้องทำงานที่คนอยู่หย็อมแหย็มเพียงไม่กี่คน พนักงานสาวแผนกต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องอยู่นั้นถึงกับตกใจ
“พวกคุณเป็นใคร? คิดจะทำอะไรหน่ะ?” เธอถามด้วยความหวาดกลัว
“หานหลิงอยู่ที่ไหน? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้!”หูเฟยตวาดเสียงดัง
เมื่อเห็นท่าทีของเขาแล้ว พนักงานสาวคนนั้นก็ตกใจจนแทบจะล้มลง
“ไม่ต้องกลัว”
“หานหลิง ผู้หญิงคนนั้นที่มาพร้อมกับฉันก่อนหน้านี้ เขาไปไหนแล้ว?” ฉินเทียนพยายามระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่น และถามด้วยน้ำเสียงดีๆ
พนักงานสาวพึ่งผวาจากความกลัว ก็จำได้ว่าฉินเทียนเป็นแขกที่มาเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้
“เวลาพักเที่ยง ทุกคนไปทานข้าวกันหมดแล้ว”
“หญิงสาวคนนั้นที่คุณถามหา ผู้จัดการหวังของพวกเราพาเขาออกไปทานข้าวด้วยตัวเอง”
“ผู้จัดการหวัง?”
“ก็คือหวังถู”
ฉินเทียนทอดถอนใจ และถามต่อไปว่า “รู้ไหมว่าพวกเขาไปกินข้าวกันที่ไหน?”
“ไม่ต้องกลัว พอดีฉันมีเรื่องด่วนต้องตามตัวเขา”
พนักงานสาวลังเลอยู่สักครู่ และตอบเบาๆ ว่า “ชั้นบนเป็นคลับเฮ้าส์ลับของเจ้าของกิจการบริษัทเรา โดยปกติแล้วจะต้อนรับเฉพาะแขกคนสำคัญเท่านั้น…พวกคุณลองไปดูกันเองก็แล้วกัน”
“แต่อย่าบอกว่าฉันเป็นคนบอกนะ”
ชั้นบน คลับเฮ้าส์?
ฉินเทียนนึกอะไรได้บางอย่าง ไม่รอให้พูดอะไรต่อหูเฟย คำรามเสียงเบาๆ และพุ่งตัวไปที่บันไดทันที
เขารีบร้อนจะตามไป ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คือเบอร์แปลกที่เคยโทรเข้ามาก่อนหน้านี้นั่นเอง
“คุณเป็นใครกันแน่!” หลังจากรับสาย เขาก็รีบถามทันที
ปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วขณะและพูดว่า “จากข้อมูลที่ฉันได้รับล่าสุด นี่อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นกับดัก…”
“พวกคุณอย่าหุนหันพลันแล่น!”
เสียงแหบแห้ง เห็นได้ชัดว่า จงใจที่จะดัดน้ำเสียง แต่ฉินเทียนกลับรู้สึกว่าเสียงนั้นค่อนข้างที่จะคุ้นเคย
“คุณ___”
เขาอยากจะพูดอะไรต่อ ปลายสายก็ทิ้งท้ายไว้ว่า “ฉันจะติดต่อคุณกลับในภายหลัง” จากนั้น ก็วางสายไป
ฉินเทียนตกใจไปชั่วขณะ ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังมาจากทิศทางของบันไดที่ทอดขึ้นไปยังชั้นบน
พนักงานจำนวนมากที่พักกลางวันอยู่ด้านล่างต่างพากันตกใจ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคน รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที
ฉินเทียนรู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว พอนึกถึงคำเตือนทางโทรศัพท์ของหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้น เขาก็รู้สึก กลัวว่าจะถูกหลอก
“หูเฟย!” เขาคำรามเสียงเบาๆ และพุ่งขึ้นไปด้านบนทันทีราวกับลมกรรโชกแรง
ชั้นบน ราวกับเป็นอีกหนึ่งโลกอย่างสิ้นเชิง
การตกแต่งที่อลังการ ดูหรูหรามีระดับ ทำให้คนรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในพระราชวัง
ชายหญิงจำนวนมากสวมเสื้อผ้าที่กระเซอะกระเซิงรวมตัวกันอยู่ที่มุมห้อง ด้วยอาการตัวสั่นเทาและตะโกนส่งเสียงดัง
เท่าที่เห็น ประตูห้องห้องหนึ่งถูกเปิดออก
ฉินเทียนรีบวิ่งตามเข้าไป ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนจมกองเลือด ส่วนหูเฟยถือมีดผลไม้เลอะเลือดเล่มหนึ่งอยู่ในมือ
ด้านข้าง หานหลิงผมเผ้ากระเซิง เสื้อผ้าถูกฉีกขาดหลุดลุ่ย สีหน้าซีดเผือดไม่มีเลือด บ่นพึมพำว่า “เถียโถว คุณฆ่าเขาตายแล้ว!”
“เขาบอกว่าเขาชื่อหวังเป่ายู่ เป็นเจ้าของกิจการของบริษัทก่อสร้างเป่ายู่”
“พ่อของเขาคือจักรพรรดิใต้ดินฮั่นจง ชื่อหวังเหล่าหู่…”
“เถียโถว พวกเราก่อเรื่องแล้ว!”
“ก่อเรื่องใหญ่ซะด้วยสิ!”
เถียโถวก็คือหูเฟย เมื่อได้ยินหานหลิงพูดจบ ก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเกิดเรื่องแน่ๆ เขามองไปยังฉินเทียนอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อดี
เจ้าของบริษัทนี้ คือลูกชายของจักรพรรดิใต้ดินฮั่นจงอย่างนั้นหรือ? ได้ยินคำพูดของหานหลิงแล้ว ฉินเทียนดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
เมื่อเผชิญหน้ากับแววตาของหูเฟย ซึ่งเหมือนเด็กที่รู้ว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เขาก็หัวเราะและพูดว่า “ก็แค่ฆ่าไอ้เด็กเปรตคนหนึ่งเองไม่ใช่หรือ…”
“สังหารได้ดี!”