บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 310 ตระกูลอันดับสองของจักวรรดิไอย์ลู่ล่ะ!!
SGS บทที่ 310 – ตระกูลอันดับสองของจักวรรดิไอย์ลู่ล่ะ!!
เดินออกจากคฤหาสน์หรู พวกเขาก็เจอถนนทางเดินและทั้งสองฝั่งของถนนนั่นก็มีคฤหาสน์สำหรับน้ำเรียนพิเศษแต่ล่ะคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ เทียบกับของวู่หยานแล้วคฤหาสน์เหล่านี้ดูหยาบและล้าสมัย เหมือนกับว่าผู้ดูแลด้านที่อยู่จะรู้ว่าเขากับสาวๆจะอยู่ด้วยกันเลยจัดคฤหาสน์หรูหรากว่าปกติให้………
ทอดสายตายาวออกไปก็ไม่ยักจะเห็นเงาแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนว่าศัตรูจะยังมาไม่ถึง แต่นี่ก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร อย่าลืมระยะทำการตรวจสอบของอิคารอสนั่นกว้างไม่ใช่เล่นเลย……
ในเมื่อยังมาไม่ถึง วู่หยาน ฮินางิคุ มิโคโตะ และ เฟยเฟย ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะรอสักหน่อย
ห้านาทีผ่านไป………
กลุ่มคนปรากฏตัวขึ้นจากสุดทางเดิน พวกเขาดูเร่งรีบมากก้าวฉับๆราวกับว่ากำลังโดนใครไล่ล่าอยู่ โดยที่ตรงหน้าสุดมีผู้ชายคนนึงเดินนำ เมื่อเห็นร่างพวกวู่หยานก็เขาก็รีบโบกมือไปด้านหลังคนอื่นๆก็หยุดเท้ากึก
ผู้ชายคนนี้ดูไปแล้วอายุน่าจะยี่สิบห้าหรือต่ำกว่าหน่อย เขาสวมเครื่องแบบสีขาวลวดลายสีทอง บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเป็นนักเรียรพิเศษ ด้านหลังเขาก็ยังมีผู้ติดตามที่เป็นนักเรียนพิเศษอีกแปดคน ส่วนที่เหลือเป็นนักเรียนหัวกะทิเครื่องแบบสีขาวลายน้ำเงิน
เมื่อชายคนนี้เงยหน้าขึ้นไปเห็นเฟยเฟยเขาก็ทำสีหน้าตกใจราวกับว่าเขารู้จักเฟยเฟย เมื่อสายตาผ่านไปเห็น ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และฟราน เขายืนนิ่งอึ้งจากนั้นในแววตาก็วาววับไปด้วยตัณหา
แววตาทุเรศนี่ได้ถูก วู่หยาน ฮินางิคุ มิโคโตะ และ เฟยเฟย ที่มีสายตาเฉียบแหลมเห็นเข้า วู่หยานเริ่มหรี่ตาลง ฮินางิคุ กับ มิโคโตะ ขมวดคิ้วดูเหมือนความประทับใจแรกของพวกเธอต่อเขาจะติดลบไปแล้ว
เห็นหน้าของหนุ่มคนนี้ เฟยเฟยก็เผยใบหน้าตกใจเช่นกัน หลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว
“บิงเมียน เป็นนายนี่เอง…….”
เสียงเรียกของเฟยเฟย ได้ปลุกบิงเมียนที่กำลังเบิกตากว้างจ้องสาวงามไม่เลิก เขาหันไปมองเฟยเฟยจากนั้นฉีกยิ้มเยาะ
“ไม่คิดเลยนะว่าตระกูลโลลิจะลงมือฉับไวรวดเร็วถึงเพียงนี้………”
ได้ยินเฟยเฟยก็ขมวดคิ้วอันงดงามแล้วจ้องบิงเมียนไปทีก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่น บ่งบอกว่าตนเองรังเกียจที่จะคุยด้วยมาก
เห็นท่าทางเฟยเฟย ในแววตาบิงเบีนเป็นประกายโหดเหี้ยมแม้ว่าวินาทีต่อมาจะหายไป แต่ว่านี่ก็ถูกวู่หยานเห็นเข้าแล้ว
บิงเมียน ไซโตะ : เลเวล64
แรงค์7?…………
เปิดฟังก์ชั่นตรวจสอบ วู่หยานมองบิงเมียน จากนั้นมองเลยไปยังนักเรียนพิเศษทั้งแปดด้านหลัง และปรากฏว่าทั้งแปดเป็นแรงค์7หมด!
