บัญชามังกรเดือด - บทที่ 770 ความคิดเห็นของเถ้าแก่ใหญ่
บัญชามังกรเดือด บทที่ 770 ความคิดเห็นของเถ้าแก่ใหญ่
น้ำตาที่เป็นเสมือนเม็ดไข่มุกรินไหลออกมาจากมุมหางตาของเหลิ่งหยุนภายใต้ความเงียบ
“แน่นอนว่าฉันรู้สึกมีความสุขไปพร้อมกับเขา!”
เธอเช็ดน้ำตาของเธอ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มสดใสจากนั้นเธอเดินก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
ทางด้านชิงช้า ซูซูนั้นกำลังตั้งใจฟังฉินเทียนราวกับว่าเขานั้นเล่านิทานอย่างไรอย่างนั้น แต่อันที่จริงแล้วเขานั้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในฮั่นจง
“ดังนั้น เถียโถวก็คือหูเฟย หูเฟยก็คือเถียโถว”
“ใบหน้าของเขาถูกไฟคลอก เช่นนั้นเขาถึงได้สวมใส่หน้ากากเหล็ก”
ฉินเทียนเอ่ยชมเชย “สมแล้วที่เป็นภรรยาของฉัน ฉลาดเฉลียวจริงๆ เดาถูกภายในครั้งเดียว!”
ซูซูเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม จากนั้นขมวดคิ้วและเอ่ย “เช่นนั้นแล้วคุณนำเถียโถวไปไว้ที่ใดกัน?”
“เมื่อถึงวันแต่งงาน เขาจะกลับมาหรือไม่?”
“เขารักหานหลิงมากขนาดนั้น ส่วนหานหลิงก็รักเขามากเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้หรือไม่?”
ขณะที่ฉินเทียนกำลังจะเอ่ยบางสิ่ง ด้านหลังของเขานั้นมีเสียงหวานดังขึ้น
“แน่นอน!”
“มีพี่เทียนอยู่และคอยสั่งสอนพวกเขา พวกเขาสามารถครองรักกันได้แน่”
ซูซูตกใจเล็กน้อย รีบลุกขึ้นและเอ่ย “คุณคือ?”
ฉินเทียนยืนขึ้นเช่นกัน เขายิ้มพลางกล่าว “ที่รัก ฉันขอแนะนำหน่อย คนนี้คือเหลิ่งหยุน เป็นศิษย์น้องของฉัน”
“เสี่ยวหยุน นี่คือพี่สะใภ้ของเธอ ซูซู”
“พี่สะใภ้สวัสดี” เหลิ่งหยุนก้าวไปด้านหน้า เหยียดมือออกมาจับมือกับซูซูอย่างรู้เรื่องราว เอ่ยหยอกเย้า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ชายของฉันอยู่ด้านนอก แต่ทว่าจิตใจนั้นกลับไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร”
“เพราะที่บ้านมีพี่สะใภ้ที่งดงามเช่นนี้อยู่ ต่อให้เป็นผู้ชายคนอื่นก็คงไม่สบายใจเช่นกัน”
“หากฉันเป็นเขา ฉันเองก็คงยอมเป็นทาสภรรยาเช่นกัน”
ซูซูยิ้มและรีบเอ่ย “อย่าถูกหลอกโดยภาพลวงตาของเขา สำหรับผู้ชาย เมื่อออกไปเที่ยวด้านนอกเขามักจะแสดงท่าทีเจ้าชู้ เมื่อกลับถึงบ้าน เขาจะกระตือรือร้นเพียงผิวเผินเท่านั้น”
“นั่นก็เพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่อยู่ภายในใจ!”
ขณะเอ่ยก็ยังตำหนิฉินเทียน “มีน้องสาวที่สวยขนาดนี้ ทำไมไม่รีบพามาเจอฉัน”
“เมื่อเอ่ยเช่นนี้ พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”
“รู้สึกว่าฉันไม่เหมาะสมต่อการเป็นพี่สะใภ้หรือเปล่า?”
ใบหน้าของฉินเทียนหมองคล้ำและรีบเอ่ย “ที่ไหนกันเล่า!”
“อีกอย่าง ฉันไม่ได้อยู่ด้านนอกด้วย เจ้าชู้สนุกเลยใช่ไหม!”
