บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 133 ดาราพลิกสวรรค์VSจันทราย้อนกลับ ล่ะ!
ทุกคนถูกภาพงดงามตรงหน้าตรึงจิตใจไว้ แม้มันจะหายไปแล้วพวกเขาก็ยังไม่ได้สติ
“นี่มัน…….” วู่หยานเบิกตากว้าง ถึง ดาราพลิกสวรรค์ จะมีพลังแค่ครึ่งเดียวจากทั้งหมดก็เถอะ แต่นี้เล่นลบหายไปในพริบตาเลย มันก็ออกจะ……..
“เป็น จันทราย้อนกลับ!” ด้านนอก ลูลู่ร้องออกมาเสียงหลงราวกับเธอเจอผีกลางวันแสกๆ ดูเหมือนการที่เฟยเฟยใช้ท่านี้จะทำให้ตกใจมาก
“บัดซบ! ไม่คิดเลยว่าไอชั้นต่ำนี่จะถึงกลับทำให้ศิษย์พี่งัดวิชา จันทราย้อนกลับ ออกมาใช้ซะได้!……..” ฮิวจ์จ้องวู่หยานเขม็งในแววตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความขมขื่น เขาขบฟันแน่นจนได้ยินเสียงฟันเสียดสีกันเลยทีเดียว
“เป็นวิชาที่ไม่น่าเชื่อเลย……” ฮินางิคุพูดด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะเธอเองก็เป็นคนที่ฝึกฝนดาบ(เคนโด้)เหมือนกัน ข้างๆเธอ มิโคโตะก็พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย
“…จันทรา…..ย้อนกลับ…..” ได้ยินเสียงร้องของลูลู่ วู่หยานจึงพูดพึมพำทวนชื่อนี้เพื่อให้จำได้
เฟยเฟยลึมตาขึ้น มองดูวู่หยานที่ยังคงอึ้งอยู่ เธอถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
“หยานนายเก่งมากจริงๆ คลื่นดาบเมื่อกี้เองก็รุนแรงมาก ถ้าไม่ใช้จันทราย้อนกลับ ฉันเองก็คงทำได้แค่ยอมแพ้ล่ะนะ……”
“จันทราย้อนกลับนี่เป็น วิชาลมปราณ เหรอ?” วู่หยานเอ่ยถามขึ้นมา ขณะที่นึกถึงแสงจันทร์เมื่อกี้ (@จากที่แปลมา Battle Skill คือ วิชาลมปราณ นะครับ ส่วนคลื่นดาบของเฟยเฟยก่อนหน้านนี้มันไม่ใช่วิชาอะไร เธอแค่รวมปราณไว้ที่ดาบแล้วฟันออกไปเฉยๆ)
เฟยเฟยพยักหน้า “จันทราย้อนกลับ เป็นวิชาลมปราณที่แข็งแกร่งที่สุดของฉัน ก่อนหน้านี้ นอกจากอาจารย์ฉันแล้ว ก็ไม่มีที่สามารถทำให้ฉันใช้วิชานี้ได้เลย แต่ว่าในที่สุดวันนี้ คนๆนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว…….”
“โฮ้ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ” ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเสแสร้งขึ้นมา ก่อนที่จะตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอตัว วู่หยานรีบปรุบปรุงตัวเอง
“แต่ว่ามันก็เป็นวิชาที่สุดยอดจริงๆล่ะนะ……” เมื่อใจเย็นลง วู่หยานก็หัวเราะออกมา
“แม่งสุดยอดซะจนฉันอยากทำลายมันทิ้งเลยล่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเขา เฟยเฟยก็ช็อคไป ไม่เพียงแค่เธอ แต่เป็นทุกคนที่อยู่ที่นี่ รวมไปถึงลูลู่และฮิวจ์ พวกเขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่วู่หยานเห็นวิชาสุดยอดแบบนั้นแล้ว ประโยคแรกที่พูดออกมาจะเป็นแบบนี้!
ฮิวจ์เห็บสีหน้าอึ้งๆกลับไป แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้ายั่วยุ “เฮอะ หยิ่งยะโสอะไรขนาดนี้ เห็นศิษย์พี่ใช้ จันทราย้อนกลับ แล้วยังพูดแบบนี้ออกมาได้ ควรพูดว่าแกช่างกล้าหาญและโอหังดีจริงๆ นี่แกคิดว่าตัวเองสามารถปะมือกับศิษย์พี่ได้แค่นิดหน่อยแล้วจะเก่งมากหรือไง?”
