บัญชามังกรเดือด - บทที่ 850 เขาอิงจุ่ย
บัญชามังกรเดือด บทที่ 850 เขาอิงจุ่ย
“ฉินเปียวเอ่ยว่ายังไงบ้าง?”
เมื่อมองเห็นหลังจากที่ฉินเทียนนั้นวางสายไปแล้ว สีหน้าก็เคร่งขรึม จี้ชิงและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะรีบเอ่ยถาม
ฉินเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ย “วันนี้ช่วงพลบค่ำ ข้าจะไปเอง”
“ไม่ได้!”
“การบาดเจ็บของพี่เพิ่งจะดีขึ้น รอบนี้ไม่สามารถที่จะไปคนเดียวได้อย่างแน่นอน!”
“ใช่แล้ว หากจะไปต้องไปด้วยกัน!”
“เจ้าฉินเปียวนั้นโหดร้ายจะตาย มีเล่ห์เหลี่ยม พี่จะไปคนเดียวได้ยังไงกัน!”
คำพูดของฉินเทียนนั้น ต่างก็ได้รับคำค้านจากทุกคนในทันที
หูเฟยที่สีมีหน้าแดงก่ำ กัดฟัน เอ่ยอย่างคอแข็ง “เมื่อสองรอบก่อน เจ้าไม่ให้ข้าเข้าร่วม ข้าก็ยอมแล้ว!”
“แต่ในรอบนี้ จะต้องเอาข้าไปด้วย!”
“ข้ารู้ ว่ากำลังของข้านั้นได้แข็งแกร่งมากนะ แต่อย่าลืมสิ ว่าตอนนี้ข้านั้นก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิหารเทพแล้วนะ!”
หานหลิงเอ่ยอย่างใจเย็น “หูเฟย ฉินเทียนเขานั้นมีพระคุณต่อพวกเรานะ พวกเรารู้ ว่าคุณนั้นอยากจะทำเรื่องพวกนี้เพื่อเขา”
“ตอนนี้ ฉันนั้นท้องแล้ว ตอนนี้ตระกูลตระกูลหูของพวกคุณนั้นได้มีลูกหลานแล้ว พวกคุณวางใจแล้วไปต่อสู้เถอะ”
“วางใจ หากเกรงว่าถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันคนนี้ จะต้องให้กำเนิดเด็กคนนี้อย่างปลอดภัย แล้วเลี้ยงเขาให้เติบโตอย่างแน่”
“ฉันจะทำให้เขาจำได้ว่า เขานั้นคือคนของตระกูล ตระกูลหู!”
ถึงแม้ว่าคำพูดนี้นั้นจะเรียบง่ายและสงบ แต่ว่าได้แสดงออกถึงเจตจำนงได้อย่างชัดเจน นี่เองที่ทำให้เห็นว่าผู้หญิงนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชาย นั้นทำให้คนประทับใจมาก
พวกเขาทั้งสองคนนั้น ตอนนี้นั้นที่ได้เตรียมตัวพร้อมที่จะทำการเสียสละแล้ว
ด้วยเหตุนี้แล้ว ฉินเทียนนั้นนอกจากประทับใจแล้ว ก็ยังประทับใจอีก
เขานั้นในตอนเด็กๆนั้นได้รับกากกักขังจากครอบครัว ได้รับความทรมานและความเย็นชา สามารถเอ่ยได้ว่า เขานั้นได้ขาดความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
คิดไม่ถึงเลยว่า ความรักและความอบอุ่นแบบนี้นั้น จะไม่พบเจอกับเพื่อนของตนเอง
“ในรอบนี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลข้าหรอกน่า”
ฉินเทียนเอ่ยไม่กี่คำ และรู้ว่าทุกคนนั้นจะไม่ยอมรับ เขานั้นเลยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมองไปที่ทางสามเมตรอีกด้าน ที่ได้มีวิวทิวทัศน์และต้นไม้ที่มีขนาดต้นหนาเท่าข้อมือ
“ไม่เชื่อ พวกเจ้าลองดูสิ!”
ทันใดนั้นเองเขานั้นก็ถอนหายใจเบาๆ ทำท่าเหมือนมีด แล้วตัดอยู่ไกลๆ
ฉากแปลกประหลาดเช่นนี้ได้เกิดขึ้น
ก่อนที่จะมีเสียงหวีดออกมา แล้วได้มีแก่นก๊าซนั้น ได้พ่นออกลอยออกมาจากปลายนิ้วมือเขา แล้วรวมตัวกันในความว่างเปล่าควบแน่นกลายเป็นรูปมีด
ก่อนที่มีดนั้นจะตัดเข้าไปในอากาศ ก่อนที่จะหายไปในพริบตา
หลังจากนั้น ได้มีเสียงกึ๊ก แล้วต้นไม้ที่อยู่ห่างไปสามเมตรนั้น ก็ได้มีการหักเกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกิ่งไม้ได้แตกหักไปแล้ว แล้วก็ได้หายวับไป เหมือนราวกับได้ถูกมีดตัดออก
“โอ้โห!”
