บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 290 วิถีแห่งการกำราบเมียล่ะ!
ต้องพูดเลยว่าครั้งนี้วู่หยานคำนวณผิดไปจริงๆ แต่ว่าในอีกแง่นึงนี่ก็ช่วยแก้ปัญหาให้เขาเหมือนกัน……
ที่บอกว่าคำนวณผิดไปก็คือเขาไม่คิดว่าควีนซามะจะแอบถ้ำมองความทรงจำฟรานส่วนที่ระบบมันส่งเข้าไปให้เธอตอนอัญเชิญ…….
และส่วนที่บอกว่านี่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้ก็คือตัว มิซากิ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ
ต้องรู้ก่อนว่าภารกิจสุดท้ายของเขาคือการจับกดผู้หญิงให้ได้สามคนหรือมากกว่าและพาออกไปจากโลกนี้
ในเวลานี้เขาได้กินอย่างเร้าร้อนไปสองคนแล้ว แต่เขายังไม่เจอโอกาสดีๆอธิบายเรื่องราวของตัวเองเลย
ทว่าในตอนนี้เองควีนซามะก็ได้ให้โอกาสนั่นกับวู่หยาน โอกาสที่ให้เขาอธิบายทุกอย่างกับทุกคนโดยตรง ดังนั้นในอีกแง่มุมเธอก็ได้ช่วยแก้ไขปัญหาของเขา…….
ณ ห้องรับแขกอันกว้างใหญ่ มิซากิ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ทั้งสี่สาวฟังวู่หยานอธิบายที่มาของตน ยกเว้นมิซากิที่แอบมองความทรงจำฟรานไปไม่มากก็น้อยทำให้หลังจากฟังเธอจึงสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจะมีก็แค่ความประหลาดใจอยู่ชั่วครู่และถอนหายใจ แต่กรณีสามสาวนั่นเพิ่งได้ฟังเป็นครั้งแรก!ผลคือ…..ช็อคจนพูดไม่ออกไปแล้ว
กับทั้งสามแล้วเรื่องที่ได้ฟังมันดูเหลือเชื่อเกินไป!
ระบบเอย ต่างมิติเอย โลกซิลวาเลียเอย โลกดันเจี้ยนเอย ทั้งหมดทั้งมวลนี้แทบทำให้หัวเล็กๆของพวกเธอลัดวงจร
พูดตามตรง คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ นั่นไม่เต็มใจเชื่อคำพูดวู่หยาน อย่าลืมว่าที่นี่คือเมืองแห่งการศึกษ! เมืองที่ยืดมั่นในวิทยาศาสตร์!
ทว่าเมื่ออิคารอสกับแอสเทรียโชว์ปีกออกมา แม้แต่ฟรานเองก็ยังงัดเอาปีกคริสตัลและหางออกมา แน่นอนว่านี่ย่อมทำให้ทั้งสามสาวช็อคจนตัวนิ่งไม่ไหวติง ส่วนมิซากิที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเธอก็ยกมือปิดปากด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก
“งั้นทั้งหมดที่คุณพูดมาก็คือเรื่องจริงสินะค่ะ?”
คินุฮาตะเบิกตากว้างมองฮินางิคุกับมิโคโตะ ถ้าวู่หยานเป็นคนพูดต่อให้ตีให้ตายเธอก็จะไม่เชื่อเด็ดขาด จากตรงนี้จะเห็นได้เลยว่าค่าความไม่ชอบต่อตัววู่หยานของคินุฮาตะนั่นสูงแค่ไหน
แต่พอเปลี่ยนคนพูดเป็นฮินางิคุกับมิโคโตะเธอก็เชื่อทันที!
เป็นเพราะเธอรู้ว่าวู่หยานมันเชื่อถือไม่ได้ แต่ฮินางิคุกับมิโคโตะน่ะต่างออกไปสองคนนี้เชื่อได้
เห็นทั้งสองคนพยักหน้า คินุฮาตะก็ยกมือจับหัวแล้วเดินเซด้วยสีหน้าประมาณว่า ‘โลกนี้จบสิ้นแล้ว’ ดูเหมือนว่าเธอยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการยอมรับ……..
ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งคำพูดของวู่หยานก็ได้ทำลายโลกที่รี่พวกเธอรู้จักจริงๆน่ะแหละ ไม่สิถ้าพูดให้ถูกคือ โลกข้างนอกมากกว่า……
“สรุปก็คือ…..” คินุฮาตะหันไปมองวู่หยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “วันหนึ่งคุณก็จะไปจากโลกนี้สินะคะ? ใช่มั้ย?”
วู่หยานพยักหน้า เห็นแบบนี้คินุฮาตะก็แทบจะกระโดดฮูเร่ด้วยความสุข ในใจเธอน้ำตาไหลพรากๆ ในที่สุดก็จะได้เป็นอิสระจากไอ้ปีศาจนี่แล้วเรา!!!
เห็นสายตาตื่นเต้นของคินุฮาตะ มีหรือที่วู่หยานจะไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร? ดังนั้นเขาจึงพูดใส่ด้วยรอยยิ้มว่า “ถูกต้องวันหนึ่งพวกเราก็จะไปจากโลกนี้ แต่ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะทิ้งนะเดี๊ยวพอถึงเวลานั้นฉันก็จะพาพวกเธอไปด้วยเอง!”
“อะไรนะ!”
คินุฮาตะใจหาบวาบ เธอกระโดดขึ้นโหยงราวแมวโดนน้ำร้อน จากนั้นเธอชี้นิ้วใส่หน้าวู่หยานแล้วแหกปากว่า
“ไอ้โครตโรคจิตนี่! อย่าบอกนะว่าตอนไปจากโลกคุณก็ยังไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปน่ะ?!!”
“น่าๆ ใจเย็นก่อน หนูน้อย……”
วู่หยานตบไหล่คินุฮาตะป้าบๆด้วยรอยยิ้ม “พวกเราสนิทกันจะตาย แล้วฉันจะไปทิ้งเธอได้ยังไงล่ะจริงมั้ย? ฉันไม่มีทางทิ้งเมดสุดน่ารักให้เหงาหงอยได้หรอก!”
“คุณสิเมด! ตระกูลคุณเป็นเมดทั้งหมด!!!”
ใกล้กัน เฟรนด้าถอนหายใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “ฉันรู้อยู่แล้ว รู้อยู่แต่แรกแล้วว่าไอ้บ้านี้ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปง่ายๆ”
ทางด้านทาคิสึโบะ รายนี้แตกต่างจากเพื่อนตัวเองคือเธอยอมรับคำพูดวู่หยาน สำหรับเธอจะเป็นเมืองแห่งการศึกษาหรือที่ไหนมันก็ไม่ต่างกัน ในฐานะอดีตสมาชิคITEMเธอได้มองดูด้านมืดของเมืองนี้มาเยอะแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีความรู้สึกอะไรให้เมืองนี้มากนัก
ส่วนควีนซามะของเรานั่นกำลังแสดงสีหน้าสนอกสนใจสุดๆ เธอยกหลังมือขึ้นปิดปากอย่างลูกคุณหนูแล้วพูดยิ้มๆว่า “โลกซิลวาเลียสินะ? น่าสนใจ ฉันอยากเห็นต่างโลกที่นายว่าจริงๆ……”
ได้ยินเธอ วู่หยานก็พูดว่า “ควีนซามะ เธอกำลังคิดจะเกาะพวกเราไปต่างโลกด้วยเหรอ?”
“โอ้? มันไม่ดีเหรอ?” โชคุโฮ มิซากิ ปรายตามองวู่หยาน จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงระทมใจ
“อย่าบอกนะว่าหยานจังคิดจะฟันแล้วทิ้งน่ะ? จับกดคนอื่นแล้วไม่คิดรับผิดชอบงั้นเหรอ?”
ได้ยินคำพูดมิซากิ วู่หยานก็ขนลุกคิดในใจ ‘ชิบหายแล้ว!’ แทบจะในทันที ฮินางิคุ มิโคโตะ คินุฮาตะ และ เฟรนด้า สี่สาวก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“จับกด!!!”
ทุกคนตกใจแต่ไม่มีออกอาการรุนแรงเท่ามิโคโตะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอก็คงแค่โกรธซักแป๊ป แต่นี่ไม่ใช่กับโชคุโฮ มิซากิ! คนที่ไม่ชอบที่สุด!
