บัญชามังกรเดือด - บทที่ 990 ป่วยหนัก
บัญชามังกรเดือด บทที่ 990 ป่วยหนัก
ฉินเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้สึกดีอะไรนักกับคนตระกูลซู
แต่ในเมื่อแม่ยายเขาเอ่ยปาก จึงโบกมือส่งสัญญาณให้ยามปล่อยซูยู่คุนเข้ามา
ซูเหวินเฉิงนำเข้าไปก่อน “พ่อครับ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงมาได้?”
“ที่บ้าน…ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่แล้ว! พ่อจึงต้องบากหน้ามาขอให้ฉินเทียนช่วย!”
ซูยู่คุนพูดพลางหายใจหอบ บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
เห็นได้ชัดว่าเขารีบมาสุดๆ เหนื่อยจนลืมที่จะรักษาบุคลิกปกติ
“เรื่องใหญ่อะไร?”
“พ่อครับ คงจะไม่ใช่เพราะแม่ผมไม่สบายใช่ไหม?”
ซูเหวินเฉิงร้อนใจ เขาจากบ้านมานาน มาเป็นลูกน้องของซูซูที่มีความสุขจนลืมบ้านเกิดเมืองนอนของตน
ตั้งแต่ออกมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยโทรกลับบ้านไปถามไถ่สักครั้งเลย
แม้เขาจะไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็นลูกที่กตัญญู
ใส่ใจกับสุขภาพของพ่อแม่มาก
“ไม่ใช่แม่แก แต่เป็นปู่แก” ซูยู่คุนโบกมืออย่างร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดมาก “พอแล้ว ไม่ต้องถามแล้ว ฉันจะไปหาฉินเทียนก่อน”
“เดี๋ยวแกตามหลังฉันเพื่อช่วยพูด ถ้าหากฉินเทียนไม่ยอมช่วย จะต้องพูดดีๆให้เยอะๆก็พอ”
เกิดเรื่องกับคุณปู่แล้ว?
ใจของซูเหวินเฉิงดิ่งวูบทันที ตั้งแต่เล็กจนโตเขาถูกซูเป่ยซานมองว่าเป็นผู้สืบทอดในอนาคต จึงรักและเอ็นดูมากๆ
ทันทีที่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับซูเป่ยซานจึงร้อนใจสุดๆ
โชคดีที่เขาประคองซูยู่คุนเดินอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เดินมาถึงตรงหน้าฉินเทียน
“ลุงรอง?” ฉินเทียนมีน้ำเสียงเย็นชาแล้วยื่นมือชี้เก้าอี้ข้างๆ “รีบมาดึกดื่นขนาดนี้ คนที่เดินทางมาไกลล้วนเป็นแขก ดื่มเหล้าสักแก้วก่อนเถอะครับ”
“ใช่ค่ะลุงรอง ตั้งแต่ที่พวกอาย้ายออกจากหลงเจียง หนูกับแม่ก็ไม่ได้เจอพวกอาตั้งนาน ไม่รู้ว่าตอนนี้อาสะใภ้กับคุณปู่ยังสบายดีอยู่ไหมคะ?”
ซูซูก็พูดขึ้นมาด้วย ยังไงซะเธอก็เป็นนายหญิง การต้อนรับแขกจึงดูแลได้อย่างทั่วถึงมาก
ซูยู่คุนถอนหายใจอย่างแรง “ซูซู ครั้งนี้ที่ลุงรองมาก็เพื่อขอร้องให้พวกเธอช่วย!”
“เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นระหว่างเราก่อนหน้านี้ พวกเธอที่น้ำใจและความเมตตา อย่าได้ถือสาเลยนะ”
“ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะตอนนั้นพวกเราเลอะเลือนไปเอง เราโลภและโง่เอง แต่ยังไงแล้วพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ?”
“ที่หักกระดูกที่ติดกับเส้นเอ็น ทำให้เราต้องเจอปัญหา พวกเธอจะต้องช่วยนะ”
ซูยู่คุนพูดคำพูดดีๆออกมาสารพัดเพื่อคอยสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของฉินเทียน
แต่ทว่าสีหน้าของฉินเทียนยังคงเป็นปกติ ไม่มีวี่แววว่าอยากจะช่วยเลย
นี่ทำเอาซูยู่คุนร้อนใจสุดๆ จึงรีบเตะเท้าซูเหวินเฉิงที่อยู่ข้างๆเพื่อส่งสัญญาณให้เขาช่วยพูดให้ชัด
ซูเหวินเฉิงเข้าใจ “ใช่ครับพี่ซูซู ตอนที่พวกเรายังเด็ก คุณปู่ก็รักและเอ็นดูพวกเรามาก”
“เมื่อกี้พอได้ยินพ่อบอกว่า เหมือนจะเกิดเรื่องกับคุณปู่ท่าน ผมร้อนใจจนแทบจะอยากบินกลับไปเยี่ยมที่บ้านเก่าเลยซะเดี๋ยวนี้”
“เกิดเรื่องกับคุณปู่?” ซูซูรีบมองซูยู่คุน “ลุงรอง คุณปู่ท่านเป็นอะไรกันแน่?”
