บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 127 เพียงแค่หนึ่งนิ้ว! ฮิวจ์กลายเป็นโง่งมล่ะ!
- Home
- บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ
- ตอนที่ 127 เพียงแค่หนึ่งนิ้ว! ฮิวจ์กลายเป็นโง่งมล่ะ!
อึ้ง! เงียบกริบ!
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นลูลู่ เฟยเฟย และ พวกฮินางิคุ ต่างพากันปิดปากเงียบ บรรยากาศกดดันจนหายใจแทบไม่ออก เป็นเพราะพวกเขารู้ถึงผลลัพธ์แล้วน่ะสิ
ตอนนี้ที่พวกเขาสนใจก็คือ ถ้าไอ้อัจฉริยะแรงค์5ของตระกูลโลลินี่พ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มแรงค์7ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มันจะแสดงอาการยังไง
จริงๆวันนี้ตัวเอกควรจะเป็นเกรย์ และก็ เทียนเกอร์ ถึงจะถูก ทว่าตอนนี้ทั้งสองคนกลับยืนดูสถานการณ์อยู่รอบนอกแทน
เกรย์คิดว่าตอนนี้ มันไม่มีที่ให้สอดมือยุ่งได้เลย ถึงจะอยากช่วยวู่หยาน แต่ตระกูลโลลิถือเป็นยักษ์ใหญ่ ทำให้เขาไม่กล้าพลีพลามทำอะไร นอกจากนี้ดูจากท่าทางที่คุณหรูของตระกูลโลลิมีต่อวู่หยานแล้ว ถ้ามันเกิดเหตุฉุกเฉินจริงๆเขาก็คิดว่าเธอต้องยื่นมือเข้าไปช่วยแน่
ทางด้านเทียนเกอร์เองก็คิดแบบเดียวกัน ทว่าในใจมันกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่
ความตั้งใจแรกของเขาก็คือการมาบดขยี้ตระกูลมิดเดอร์เรีย ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์มันจะพาไปตนกู่ไม่กลับแล้วก็เถอะ แต่ตัวมันก็ไม่คิดว่านี่จะแย่อะไร
เทียนเกอร์รู้ว่าไอ้เด็กนรกวู่หยานนี้สามารถจัดการกับฮิวจ์ได้อย่างง่ายๆ แต่ในกรณีนี้มันก็จะกลายเป็นว่าเด็กเปรตนี่ไปล่วงเกินลูกศิษย์สยาตรงของหัวหน้าตระกูลโลลิเข้าให้แล้ว
ถูกเพ็งเล็งโดยตระกูลอันดับหนึ่ง ต่อให้มันเป็นแรงค์7 โอกาศรอดก็คือศูนย์!
ถึงแม้จะไม่สามารถทำลายตระกูลมิดเดอร์เรียได้ แต่ถ้าไอ้เด็กเปรตนี่ตายไปมันก็ไม่เลวเหมือนกันนะ……..
“หึๆ ฮ่าๆๆ!!” ฮิวจ์กลั้นขำต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาหัวเราะหนักมาก ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ปกปิดจิตสังหารที่มีอีกต่อไป ปลอดปล่อยมันออกมาเต็มที่
ตอนแรกเขาหวังจะฉีกกระชากมันให้เป็นพันๆชิ้น แต่ดันมีลูลู่คอยขวาง เขาเลยทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้มันกลับหาเรื่องตายเองซะงั้น!
แล้วนี้จะไม่ให้ฮิวจ์หัวเราะด้วยความสุข? แล้วคิดว่าเขาจะปล่อยโอกาสนี้หลุดไปมั้ยล่ะ?
“ดี! ดีมาก!” ฮิวจ์หัวเราะ แววตาที่มองวู่หยานราวกับกำลังลองมองคนตายก็ไม่ปาน จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้างั้นฉันก็ขอทดสอบหน่อยล่ะว่าแกมี ‘คุณสมบัติ’ พอรึเปล่าล่ะนะ!”
“หยาน! ทำไมนายหุนหันพลันแล่นแบบนี้!” ลูลู่กระทืบเท้าด้วยความโกรธ ภายในใจเองก็รู้สึกเป็นห่วงมาก
จริงๆคำพูดของวู่หยานได้ทำให้เธอใจเต้นจริง แต่ว่าวู่หยานตอนนี้เก่งแค่ไหนนั่นเธอไม่รู้เลย แต่เธอรู้ว่าไม่กี่เดือนก่อนที่เมืองท่าเขายังเป้นแค่แรงค์2!
2-3เดือนที่ผ่านมา เธอพัฒนาเกือบจะหนึ่งแรงค์ แล้ววู่หยานล่ะ? ต่อให้เลื่อนหนึ่งแรงค์ก็ยังแค่แรงค์3!