บิงเมียนกวาดสายตามองผ่าน ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และฟราน อีกครั้งจากนั้นมองไปยังวู่หยาน ทันใดนั้นเองเขาก็ขมวดคิ้ว
คนพวกนี้เป็นนักเรียนพิเศษจริง? ทำไมถึงสัมผัสปรานหรือพลังเวทย์ไม่ได้เลย? อย่าบอกนะว่า…..หมดนี้เป็นนักเรียนพิเศษสายพรสวรรค์หมด?
คิดถึงตรงนี้บิงเมียนก็โยนความคิดนี้ทิ้งทันที ตามสายข่าวที่ได้มานอกจากเด็กสาวตรงนั้น คนอื่นๆก็สมควรเป็นนักเรียนพิเศษสายพลัง
ถ้างั้นนี่ก็เป็น…..เคล็ดวิชาบางอย่างที่ปกปิดไอพลังได้? อืม ต้องใช้แน่ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีเงินไม่เบาและเส้นสายไม่เบา……..
ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีกลุ่มแล้วหรือยัง………
ทว่าไม่นาน บิงเมียนก็กลับมาขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่ใช่ว่านักเรียนพิเศษครั้งนี้มีสิบคน? ทำไมตรงนี้ถึงมีแค่ห้า?………
วู่หยานที่ยืนยิ้มมุมปากมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ในที่สุดก็เปิดปากพูด ทว่านี่ได้ทำให้บิงเมียนไม่สบอารมณ์
เมินเฉยกลุ่มคนตรงหน้าที่ดูเหมือนพร้อมบวกตลอดเวลา วู่หยานหันไปพูดกับเฟยเฟย “พี่สาวเฟยเฟย พี่รู้จักมัน?”
ได้ยินเฟยเฟยก็ลังเล ก่อนที่จะฝืนพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าเฟยเฟยไม่ชอบบิงเมี้ยนขนาดไหน
“เขาคือ…คุณชายของตระกูลอันดับสอง ตระกูลไซโตะ ของจักวรรดิไอย์ลู่ มีชื่อว่า……”
“ตระกูลอันดับสอง?” วู่หยานพูดแทรกเฟยเฟย พูดตามตรงต่อให้ไม่มีฟังก์ชั่นตรวจสอบ เขาก็ไม่คิดและไม่สนใจที่จะรู้ชื่ออีกฝ่ายเลย ที่เขาสนคือเบื้องหลังของมัน
ส่ายหน้าไปมา เฟยเฟยฝืนยิ้ม “ใช่ ตระกูลอันดับสอง พูดง่ายๆก็เป็นคู่แข่งของตระกูลโลลิเราน่ะแหละ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งย่อมมีคนจดจ้องมากอยู่แล้ว แต่ที่จ้องจะเขมือบเรามากที่สุดก็คือตระกูลอันดับสอง…….”
เฟยเฟยพูดต่อด้วยเสียงกังวล “ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้นายมีปัญหาแล้ว…..”
เฟยเฟยมองวู่หยานด้วยความรู้สึกผิด เห็นแบบนี้เขาก็ยิ้มนิดๆ
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่เฟยเฟยหรอก เพราะว่า……”พูดค้างไว้แล้วหันไปมองบิงเมียน “ต่อให้ไอ้ตูดหมึกนี่คิดจะเป็นมิตรด้วย แต่ฉันไม่คิด……..”
ก่อนหน้านี้เขาเห็นเต็มตาว่าไอ้ บิงเมียนมันมองเมียๆเขาด้วยแววตาทุเรศขนาดไหน เอาแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเขากับมันก็ไม่มีทางมานั่งจับเข่าคุยกันดีๆแล้ว!