จี้ชิงร้องออกมา ก่อนที่จะอ้าปากค้างและไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไร
รวมถึงเหลิ่งหยุน หูเฟย หายหลิงและหูรั่วหลัน ต่างก็มีสีหน้าที่ตกใจ พวกเขารู้สึกว่า นี่มันเวทมนตร์อะไรกัน?
“ปลดปล่อยกำลังภายใน ปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูง!”
ฉินเทียนนั้นได้ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น เกือบที่จะทำโต๊ะด้านหน้าลงคว่ำ และแก้วที่ได้เทไวน์ลงไปที่ด้านบนนั้น ก็ได้หกลงบนพื้น แต่เขานั้นก็ไม่ได้สนใจ
“ปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูง?”
“ใช่แล้ว!”
“ข้าได้ยินคุณลงของข้าเอ่ย ว่าพวกเรานั้นเมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นจุดหนึ่งแล้วที่แน่นอน กำลังภายในในร่างกายนั้นจะระเบิดออกมาด้านนอก และฆ่าคนในอากาศ และนี่คือสัญลักษณ์ของปรมาจารย์!”
“โอ้แม่เจ้า ปรมาจารย์หรอ!”
“พี่เทียน ไม่คิดเลยว่าพี่นั้นจะแอบซ่อนไม่เปิดเผยมาก่อน ว่าตอนนี้นั้นได้เป็นถึงปรมาจารย์ดินแดนขั้นสูงในตำนานเลยนะ!”
เมื่อก่อนนั้นที่รู้เกี่ยวกับในยุทธภพนั้น ปรมาจารย์นั้น นับว่าเป็นระดับที่สูงที่มีอยู่แล้วล่ะ
ปลดปล่อยกำลังภายใน จะฆ่าคนจนไม่มีคน แล้วแบบนี้ใครล่ะที่อยากจะมาเป็นศัตรู?
เมื่อรับรู้ถึงความน่ากลัวของฉินเทียนแล้ว ทุกคนนั้นต่างก็ทั้งตกใจและยินดี
ฉินเทียนเอ่ยยิ้มๆ“มันก็มีทั้งความโชคดีและโชคร้ายนั่นแหละ”
“ไม่ใช่เพราะว่าข้านั้นซ่อนเก็บไว้ไม่เปิดเผย แต่ว่าข้าในเมื่อก่อนนั้น มักจะรู้จักว่า สามารถรับรู้ได้ถึงประตูธรณีของปรมาจารย์ แต่ว่าเหมือนได้มีหน้าต่างกระดาษอยู่หนึ่งชั้น ที่ยังไม่ทำให้ขาด”
“รอบนี้ที่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นมันน่าพอใจ ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าในความฝันนั้น จะสามารถทำลายหน้าต่างที่มีกระดาษกั้นอยู่ได้”
“ฉินเปียวเขานั้นมีข้อกฎว่าให้ข้านั้นไปพบเขาเพียงคนเดียว”
“พวกเรานั้นพยายามกันมาตั้งนาน ตอนนี้ห่างจากคำตอบไม่ไกลแล้ว ดังนั้นข้านั้นจำเป็นที่จะต้องไป”
“พวกเจ้านั้นก็จำเป็นที่จะต้องกังวลนะ”
ทุกคนนั้นต่างก็หันหน้ามามองกัน ท้ายที่สุดแล้ว ฉินชวนนั้นก็กัดฟันและตัดสินใจ
“ได้!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะอยู่ที่นี่ ขอให้พี่แส้มังกรนั้นต่อสู้ชนะ และได้รับคำตอบที่ต้องการ”
“เจ้าก็วางใจเถอะ พวกเรานั้นจะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของพี่เสมอ!”
“ได้!”ฉินเทียนนั้นเอ่ยพร้อมทั้งหัวเราะพยักหน้า ก่อนที่จะทิ้งหัวข้อนี้ แล้วดื่มต่อกับทุกคนต่อไป
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ทุกคนนั้นก็เพราะว่ารู้แล้ว ว่าฉินเทียนนั้นจะต้องไปต่อสู้คนเดียวในพลบค่ำนี้ ต้องการที่จะพักผ่อน ดังนั้นเลยเอ่ยขอจบงานเลี้ยงก่อน
ฉินเทียนเมื่อมาถึงที่ห้องนอน มาถึงก็นอนหลับเลย จนกระทั่งถึงตอนบ่าย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงของฉินชวนดังขึ้นมา
“แส้มังกร ตามที่คุณนั้นได้สั่งเอาไว้ ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ได้เตรียมพร้อมแล้วล่ะ”
“สามารถบินตรงไปที่เมืองฉินได้”
ฉินเทียนออกจากประตู และอำลากับทุกคน ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ และได้บินและมุ่งหน้าไปยังเมืองฉิน
นี่คือหลังจากที่เขานั้นได้มาที่ซีเป่ย นับว่าเป็นครั้งที่สามแล้วที่ได้มีการยังเมืองเมืองฉิน หวังว่าในรอบนี้ สามารถที่จะทำให้พอใจได้
นั่งบนเครื่องบิน แล้วมองไปยังทะเลหมอก ภายในใจของฉินเทียนนั้นสงบมาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่ด้านล่างของทะเลหมอกนั้น ได้ปรากฏหัวของภูเขาออกมา
ยอดเขาที่โดดเดี่ยว ที่มีเมฆปกคลุมแต่ละชั้น มองไปแล้วเหมือนกับเป็นแดนสวรรค์ที่ได้ถูกปกคลุมด้วยทะเลหมอก
เขาอิงจุ่ย!
