บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 121 มาถึงแล้ว! ลูลู่ และ เฟยเฟย ล่ะ!
ในวันนี้เอง บริเวณประตูทางเข้าของตระกูลมิดเดอร์เรีย ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ มีทั้งชายและหญิงปะปนกันไป และแรงกดดันของพวกคนเหล่านี้ก็ค่อนข้างสูง ไม่ต้องสงสัยเลยพวกเค้าทั้งหมดต่างก็เป็นนักรบและนักเวทย์
ณ ด้านหน้าสุดของพวกเค้าก็ได้มีคน4คนยืนอยู่ เป็นชายสองคนและหญิงอีกสองคน……
ผู้หญิงคนแรกมีผมยาวสีเงินเป็นมันวาววับ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงขาสั้น บริเวณด้านหน้าเธอได้มีหน้าอกอันอุดมสมบูรณ์ที่ดูเหมือนมันจะสามารถทะลักออกมาได้ตลอดเวลาอยู่ ทำให้ผู้คนที่มองเห็นอดคิดไม่ได้ว่า ‘อีกนิด อีกนิดเดียว เสื้อก็ขาดแล้วเห้ย!’ บนใบหน้าอันงดงามนี้ได้มีการผสมผสานระหว่างความเย็นชาและความนุ่มนวลได้อย่างลงตัว ในมือเธอมีดาบยาวอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นนักรบ
ผู้หญิงอีกคน ไม่ได้มีออร่าหญิงสาวที่โตเต็มวัยแบบคนก่อนหน้านี้ ใบหน้าอันน่ารักจิ้มลิ้มของเธอยังคงความเยาร์วัยไว้อยู่ ดูเหมือนเธอจะยังเด็กมากๆ มีผมตรงยาวสีดำดุจน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขา ด้านหน้าเธอก็มีหน้าอกที่ใหญ่พอตัวถึงแม้จะเทียบกับผู้หญิงอีกคนไม่ได้ และถึงแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อคลุมยาวไว้อยู่ก็ไม่อาจปกปิดพวกมันได้ ทั้งสองคนถือว่าเป็นสาวงามอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน หนึ่งในผู้ชายทั้งสองคน มีอยู่คนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อคลุมของนักเวทย์ กำลังยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวทั้งสองคน ใบหน้าหล่อๆของเขายังคงแสดงให้เห็นถึงการขาดประสบการณ์ ดูเหมือนชายคนนี้ก็ยังมีอายุไม่มากเท่าไหร่นัก และในเวลาที่เขามองตรงไปยังหญิงสาวที่มีผมยาวสีดำ นัยน์ตาเขาก็เผยให้ถึงความหลงใหล มันราวกับในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะดึงดูดเขาไปได้มากกว่าหญิงสาวผู้นี้อีกแล้ว
ส่วนผู้ชายอีกคน แค่มองดูก็รู้เลยว่าเขามีอายุมากที่สุดในบรรดาคนทั้ง4คนนี้ เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคน จริงๆเขาก็ไม่ได้หน้าตาแย่อะไร แต่เพราะคิ้วที่ผูกเป็นปมแน่นนั้นบวกกัลป์สีหน้าที่ดูชั่วช้าได้ทำลายภาพลักษณ์เขาไปจนหมด แถมข้างๆตัวเขายังมีหมาไร้ขนอยู่ด้วย ใบบรรดาคนทั้ง4 เขาดูแย่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ใช่แล้ว ชายที่มีหมาอันน่ารังเกียจอยู่ข้างกายนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เทียนเกอร์!
ถ้าวู่หยานอยู่ที่นี่ล่ะก็ เขาจะรู้ได้ทันทีว่า นอกจากไอ้หน้าหล่อนี้แล้ว คนที่เหลืออีก3คนเขารู้จักทั้งหมด!
หญิงสาวที่มีผมสีเงินซึ่งเปล่งประกายยามแสงแดดตกกระทบคนนี้ก็คือ เฟยเฟย! ส่วนผู้หญิงผมดำยาวที่สวมเสื้อคลุมของนักเวทย์นี้ก็คือเพื่อนคนแรกที่วู่หยานได้รู้จักในโลกซิลวาเรีย ลูลู่ นั่นเอง!
ในเวลานี้เอง ภายใต้การคุ้มครองจากผู้คนจำนวนมากที่อยู่ด้านหลัง ลูลู่ก็ได้บุ้ยปากก่อนจะพองแก้มด้วยสีหน้าไม่พอใจ ปากก็พูดบ่นไปอย่างไม่คิดจะเก็บเสียงเลยแม้แต่น้อย
“นี่มันอะไรกัน? เล่นยกคนมายืนอออยู่หน้าประตูบ้านคนอื่นแบบนี้ มันก็เหมือนกับพวกเรามารังแกพวกเค้าเลยสิ? ฮึ่ม หงุดหงิดๆ!”