‘เปรี๊ยะ!’ เสียงไฟฟ้าดังออกมาจากมิโคโตะ ทำให้วู่หยานตัวสั่นเขาเกือบจะควบคุมขาตัวเองไม่ให้ออกวิ่งไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆหันไปมองทางมิโคโตะภาพที่เห็นคือตัวเธอที่อาบด้วยกระแสไฟฟ้า!
มิโคโตะที่ก้มหัวลงต่ำได้ชูมือที่กำแน่นขึ้นแล้วพูดเสียงมืดมน “หยาน นายไม่คิดจะอธิบายหน่อยเหรอ?”
วู่หยานยิ้มขมขื่น เขาชูมือขึ้นราวกับจะบอกให้มิโคใจเย็นลงก่อน ทว่าในสายตาของมิโคโตะในยามนี้การชูมือของวู่หยานมันหมายถึงเขายอมรับ! มิโคโตะเข้าโหมดเบอร์เซิร์กเกอร์!
ได้ยินเสียงไฟฟ้ารุนแรงกว่าเดิม วู่หยานก็กัดฟันมองมิซากิที่กำลังมองคนอื่นมีทุกข์อย่างมีความสุข จากนั้นมองดูมิโตะที่ราวกับจะวิ่งมาสับหัวเขาได้ทุกวินาที หัวใจวู่หยานเต้นโครมคราม จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเสี่ยงตายลงมือก่อน
วู่หยานวิ่งเข้ามิโคโตะโดยที่ยังอุ้มฟรานไว้ในมือนึง แล้วใช้อีกมือแหวกไฟฟ้าเข้าไปดึงตัวเธอเข้าอ้อมกอดตน!
มิโคโตะร้องออกมาด้วยความตกใจ ไฟฟ้ารอบตัวหายไปหมด โดยไม่รอให้เธอได้ตั้งตัว วินาทีต่อมาวู่หยานก็ก้มหน้าเข้าไปจูบทำเธอเบิกตากว้าง!
“โอ้!!!” คินุฮาตะ เฟรนด้า และ แอสเทรีย ตกใจ ส่วนฮินางิคุได้ยกมือขึ้นปิดตา
คิดถึงเด็กบ้างไอ้บ้า…….
เสียงร้องของสามสาวได้ทำให้มิโคโตะได้สติ มองดูใบหน้าเขาที่ใกล้ตัวเองสุดๆทันใดนั้นมิโคโตะก็หน้าร้อนฉ่าแดงเป็นลูกแอปเปิล
เสียงดัง ‘ตู้ม’ มีควันสีขาวลอยออกมาจากบนหัวมิโคโตะ แสดงให้เห็นถึงระดับความอายของเธอ
มิโคโตะผลักตัววู่หยานออกไปแล้วยกนิ้วชี้หน้าเขา จากนั้นตะโกนด้วยความอายผสมโกรธ “นะ…นายทะ..ทำบ้าอะไร!…ที่นี่..ที่นี่มีคนอยู่ตั้งหลายคน….นายมัน…”
มองดูใบหน้าแดงก่ำของมิโคโตะ วู่หยานก็หัวเราะชั่วร้ายแล้วคิด ‘นี่แหละวิถีแห่งการกำราบเมีย!’ จากนั้นแล่บลิ้นเลียไปรอบปากอย่างยี่ยวน
เห็นแบบนี้ใบหน้ามิโคโตะก็แดงขึ้นกว่าเดิม ณ ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่มองมันให้ความรู้สึกทิ่มแทงยังกับเข็ม! เธอก้มหน้าลงแล้วรีบวิ่งจู๊ดไปที่ห้องตัวเอง
ฮินางิคุมองค้อนวู่หยานแล้วรีบเดินตามไป เห็นพี่สาวทั้งสองไปหมดแอสเทรียก็วิ่งตามไปด้วย อิคารอสมองวู่หยานด้วยท่าทางลังเลก่อนที่จะตัดสินใจตามพวกมิโคโตะไป…….
ส่วนทางวู่หยานก็กำลังโล่ง ในที่สุดตูก็รักษาชีวิตน้อยๆนี่ไว้ได้แล้ว……..