สถานที่นี้แม้แต่อินทรีก็ไม่สามารถที่จะบินมาได้!
ภายในใจของฉินเทียนนั้นสงบนิ่ง ทันใดนั้นก็ได้เต้นแรง หลังจากนั้นก็เหมือนเขื่อน ที่ได้แตกออก
เพราะว่า เขานั้นได้คิดเกี่ยวกับเรื่องของ เขาอิงจุ่ย และเรื่องขาวที่เกี่ยวกับตระกูลฉิน
เขาอิงจุ่ย หรืออีกชื่อนามว่าเขาแห่งความตาย ตามอย่างที่เอ่ยชื่อว่า เป็นสถานที่แห่งความตาย
ฉินเปียวนั้นนัดตัวเขามาที่นี่ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?หรือว่า ไม่ตายไม่อยากจะพักหรือไงกัน?
หลังจากที่เครื่องบินนั้นได้บินลงบนไหล่เขาที่ราบเรียบ ฉินเทียนนั้นได้กระโดดลงไปบนทางหิน ก่อนที่จะค่อยๆขึ้นอย่างช้าๆ
ในตอนนี้นั้น ได้ถึงเวลาช่วงพลบค่ำ บนท้องฟ้านั้น แสงอาทิตย์นั้นยังไม่ได้หายไปจนหมด ร่องรอยของสีแดง ที่ได้แขวนเอาไว้บนสันหลังของเขา
มองไปไกลๆแล้ว นั้นเป็นสถานที่รกร้างแต่ทว่ายังงดงาม
ภาพเงาสะท้อนที่สะท้อนบนตัวของฉินเทียน ร่างกายที่ดูเปล่าเปลี่ยว เขามองไปแล้วนั้นก็ห่างไกลกันไม่มากเท่าไหร่
เดินไปทีละก้าวทีละก้าว ถึงแม้ว่าจะเดินช้า แต่ว่ายังมั่นคงอย่างผิดปกติ
ลมเขานั้นที่พักมาโดนเสื้อของเขา และหมอกที่ได้มาทำให้จอนผมของเขานั้นเปียก แต่ว่ามีลมพัดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เลยทำให้ไม่เปียก และดวงตาที่สว่างไสวเปล่งประกายราวกับดวงดาวที่ดูลึกเหมือนราวกับน้ำทะเล
ทั้งภูเขานั้น เหมือนกับนกอินทรี ยอดเขาที่สูงและโดดเดี่ยว ที่เหมือนกับคอของนกอินทรีที่ยาวยื่นคอออกมา
ในที่สุด เขานั้นก็ได้มาถึงบนยอดเขา
และเมื่อมองออกไปนั้น ดวงตานั้นอดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย
ที่ไกลๆนั้น ได้เหมือนมีกิ่งไม้ลอยอยู่เหนือทะเลอยู่ข้างๆก้อนหินใหญ่ นั่นคือส่วนของปากนกอินทรี ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น
และลมที่พัดแรงมาก เมื่อไปแล้วเหมือนเขาคนนั้นก็มีความกล้าหาญอยู่บ้างเล็กน้อย
และที่ด้านหน้าของเขานั้นได้มีหินก้อนหนึ่งที่เหมือนกับโต๊ะ กลับได้วางอาหารวางไว้สองอย่างอีกทั้งเหล้าหนึ่งจอก
ฉินเปียวนั้นกลับกำลังดื่มเหล้า!
เขานั้นหันหลังให้ฉินเทียน มองไปที่ท้องฟ้าที่มีสีแดง แล้วดื่มเหล้าหนึ่งอึก ก่อนที่จะยิ้มแล้วเอ่ย “คิดถึงเลยว่าพวกเราพี่น้องนั้น วันนี้จะได้มาพบกันที่นี่”
“ลงภูเขานั้นแรงมาก พี่ชาย อยากจะมาดื่มด้วยกันสักแก้วไหมล่ะ?”
เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ เขานั้นก็ได้หันหน้าไปมองที่ฉินเทียน
สายตาคู่หนึ่งนั้น กลับใสชัดเจน มองไปแล้ว ดูจริงใจมาก
พี่ชาย?
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเทียนนั้นได้ยินฉินเปียว เรียกตนเองเช่นนี้อย่างจริงจัง เมื่อก่อน “พี่ชายที่แสนดี”อะไรนั่น มันก็เป็นเพียงแค่การหยอกล้อ
อีกทั้งด้านในนั้นยังแฝงไปด้วยการเยาะเย้ยอีก
แต่ว่าฉินเปียวในตอนนี้นั้น เหมือนราวกับว่าเป็นน้องชายจริงๆ