ได้ยินเธอพูด เฟยเฟยก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนเธอเองก็ไม่ค่อยจะพอใจกับการทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน “ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน……”
ได้ยินคำพูดสาวๆ ชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อๆนี้ก็พูดด้วยสีหน้าจนปัญญาว่า “ผมเองก็รู้ว่าคุณหนูลูลู่กับคุณเฟยเฟยไม่ชอบการทำอะไรแบบนี้ แต่เมื่อวานอีกฝ่ายก็ได้พยายามดูแลพวกเราเป็นอย่างดีแทบจะทุกๆอย่าง ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็ควรตอบรับคำขอร้องเล็กๆน้อยๆของเขานะครับ มันก็แค่ตระกูลเล็กๆ ถ้าทั้งสองคนไม่ชอบงั้นก็ไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้นะครับ”
“เฮ้ นายพูดแล้วนะ!” ลูลู่กลายเป็นมีความสุขทันที “งั้นฉันไม่เข้าร่วมล่ะ!”
“นี้มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว…….” ในเวลานี้เอง เทียนเกอร์ก็เอ่ยปากพูด ก่อนจะเดินมาหาลูลู่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูมีสถานะสูงส่ง แน่นอนว่าไม่ควรมาทำงานร่วมกับพวกเราข้ารับใช้อยู่แล้วครับ!”
ตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าคนที่กำลังมาบาฮาล คงมีตำแหน่งไม่สูงเท่าไหร่ในตระกูลโลลิ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่มาจะเป็นถึงลูกสาวคนเดียวของผู้นำตระกูลโลลิไปได้!
นี่ไม่ใช่แค่มีตำแหน่งสูงเล็กน้อยแล้ว แต่มีโครตเยอะเลยตั้งหาก!
ดังนั้นหลังจากสงบอารมณ์ที่ตื่นเต้นนี้ได้แล้ว เทียนเกอร์ก็รีบเข้าไปเลียแข้งเลียขาด้วยความพยายามทั้งหมด เพื่อให้ตนได้ต้นไม้ใหญ่นี้เป็นที่พึ่ง แล้วตอนนี้เขาก็ทำสำเร็จ ‘ฮึ! ตระกูลมิดเดอร์เรียแล้วยังไง? ต่อให้มี10มิดเดอร์เรียข้าก็ไม่กลัวโว้ย!’
แถมถ้าโชคเข้าข้าง อีกฝ่ายเกิดถูกใจตนขึ้นมา บางทีหลังจากนี้กลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็กของตนอาจจะได้หลอมรวมเข้าไปในตระกูลโลลิ ถึงเวลานั้นจริงๆก็เรียกได้ว่าเขาก้าวหน้าในสายอาชีพอย่างใหญ่หลวง!
เทียนเกอร์แอบคิดแม้กระทั่ง ถ้าตนจีบลูกสาวสุดที่รักของตระกูลโลลิได้สำเร็จล่ะก็….. ถึงตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้ลมพัดลมก็พัด อยากให้ฝนตกก็ตกได้เลยหรอกเหรอ? นี่มันคือโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิต!
แต่น่าเสียดาย เพราะเขาสามารถเห็นได้ชัดเลยว่าไอ้หนุ่มหน้าหล่อนี่มันมีใจให้คุณหนูลูลู่อยู่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้ตัดสินใจพับเก็บความคิดนี้ไปชั่วคราว……
หลังจากผ่านไปหลายวันที่เขาได้พยายามเอาอกเอาใจพวกคุณหนูพวกนี้ เทียนเกอร์ก็ได้โอกาศขอให้พวกลูลู่ออกหน้าจัดการตระกูลมิดเดอร์เรียกับไอ้เด็กเปรตวู่หยานนั่นให้!
พวกมันเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้หลังจากได้รับการดูแลอย่างดีจากเทียนเกอร์ บวกกับกับในสายตาเขาตระกูลมิดเดอร์เรียก็แค่ตระกูลเล็กๆ ดังนั้นไอ้หนุ่มนักเวทย์จึงตอบตกลงโดยไม่ถามความคิดเห็นของลูลู่และเฟยเฟย
แน่นอนว่าสองสาวเองก็ไม่พอใจเมื่อได้ยิน พวกเธอไม่ใช่คนประเภทที่ชอบใช่อำนาจของตระกูลข่มเหงคนอื่น ดังนั้นพวกเธอจึงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
แต่ในเมื่อตบปากรับคำไปแล้ว ในฐานะที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง พวกเธอก็ไม่อาจผิดคำพูดได้ จึงทำได้แต่เดินนำขบวนมาด้วยความจนปัญญา นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมพวกถึงมายืนอยู่หน้าประตูบ้านคนอื่น
ลูลู่เองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเธอสามารถนั่งดูอยู่เฉยๆได้ ลูลู่จึงตอบตกลงทันที
เฟยเฟยเองก็ดูเหมือนจะอยากทำตามลูลู่เหมือนกัน เธอไม่ใช่พวกมีนิสัยชอบรังแกคนอื่น เพราะงั้นถ้าเธอสามารถหลีกเลี่ยงมันได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
ใกล้ๆกันเมื่อเทียนเกอร์เห็นเฟยเฟยไม่คิดลงมือ มันก็รีบเอ่ยปากทันที “ในตระกูลมิดเดอร์เรียเองก็มีผู้เชี่ยวชาญแรงค์7 ลำพังแค่พวกเรายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ดังนั้นได้โปรด ท่านเฟยเฟย ช่วยออกหน้าด้วยเถอะครับ!”