ขณะที่ซูซูจะกล่าวบางอย่าง เหลิ่งหยุนยิ้มและเอ่ย “พี่สะใภ้เข้าใจพี่ชายของฉันผิดไปแล้ว”
“เขาเป็นเช่นนี้ แม้ว่าไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็มักจะมีผู้หญิงเข้าหาอยู่เสมอก็ตาม แต่ทว่าเขานั้นรักเดียวใจเดียว”
“อีกอย่าง หลังจากนี้หากเขาออกไปที่ใด ฉันจะคอยสอดส่องเขาแทนพี่สะใภ้เอง หากว่าเขาทำตัวเจ้าชู้ ฉันจะรายงานต่อพี่สะใภ้ในทันที”
ซูซูจับมือของเหลิ่งหยุนไว้และยิ้มพร้อมกับเอ่ย “นี่คือน้องสาวที่ดีของฉัน!”
“ฉันนี่ใช้ไม่ได้เลย รีบไปกันเถอะ พวกเราไปดื่มชาที่บ้านกัน”
“หิวแล้วหรือยัง? ชอบกินอะไรหรือเปล่า? พี่สะใภ้จะทำอาหารให้คุณเอง
หลังจากที่เหลิ่งหยุนเกิดมา พ่อและแม่ของเธอก็ตายจากไป หลังจากใช้ชีวิตมาด้วยความยากลำบาก เธอได้รับความเจ็บปวดมามากกว่าผู้ชายมากมาย เช่นนั้นเธอจึงเติบโตมาด้วยนิสัยที่โหดเหี้ยมมากกว่าผู้ชาย
เธอแทบจะไม่มีเพื่อนรู้ใจในวัยเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นของซูซู ความอบอุ่นภายในหัวใจทำให้ดวงตาของเธอแดงระเรื่อ
“ขอบคุณมากพี่สะใภ้”
“แต่ทว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ ฉันจะให้คุณทำอาหารให้ได้อย่างไรกัน ฉันไม่เลือกกิน ฉันสามารถกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
หยางยู่หลันกลับมาแล้ว เมื่อเห็นฉินเทียน หล่อนมีความสุขเป็นอย่างมาก หล่อนเป็นแม่ยาย เห็นว่าฉินเทียนนั้นเป็นเสมือนลูกชายแท้ๆของตนและเป็นหัวหน้าครอบครัว
เมื่อได้ยินว่าเหลิ่งหยุนนั้นเป็นน้องสาวของฉินเทียน อีกทั้งยังรับรู้ถึงภูมิหลังของเธอ ความเป็นแม่ของหยางยู่หลันนั้นยิ่งใหญ่ ถามไถ่ทุกข์สุขเหลิ่งหยุนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เหลิ่งหยุนหลั่งน้ำตาหลายครา หล่อนลอบบอกฉินเทียนว่าในอนาคตหล่อนจะอาศัยอยู่ที่นี่
สำหรับเรื่องนี้ฉินเทียนนั้นไม่ได้ปฏิเสธ
หากว่าที่นี่มีราชินีงู อุทยานมังกรก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ทุกคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่พบกันเนิ่นนาน ทุกคนล้วนแต่มีความสุขและร่วมสนุกสนานไปด้วยกัน
ฉินเทียนนั้นคอยสังเกต ซูซูกินเยอะมากจริงๆ ใช้คำว่า ‘กินอย่างมูมมาม’ มาบรรยายก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
เขาอดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกหดหู่ใจ บอกกับตัวเองภายในหัวใจด้วยลักษณะท่าทางเช่นนี้อาจจะเป็นนาจา? เช่นนี้ถึงได้ดูดซับสารอาหารค่อนข้างมาก
ฉับพลันเขารู้สึกหัวเสียเล็กน้อย
แกทำให้ภรรยาของฉันนั้นลำบากมาก รอให้แกคลอดออกมาก่อนเถอะ ฉันจะจัดการแกให้สาสม
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จสิ้น ซูซูพลันรู้สึกง่วงนอน ฉินเทียนพาเธอกลับไปยังห้องนอนเพื่อพักผ่อน
“ลุงฉานอยู่แถวนี้หรือเปล่า? พี่พาฉันไปหาเขาหน่อยได้ไหม”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยถูกอุปการะ เขาติดตามคุณพ่อที่เป็นผู้อุปถัมภ์มาเยี่ยมเยียนฉันอยู่หลายครั้งและดูแลฉันอย่างดี” เหลิ่งหยุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
สำหรับเรื่องนี้ ฉินเทียนตอบตกลงโดยไม่ลังเล อีกอย่างที่เขากลับมาในครั้งนี้ เขาเองก็มีเรื่องบางอย่างที่ต้องการปรึกษาหารือกับฉานเจี้ยน
เขาขับรถและพาเหลิ่งหยุนไปด้วยตัวเอง เขาขับรถไปยังสวนสัตว์ร้ายที่อยู่นอกเมือง