แรงค์3 สู้กับ แรงค์5 เหรอ?
ถึงแม้ลูลู่จะบื้อจะโง่แค่ไหน แต่กับความห่างของระดับชั้นแบบนี้ ถ้าเธอยังมองไม่ออกก็บ้าแล้ว!
ดูแค่นี้ก็รู้แล้วใครเก่งกว่าหรือใครอ่อนแอกว่า…….
ลูลู่กระจโนตัวเข้าไปจับแขนวู่หยานด้วยความกังวล แล้วพูดว่า“ไม่นะ! ฉันไม่ยอมรับ!”
จากนั้น ลูลู่ก็หันไปมองฮิวจ์ทันที ตะโกนออกไปว่า “ฮิวจ์! ถ้านายอยากสู้มากนนักล่ะก็! ฉันจะสู้กับนายเอง!”
“ลูลู่!” เธอหันไปมองตามเสียง เห็นวู่หยานกำลังมองเธออยู่ ใบหน้าเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขอยู่เล็กน้อย แล้วพูดกับเธอว่า “ใจเย็นหน่อย ตอนนี้เธอไปยืนดูอยู่ข้างๆก่อนนะ”
“แต่ว่า นาย…….” ลูลู่มีสีหน้าสลับไปมาระหว่างลังเลและเคร่งเครียด เห็นแบบนี้วู่หยานจึงจับมือเธอเดินไปอยู่ฝั่งหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป
ลูลู่หน้าเปลี่ยนสี ขณะที่กำลังจะตามไป เธอก็รู้สึกได้ว่ามีคนจับเสื้อเธออยู่ คนๆนั้นก็คือ เฟยเฟย!
มือเฟยเฟยดึงลูลู่ไว้ แต่สายตาเธอยังจับจ้องไปที่วู่หยาน ขณะเดียวก็พูดว่า “ลูลู่ ตอนนี้เราคอยดูก่อนดีกว่า……”
“พี่เฟยเฟย…….” ลูลู่มองเฟยเฟยด้วยความกังวล “พี่ไม่ห้ามเขาเหรอ?”
ได้ยินแบบนี้ เฟยเฟยก็ยิ้ม แล้วตอบว่า “อืม สบายใจได้ ถึงแม้จะรู้จักหยานได้ไม่นาน แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ใช้คนที่จะตัดสินใจทำอะไงโง่ๆ ดังนั้นเราคอยดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันอีกที”
มองดูลูลู่ที่ยังคงมีสีหน้าเป็นห่วงไม่หาย เธอก็คิดขึ้นมาใจใจว่า ‘ดูเหมือนว่าลูลู่จะถือว่าวู่หยานเป็นเพื่อนคนสำคัญจริงแฮะ…..’
“อย่าห่วงเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ฉันจะเข้าไปหยุดเอง!”
ได้ยินแบบนี้ ลูลู่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วหันไปมองวู่หยานที่กำลังยืนประชันหน้ากับฮิวจ์ ในใจลูลู่ก็คิดขึ้นมาว่า
‘ถ้านายชนะได้ ฉันจะชวนนายไปกินไอติมล่ะกัน…….’
อีกด้านหนึ่ง ฮินางิคุและมิโคโตะ……..
“ดูเหมือนว่าสาวน้อยที่ชื่อลูลู่ จะเป็นห่วงหยานมากเลยนะ……..” มิโคโตะยกมือขึ้นมาผมตรงหน้าผาก แล้วพูดด้วยความอิจฉา ดูถ้าว่าสามทอมบอยคนนี้จะอิจฉาลูลู่
ทว่าฮินางิคุกลับส่ายหัวปฏิเสธ “สาวน้อยน่ารักคนนั้นเป็นห่วงหยานมากก็จริง แต่ดูเหมือนจะไม่ถึงขั้นชอบหยานล่ะนะ…….”
“เธอรู้ได้ไงน่ะ?” มิโคโตะหันหน้าไปถามฮินางิคุด้วยความสงสัย
ฮินางิคุยิ้มพูดว่า “ก็เพราะในแววตาของเด็กคนนั้นเวลามองวู่หยาน มันไม่มีความรักหรือชอบอยู่เลยไงล่ะ…….”
“นี่เธอดูออกด้วย?….” มิโคโตะหัวเราะแห้งๆ ราวกับว่ารู้สึกประหลาดใจกับคำตอบของฮินางิคุมาก ทว่าฮินางิคุได้ยินแบบนี้ก็มองค้อนใส่ทีนึง แล้วไม่พูดอะไรอีก
‘ถ้าไม่เงียบ แล้วจะให้เธอตอบไปว่าที่ดูออกเป็นเพราะเวลาเธอมองวู่หยานจะใช้สายตาแบบนั้น? ถ้าตอบไปเธอก็ไม่ใช้ท่านประธานแล้ว…….’