ที่ฮิวจ์จะคิดแบบนี้ก็เข้าใจได้ ต้องรู้ก่อนว่าขนาดเขายังยอมรับกับวิชานี้ของศิษย์พี่อย่างหมดใจ มันไม่ใช่อะไรที่ไอ้สวะนี่จะต้านทานได้ไม่ต้องพูดถึงทำลายเลย!
เวลานี้ แววตาที่ลูลู่ใช้มองวู่หยานมันเต็มไปด้วยความสงสัยและความคาดหวัง กับคำพูดของเขา
แววตาที่เฟยเฟยมองวู่หยานเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน มันมีทั้งความชื่นชม ยินดี คาดหวัง แน่วแน่ และไม่เชื่อ ดังนั้นเธอจึงเปิดปากสีลูกเชอร์รี่ขึ้น ค่อยๆพูดขึ้นว่า
“นายทำได้จริง?……”
ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็แสยะยิ้มไม่ตอบ บรรยากาศรอบตัวเขาสั่นสะเทือนอย่างแรง ครั้งนี้มันราวกับกระจกที่เกิดรอยร้าวก่อนที่จะแตกกระจายกลายเป็นกระแสอากาศไหลไปรวมตัวกันที่ นิเอโทโนะ โนะ ชานะ อย่างบ้าคลั่ง ราวกับฝูงผึ้งที่บินเข้าหาน้ำผึ้ง
“นั้นสินะ ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ!”
ออร่าบ้าคลั่งแผ่กระจายออกมาจากดาบเล็กๆนี่ ทำให้เฟยเฟยตื่นตัวขึ้นมาทันที ภาพที่เธอเห็นทำให้รู้ว่าวู่หยานไม่พูดตลก!
คนอื่นๆเองก็ตระหนักถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน แล้วเมื่อพวกเขาเทียบภาพที่เห็นตอนนี้กับก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาค้นพบว่า
ก่อนหน้านี้ วู่หยาน เขายังไม่ได้เอาจริง!
พวกคนที่อยู่แรงค์6 พูดไม่ออกเลย ไม่ใช่เพราะพวกเขาประเมินพลังของแรงค์7 แต่เป็นเพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้มันเหนือกว่าที่พวกเขาเคยพบเจอมาทั้งหมาต่างหาก
สามารถพูดได้เลยว่าการต่อสู้ของวู่หยานกับเฟยเฟย เป็นการต่อสู้ระหว่างที่ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของแรงค์7อย่างแท้จริง!
ในฐานะที่เฟยเฟยมีเลเวล68 การที่วิชา จันทราย้อนกลับ จะมีพลึงถึงขนาดนี้ก็นับว่าเข้าใจได แต่วู่หยานล่ะ รายนั้นเลเวลแค่65 ลองคิดดูสิว่าจะมีเลเวล65คนไหนมีพลังเกินเลเวลแบบเขาได้บ้าง!
ภายใต้การสนับสนุนของ ‘ดาราพลิกสวรรค์’ กับ ’ปรมาจารย์ดาบ’ ทำให้วู่หยานสามารถขึ้นมาเป็นแรงค์7ที่เก่งที่สุดได้!
“น่าสนใจ……”
โลกเริ่มไร้แสงอีกครั้ง กลางวันกลับกลายเป็นกลางคืน แสงจันทร์ที่ส่องลงมาได้เปลี่ยนไปเป็นทางช้างเผือก แต่ว่าทางช้างเผือกนี้มีแสงดาวล้อมรอบมากกว่าครั้งที่แล้ว!
ตอนนี้พวกมันต่างไปโคจนอยู่ล้อมรอบดาบภูติราตรีในมือเฟยเฟย ทำให้ใบดาบเปล่งกระกายแสงสีเงินอันงดงาม
“ถ้านี่เป็นคำท้าล่ะก็ ฉัน..ยอมรับ!”
เฟยเฟยยกดาบขึ้น สายตามองไปที่วู่หยานด้วยความจริงจัง ทว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่านอกจากความจริงจังแล้วยังมีความสุขเจือปนอยู่ด้วย
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว!”
วู่หยานยกดาบ นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ที่เปล่งประกายแสงสีแดงอย่างน่ากลัว แล้วชี้ไปที่เฟยเฟย บรรยากาศรอบๆก็ยังคงไหลเข้ามาอยู่เรื่อยๆทำให้แสงสีแดงเข้มข้นขึ้น!
แสงแพรวพราวราวแสงจันทร์ กับ แสงอันร้อนแรงดุจเปลวเพลิง ใครจะแพ้จพชนะขึ้นอยู่กับอยู่การโจมตีครั้งนี้!