แม้ว่าซูซูจะหมดความเชื่อใจต่อคนในตระกูลเหล่านี้มานานแล้ว แต่ยังไงซะก็มีสายเลือดเดียวกัน
โดยเฉพาะซูยู่คุนที่มาหาตอนดึกดื่นโดยไม่ได้นัด แสดงถึงความอ่อนแอพอแล้ว
เธอไม่ใช่คนที่ซ้ำเติมคนอื่น ไม่เพียงไม่หัวเราะเยาะ แต่กลับถามถึงสถานการณ์ของซูเป่ยซานอย่างจริงใจ
ซูยู่คุนคอยสังเกตปฏิกิริยาตอบกลับของทุกคนอย่างระมัดระวัง ฉินเทียนและหยางยู่หลันยังคงไม่สนใจ เห็นได้ชัดว่ากำลังคร้านที่จะยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง
มีเพียงซูซูที่ยอมถามเพิ่มสองประโยค ดูเหมือนว่าถ้าอยากจะขอให้ฉินเทียนขยับจะทำได้เพียงแค่เริ่มจากที่ซูซู
ยังไงซะเขาก็เห็นซูซูเติบโตมาแต่เด็ก จึงรู้ว่าเธอมีจุดอ่อนคือเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่มีต่อกันและศีลธรรม จึงเริ่มใช้คุณธรรมมาจี้ต่อ
“ซูซู คุณปู่ของหลานท่านป่วยหนัก ดูเหมือนใกล้จะไม่ไหวแล้ว!”
“ลุงรองของเธอ อาไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆถึงได้บากหน้ามาขอร้องต่อหน้าพวกเธอ”
“วอนเธอช่วยพูดกับฉินเทียนหน่อยนะ ให้เขาออกมือช่วยชีวิตปู่เธอด้วยเถอะ!”
“พวกเราได้ข่าวมาว่าเขามีวิชาการแพทย์ที่ฟื้นชีวิตกลับคืนมาได้ หมอมีความเมตตา ไม่ว่าจะช่วยใครก็เป็นการช่วย ก็ยื่นมาออกไปช่วยคุณปู่ของเธอด้วยได้ไหม?”
ซูซูได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “ลุงรอง อายังไม่บอกเลยว่าคุณปู่ท่านเป็นอะไรกันแน่?”
“วิชาการแพทย์ของฉินเทียนยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้เว่อร์ถึงขั้นฟื้นชีวิตกลับคืนจากความตายได้”
“ซูซู พวกเราตามหาหมอเทวดามาจนทั่วเหิงหลิ่งแล้ว วิธีการรักษาทั้งแผนจีนและตะวันตกก็ใช้มาหมดแล้ว แต่อาการป่วยของคุณปู่เธอกลับยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ”
“ตอนนี้ฉินเทียนคือความหวังสุดท้ายที่จะช่วยเขา เธอก็ช่วยเกลี้ยกล่อมให้ฉินเทียนแสดงความใจบุญสักหน่อย ไม่อย่างงั้นจะต้องให้ลุงรองคุกเข่าเคารพกับพื้นเพื่อสำนึกผิดเหรอ?”
ซูยู่คุนพูดพลางส่งสายตามองหยางยู่หลัน “พี่สะใภ้ครับ ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่บ้านปฏิบัติต่อพี่และซูซูอย่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ต้องโทษพวกเราที่เลอะเลือนไปชั่วขณะเอง!”
“โชคดีที่ไม่ได้ทำให้มันกลายเป็นหายนะใหญ่ และผมกับพ่อก็ได้รับบทเรียนแล้ว ตอนนี้รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปและแก้ไขแล้วจากใจจริง”
“พี่ช่วยเกลี้ยกล่อมฉินเทียนให้หน่อย เห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่ ถือว่าเห็นแก่หน้าพี่ใหญ่ของผมที่เสียไป ช่วยพวกเราเถอะครับ!”