เฟยเฟยทำได้แต่พับเก็บความคิดนั่งดูอยู่เฉยๆไป แล้วพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทว่าภายใจใจเธอเองก็เกิดความคาดหวังเล็กๆขึ้น
เธอไม่ชอบการทำอะไรแบบนี้ก็จริง แต่เธอเองก็ได้ยินเทียนเกอร์บอกว่าข้างในตระกูลนั้นมีนักสู้แรงค์7ที่อายุไม่ห่างจากเธออยู่ด้วย!
เธอได้ใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ในตระกูลโลลิ เป็นเพราะเธอมีพรสวรรค์ที่สูงส่งจึงได้รับการฝึกฝนจากตระกูลโลลิเธอถึงได้บรรลุแรงค์7ภายในอายุแค่20ปี กลายเป็นยอดอัจฉริยะภายในจักรวรรดิไอย์ลู เรียกได้ว่าหาคนที่เทียบเคียงกับเธอได้น้อยมาก
การที่เธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโลลิ เธอจึงได้เห็นคนแรงค์7มาบ้าง แต่ถ้าให้มีอายุไล่เลี่ยกับเธอนะเหรอ? เธอเคยเจออัจฉริยะแบบนั่นนะแต่ไม่มากนัก
ดังนั้น เมื่อเธอได้ยินว่ามีแรงค์7ที่อายุไม่ห่างจากเธอ เธอจึงอยากมาเจอตัวสักครั้ง แน่นอนว่าย่อมพกความคิดที่จะขอท้าสู้คนวัยเดียวกันอยู่แล้ว
‘…หวังว่า…เค้าจะไม่ใช่พวกน่ารังเกียจแบบนั้นนะ…..’ เฟยเฟยคิดขึ้นมาในใจ เพราะคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงแบบนี้มักวางท่ามองคนอื่นต่ำกว่าตนเอง เธอเคยเห็นคนประเภทนี้มามากและมันก็เป็นประเภทที่เธอเกลียดที่สุดด้วย ดังนั้นเธอจึงหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่สามารถทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจได้
เฟยเฟยไม่รู้ตัวเลยว่า ความประหลาดใจที่เธอต้องการ มันกำลังจะมาหาเธอในไม่ช้านี้แล้ว…….
ภายในตระกูลมิดเดอร์เรีย เกรย์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่สำหรับผู้นำตระกูล เขามีเอกสารอยู่ในมือขณะที่เขากำลังมองมันอยู่ ข้างๆเขามีเดลล่า(@อยู่ตอน115เผื่อจำไม่ได้) ที่ในมือถือดาบเป็นองครักษ์
“ท่านผู้นำ! มีข่าวร้าย!” ยังไม่เห็นตัวแต่เสียงคนพูดดังมาแต่ไกลแล้ว ทำให้เกรย์ขมวดคิ้วแต่เขาก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆคนของตนก็จะไม่ไร้มารยาทแบบนี้แน่ ดังนั้นเมื่อเห็นตัวอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง เขาจึงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้น? อะไรที่ทำให้นายตื่นตูมได้ถึงขนาดนี้?”
“ท่านผู้นำ!” เขายังคงมีสีหน้าตื่นกลัวไม่หาย ขณะที่พูดรายงานให้เกรย์ “ข้างนอกประตู เทียนเกอร์มันได้นำคนจำนวนมากมาแล้ว!”
“แก เทียนเกอร์!” เกรย์หัวร้อนขึ้นมาทันที ยกมือทุบโต๊ะดังปัง “ฉันยังไม่ได้ไปคิดบัญชีกับแกเรื่องลิลินเลย แต่แล้วแกยังกล้าเสนอหน้ามาถึงที่ ดี ดีมาก! วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวแกออกให้ได้!”
คนรายงานได้ยินดังนนี้สีหน้าหวาดกลัวก็ยังไม่หายไป รีบพูดต่อว่า “ท่าน…ผู้นำ ไม่เพียงมีคนของเทียนเกอร์แต่มันยังไปหาผู้ช่วยมาด้วย!”
“ผู้ช่วย?” เกรย์ขมวดคิ้วแน่น ภายในเมืองบาฮาลนอกจากตระกูลตนกับกลุ่มของอีกฝ่ายก็ไม่น่าจะมีใครช่วยได้แล้วนี่? เรื่องนี้เทียนเกอร์มันก็รู้ดี
“บอกมาใครมาช่วยมัน?”
คนรายงานมองหน้าเกรย์ แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพูดว่า “เป็น….เป็นตระกูลโลลิ! ตระกูลอันดับหนึ่งของจักรวรรดิเราครับ!”
“…..ว่าไงนะ!!” เกรย์ร้องเสียงหลง
—————————-
@ปัจจุบัน23/8/63 แปลถึงตอน585ครับ