เวลานี้ ฮิวจ์เพิ่งจะเปลี่ยนคทาไปเป็นอีกอัน อันนี้มีรูปร่างที่ค่อนข้างบอบบาง นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากอันก่อน
แต่ว่าวู่หยานรู้ว่า ไอ้คทาสองอันนี้มันแตกต่างกันคนล่ะเรื่องเลย
คทาก่อนหน้านี้ที่ฮิวจ์ใช้เป็น ยุทธภัณฑ์หลัก แต่อันนี้เป็น ยุทธภัณฑ์ดิน!
เป็นแค่แรงค์5 แต่กลัยมียุทธภัณฑ์ดินใช้แล้ว?…….
นี่ทำให้วู่หยานคิดขึ้นมาว่า ‘สมแล้วที่เป็นตระกูลโลลิ สมแล้วที่เป็นตระกูลขอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ ช่างรวยดีแท้………’
ขณะที่วู่หยานกำลังจดจ่อยู่กับความคิดของตัวเอง เขาก็ไม่ได้ตระหนักเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นจะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า
ยุทธภัณฑ์ดินดูเหมือนจะแค่ระสูงกว่าเพีงระดับเดียว แต่พลังมันไม่ใช้แค่นั้น
สมมติปกติถ้าฮิวจ์มันไม่ใช้ยุทธภัณฑ์หลักจะมีพลังอยู่ที่100% ถ้าใส่ยุทธภัณฑ์หลักจะเป็น120% แต่ถ้าเป็นยุทธภัณฑ์ดินจะกลายเป็น150%!
เพิ่มพลังขึ้นมาเกือบจะครึ่งหนึ่ง…….
แต่ว่าวู่หยานไม่ได้ให้ความสนใจตรงจุดนี้เลย……..
ฮิวจ์มองวู่หยานด้วยความเยาะเย้ย โดยไม่พูดมากเขายกคทาขึ้นและจากนั้นก็เริ่มท่องคาถาด้วยความรวดเร็ว ทว่าลูลู่ได้ยินบทท่องก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
‘ฮิวจ์ นี่นายคิดจะฆ่าวู่หยานจริงๆงั้นเหรอ?!’
ณ จุดนี้ จะหยุดมันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงแม้คาถานี้จะไม่สั้นเลย แต่ด้วยความคุ้นเคยฮิวจ์จึงสามาถท่องเสร็จได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีวงเวทย์สีเขียวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา วินาทีต่อมาก็มีสิงโตยักษ์ตัวสีเขียวโผล่ออกมา
พลังเวทย์อันมหาศาลได้ไหลทะลักออกมาจากตัวมัน แม้แต่คนที่อยู่รอบๆก็ยังสัมผัสได้ ด้วยสายตาเย็นชาฮิวจ์ก็โบกคทา
“สัตว์อสูรวายุ โจมตีได้!”
ทันใดนั้น สิงโตก็คำรามก่อให้เกิดพายุขนาดใหญ่ อุ้งเท้าทั้งสีกระทืบพื้น พุ่งทะยานข้าหาวู่หยานด้วยน้ำหนักตัวอันมหาศาล!
“ระวัง!” ลูลู่กรีดร้องออกมา เฟยเฟยเองก็ยกอาวุธในมือขึ้น
วู่หยานมองสิงโตสีเขียวที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตนด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้หยิบเอา นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ออกมา ทว่ากลับยื่นมือออกไปแล้วชี้นิ้วออกมา
ภายใต้สายตาของทุกคน กระแสไฟฟ้าก็ปรากฏออกมาจากตัววู่หยาน ก่อให้เกิดเสียง ‘เปรี๊ยะๆ’ จากนั้นกระแสไฟฟ้าก็ไหลไปรวมตัวอยู่ที่นิ้วที่วู่หยานชี้ออกไป
“นักเวทย์ธาตุสายฟ้า!”
ฮิวจ์ร้องออกมา ลูลู่อึ้งไป โดยไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง วู่หยานก็เล็งไปที่หัวของสิงโต จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้วขึ้นด้านบนเล็กน้อย
วินาทีต่อมาก็เกิดเสียงคำรามของสายฟ้า จากนั้นหัวของสิงโตก็ระเบิดออกกลายเป็นสายลมหายไป
“เป็นไปไม่ได้!” ฮิวจ์จ้องมองอย่างโง่งม