“สู้นะ!” ลูลู่กำหมัดน้อยพูดให้กำลังใจ เมื่อเห็นพวกเขาแล้ว เธออดที่จะส่งเสียงเชียร์ไม่ได้ เธอรู้สึกภูมิใจมากที่มีเพื่อนแล้วครอบครัวที่สุดยอดแบบนี้
ฮิวจ์ เกรย์ และ เทียนเกอร์ พร้อมใจกันกลืนน้ำลาย พวกเขาต่างคนก็มีเป้าหมายของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาคาดหวังกับสิ่งที่จะได้ต่อจากนี้!
“อิคารอส มิโคโตะ ถ้าเกิดหยานมีอันตรายล่ะก็ให้รับไปช่วยทันทีเลยนะ!” ฮินางิคุมองดูวู่หยานก่อนจะหันไปพูดกับ อิคารอส มิโคโตะ
อิคารอสไม่พูดอะไร แต่นันย์นาตาเธอได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว ตราบใดที่เธอพบว่าวู่หยานจะได้รับอันตราย เธอจะเข้าไปปกป้องทันที ยังไงซะนี่ก็แค่การต่อสู้ระหว่างแรงค์7 เธอกับอิคารอสที่เป็นแรงค์8ย่อมมีพลังพอที่จะไปหยุดอยู่แล้ว
“ไอ้บ้านั่น หยั่งมือไม่เป็นเลยรึไงกันนะ นี่ไม่กลัวตายเลยรึไง!” มิโคโตะกัดฟัน แต่สายตาเธอก็จ้องเขม็งไปที่พื้นที่ประลอง
ทั้งสองคนในสนามประลองไม่ได้ให้ความสนใจคนข้างนอกเลย ตอนนี้พวกเขาต่างก็จดจ่อไปที่อีกฝ่าย จากแค่การประลองกลายเป็นการเอาจริงแล้ว!
การต่อสู้ที่ไม่สามารถสนุกไปกับมันจนถึงที่สุดได้ สำหรับทั้งสองคนแล้วถือว่าน่าเสียใจมาก……..
“เข้ามา หยาน!” เฟยเฟยตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น แรงปรานารถต่อการต่อสู้ของได้พุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด!
“จัดให้!”
วู่หยานตะโกนออกมา ก่อนที่จะก้าวขาไปหนึ่งข้างแล้วพุ่งตัวเข้าหาเฟยเฟย ตามทาง บรรยากาศต่างสั่นสะเทือนฝุ่นฟุ้งไปทั่ว นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ที่เปล่งแสงสีแดงวิ่งผ่านอากาศก่อให้เกิดคลื่นลมแรง เมื่อวู่หยานขยับดาบเล็กน้อยก็ทำให้เกิดแรงกดดันพุ่งพล่านเพิ่มสูงขึ้น!
เฟยเฟยก้มหน้าลง ก่อนจะตะโกนออกมาแล้วก้าวเท้าพุ่งเข้าหาวู่หยานเหมือนกัน ราวกับจักรพรรดินีแห่งราตรี ความมืดได้เกาะกลุ่มตามตัวเธอไป ยังมีแสงจันทร์ที่รายล้อมรอบตัวเธอ ดาบภูติราตรีส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
พริบตาต่อมาราวกับชั่วนิรันดร์ ทั้งสองคนเจอกันกันตรงกึ่งกลางสนามประลอง แล้วมองไปที่หน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะตวัดดาบที่หนึ่งมีสีเงินและสีแดง!
โลกราวกับได้หยุดหมุน ไร้ซึ่งเสียง วินาทีต่อมา…..
“ตู้ม!!!”
ในสายตาของทุกคนเห็นเพียงแค่แสงสีเงินกับสีแดง ราวกับสวรรค์และโลกมีเพียงแค่สองสีนี้ จากนั้นเสียงที่ทำแก้วหูสั่นสะเทือนช็อคนผู้คนได้ก็ดังขึ้น!
“อ้ากกก!”
ผู้ชมนับไม่ถ้วน เงยหน้าร้อมขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ยกมือขึ้นมาปิดหูเพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นเสียงกระแทกเข้ามากกว่านี้ จากนั้นไม่นานฝ่ามือพวกเขาก็ไม่อาจจะปิดกั้นเสียงนี้ได้อีก!
คลื่นช็อคเวฟได้แผ่กระจายออกมจากจุดศูนย์กลางการปะทะ และยังพาฝุ่นผงมาหาผู้คนด้วย พวกเขาต้องการยกมือขึ้นมาบังแต่ก็จนปัญญาเพราะตอนนี้มือพวกเขาต่างก็ยกขึ้นมาปิดหูกั้นเสียงระเบิดนี้กันหมดแล้ว!
เชี่ยโครตน่ากลัว!