เมื่อเห็นเหลิ่งหยุนเติบโตมาและกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามและรูปร่างสูงโปร่ง ฉานเจี้ยนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าฉานเจี้ยนนั้นสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป เหลิ่งหยุนรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง
ผีหวูฉางและชุยหมิงยังคงเป็นลูกน้องใต้บัญชาของวิหารพญายม พวกเขาให้ความเคารพต่อเหลิ่งหยุนและเรียกหล่อนว่าคุณหนูใหญ่
ใต้ต้นไม้เก่าแก่ มีหลายคนกำลังนั่งที่โต๊ะหิน เหลิ่งหยุนต้มชาด้วยตัวเอง ฉินเทียนดื่มชาพลางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปยังซีเป่ยในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้เขาเล่าให้ซูซูฟัง เขาเล่าเรื่องราวที่ไม่สามารถคาดเดาได้ คดีการสังหาร กลายเป็นเรื่องราวความรักระหว่างหานหลิงและหูเฟยชายหนุ่มผู้ตกต่ำ
เกรงว่าจะทำให้ซูซูตกใจกลัว เรื่องการสังหารเหล่านั้นแน่นอนว่าเขานั้นไม่ได้เอ่ยออกไป
สิ่งที่เล่าในตอนนี้นั้นคือความจริงทั้งหมด
หลังจากที่หลายคนรับฟังภายใต้ความเงียบ ฉานเจี้ยนลังเลเล็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ตระกูลฉินคงไม่มีทางยอมวางมือแน่นอน”
“ตระกูลใหญ่โตเช่นนี้ อีกทั้งยังมีเส้นสนกลในมากมาย เชื่อว่าคุณย่อมรู้แจ้งกว่าพวกเรา”
“เจ้าสำนัก หากครั้งหน้ากลับไปพาพวกเราไปด้วยเถิด!”
ชุยหมิงรีบกล่าว “ใช่แล้วเจ้าสำนัก พวกเราสามคนอยู่ที่นี่ดูเหมือนว่าจะมีความสุข แต่อันที่จริงพวกเรานั้นคันไม้คันมือมานานแล้ว”
“ครั้งนี้ให้พวกเราไปด้วยเถอะ!”
“อีกอย่างหลังจากคลิปวิดีโอครั้งก่อน พวกเรานั้นคิดถึงพี่น้องชิงเฉินมาก”
“ไปครั้งนี้ก็สามารถไปพบเจอเขาได้”
ผีหวูฉางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันไม่สนว่าพวกเขาคือใคร ตราบใดที่กล้าแตะต้องเจ้าสำนัก ฉันจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ!”
ฉินเทียนได้วางแผนไว้แล้ว เขายิ้มและเอ่ย “ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
“สำหรับการรับมือกับตระกูลฉิน ฉันได้วางแผนเอาไว้แล้ว ในเมื่อพวกเขาไร้ความปราณีก็อย่าหาว่าฉันนั้นไร้มนุษยธรรม”
“ฉันกล้าทำลายเส้นเลือดของราชาของพวกเขา ฉันไม่กลัวการแก้แค้นเอาคืน”
“ฉันคิดเช่นนี้ ลุงฉาน คุณคอยรักษาการณ์อยู่ที่นี่ ให้ผีหวูฉางและชุยหมิงไปกับฉัน”
“ดูสถานการณ์ เมื่อฉันต้องการคุณ ฉันจะแจ้งให้คุณทราบ”
ฉานเจี้ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ย “ตกลง!”
“ห้าพญายมแห่งนรกล่ะ? คุณเตรียมพร้อมพาไปเท่าไร?”
“ลูกน้องใต้บัญชาของพวกเขานั้นมียอดฝีมือแล้ว ถ้าให้ฉันพูด อย่าได้พลาดโอกาสที่ดีในการฝึกทหาร!”
ฉินเทียนพยักหน้า “พวกเขา อีกไม่กี่วันฉันจะไปยังอู่หู หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกับนายท่านอานแล้วค่อยมาพูดคุยกัน”
ฉานเจี้ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยเสียงเบา “เปิดศึกกับตระกูลฉิน หากเรื่องนี้ถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ เจ้าสำนัก ฉันขอแนะนำให้คุณไปถามความคิดเห็นจากเถ้าแก่ใหญ่”
“บางทีเขาอาจจะรู้อะไรบางอย่าง”
เมื่อเห็นสีหน้าของฉานเจี้ยน ฉับพลันหัวใจของฉินเทียนกระชับแน่น
“ลุงฉาน คุณกล่าวว่ารู้อะไรบางอย่าง นั่นหมายความว่าอะไร?”
“หรือว่าอาจารย์ของฉันนั้นมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉิน?”