“เฮอะ!” หยางยู่หลันปั้นหน้าไม่ส่งเสียงใดตั้งแต่ที่ซูยู่คุนปรากฏตัว
พอตอนนี้เห็นว่าเอ่ยถึงสามีของตนที่เสียไปก็ยิ่งโกรธจัด
“อะไรที่เรียกว่าไม่ได้ทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่? ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกคุณใช้วิธีบีบบังคับ ซูซูจะถูกทำร้ายจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเหรอ?”
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉินเทียนกลับมาช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้กับพวกเรา พวกเราแม่ลูกก็อาจจะถูกพวกคุณบีบบังคับให้อับจนไปตั้งนานแล้ว
ซูยู่คุนถูกตอกกลับจนหน้าแดงสุดๆจึงยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองหนึ่งที “พี่สะใภ้ครับ ผมสำนึกผิดแล้ว สมควรโดนตบ!”
ฝ่ามือนี้เสียงดังฟังชัดทำเอาใบหน้าครึ่งหน้าของซูยู่คุนบวมขึ้นมา
หยางยู่หลันจิตใจดีจึงบีบบังคับไม่เป็น
เธอมองซูยู่คุนที่ตกอับจนถึงขั้นต้องตบหน้าตัวเอง ความโกรธแค้นหนักในตอนนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจยาวหนึ่งที
“ฉินเทียน ลูกฝืนใจช่วยพวกเขาสักครั้งเถอะ”
สิ่งที่ซูยู่คุนรอก็คือประโยคนี้จึงรีบพยักหน้าแรงๆ “ใช่ฉินเทียน ยังไงนายก็เป็นลูกเขยของตระกูลซูของเรา ช่วยพวกเราสักครั้งเถอะ!”
ฉินเทียนถึงจะเอ่ยปากอย่างไม่ใส่ใจ “ดังนั้นพอถึงตอนใช้ประโยชน์ผม ก็ยอมรับผมเป็นลูกเขยตระกูลซูแล้วเหรอ?”
“พี่เทียนครับ ตอนนั้นพวกเรามีตาหามีแววไม่ ดูไม่ออกว่าพี่เก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้ ถึงได้ทำเรื่องที่นำความขายหน้ามาสู่ตนมากมาย”
ถึงอย่างไรซูเหวินเฉิงก็ทนเห็นพ่อของตนถูกเย้ยหยันไม่ได้จึงรีบช่วยพูด “พวกเราได้รับบทเรียนแล้ว รู้และสำนึกความผิดของตนแล้ว พี่ก็ช่วยเราสักหน่อยเถอะ!”
ฉินเทียนหน้าเคร่งไม่ยอมเอ่ยปากรับคำ
ความเป็นความตายของซูเป่ยซานเกี่ยวอะไรกับเขา?
ตอนนี้เขาแค่อยากจะคอยอยู่ข้างๆซูซู ปกป้องพวกเธอแม่ลูกให้ปลอดภัย จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
ในบรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ ไม่มีใครเข้าใจความคิดนี้ของฉินเทียนเท่าซูซูแล้ว
ถึงแม้จะพูดได้ว่าจนถึงตอนนี้เธอยังคงปล่อยวางเรื่องในตอนนั้นยังไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วเลือดก็ข้นกว่าน้ำ อีกครั้งยังถูกซูยู่คุนมาขอร้องถึงที่
ตามหลักความรู้สึกและเหตุผลแล้วก็ไม่ควรทำเรื่องนี้ให้ต้องหมางใจกัน
คิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูซูมองฉินเทียน “เหิงหลิ่งห่างจากที่นี่ก็นับว่ายังไม่ไกล ตอนเด็กๆทุกปิดเทอมฤดูหนาวและฤดูร้อน ฉันมักจะกลับไปอยู่ที่บ้านเก่าสองสามวัน”
“ช่วงนี้รู้สึกอึดอัดมาก หรือว่าเรากลับไปเที่ยวหน่อยไหม?”
“จากนั้นก็ถือโอกาสเยี่ยมคุณปู่ ถ้าช่วยได้ก็ช่วยสักหน่อย ถ้าช่วยไม่ได้จริงๆก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้”
ซูยู่คุนพยักหน้าราวกับกำลังจิกกินข้าว “ใช่ๆๆ ซูซูไม่ได้กลับบ้านเก่าตั้งนานแล้ว จะได้ให้ฉินเทียนกลับไปผ่อนคลายเป็นเพื่อนพอดี การท่องเที่ยวเป็นผลดีต่อทารกในครรภ์”
“เพียงแค่พวกเธอรับปากว่าจะกลับบ้านแน่ๆ อาการป่วยของคุณปู่ก็มีหวังแล้ว!”