ถ้าเฟยเฟย ฮินางิคุ และ มิโคโตะ เป็นสายที่เก็บความไม่ชอบในใจ งั้นลูลู่ก็เป็นสายตรงข้ามเลย เธอโชว์ออกมาทางหน้าหมด
“เฮ้! ไอ้เลว นายมาทำบ้าอะไรที่นี่!”
บิงเมียนยิ้มไม่สนใจเสียงรังเกียจของลูลู่ “มาถึงนี่ย่อมมีเป้าหมายอยู่แล้ว และแน่นอนว่าเป็นคนพวกนั้น……..”
มองดูวู่หยานบิงเมียนยิ้มเป็นมิตร “สวัสดี! ฉันเป็นลูกคนที่สองผู้นำตระกูลไซโตะ! มาที่นี่เพื่อเชิญพวกคุณไปนั่งคุยที่ ธารเหมันต์(Ice Sea) ไม่ทราบว่าพวกคุณคิดเห็นอย่างไร?”
ได้ยิน วู่หยานก็หันไปมองเฟยเฟย เธอเข้าใจทันทีแล้วพูดว่า
“ใน Silvaria World Academyมีขุมกำลังอำนาจมากมาย บางส่วนก็มาจากนักเรียนทั่วไปที่รวมตัวกัน และบ้างก็มาจากคุณหนูตระกูลร่ำรวย ส่วน ธารเหมันต์ เป็นของตระกูลไซโตะ!”
วู่หยานเข้าใจทันทีว่าทำไมคนพวกนึ้ถึงมาหาตน ในเมื่อมีขุมกำลังมากมายย่อมหลีกเลี้ยงการขัดแย้งไม่ได้แน่ เพราะอย่างนั้นถึงจำเป็นต้องมีคนที่เก่ง!
บิงเมียนพูดออกมาโดยทำเป็นมองไม่เห็นการคุยกันของวู่หยานและเฟยเฟย “แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้ากว่า ป่าแห่งความตาย น่ะ…….”
ป่าแห่งความตาย? เป็นชื่อขุมกำลังของตระกูลโลลิ?
สีหน้าเฟยเฟยจมดิ่ง เธอพูดใส่บิงเมียนด้วยเสียงจริงจัง “บิงเมียน อย่าคิดว่าพวกเราจะเหมือนนาย ป่าแห่งความตาย ไม่เคยบีบบังคับให้ใครเข้าร่วม! อย่าว่าแต่พวกเขาเป็นเพื่อนฉัน!”
“เพื่อน?!”
ได้ยินบิงเมียนก็ช็อค มองดูสีหน้าที่มืดครึ้มของเฟยเฟย ในใจเขาเกิดละลอกคลื่นรุนแรงขึ้น คนที่คุ้นเคยกับตระกูลโลลิและเฟยเฟย ย่อมรู้ดีว่าไอ้คำว่า ‘เพื่อน’นี้มันหมายถึงอะไร!
เป็นเพราะตั้งแต่เฟยเฟยเข้า Silvaria World Academyมาก็ไม่เคยมีใครได้ยินเลยว่าเธอมีเพื่อน!
อย่าบอกนะว่าเบื้องหลังของคนพวกนี้…..มันยิ่งใหญ่เสียจนยัยนี้ต้องกลัว?……..
นอกจากความคิดนี้บิงเมียนก็ไม่อาจคิดเป็นอื่นได้อีกแล้ว แต่ไม่นานเขาก็ยิ้ม ทั้งโลกซิลวาเรียเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีขุมกำลังไหนที่เก่งกาจจนตระกูลโลลิกลัวด้วย!แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังทำไม่ได้!
คิดถึงตรงนี้บิงเมียนก็หัวเราะ “งั้นฉันก็เข้าใจได้ว่าพวกเขายังไม่ได้เข้าร่วม ป่าแห่งความตาย ได้สินะ?”
เฟยเฟยกัดฟันกรอดอย่างไม่ร่าจะพูดอะไร เธอกลัวว่าถ้าไม่ไป พวกวู่หยานก็จะเจอปัญหา แต่ถ้าตอบใช่……..
ขณะที่เฟยเฟยกำลังจมไปกับความคิดอันสับสน ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาพร้อมกัยเสียงตะโกน
“บิงเมียน! อย่าคิดว่าพอคนของป่าแห่งความตายไม่อยู่ แล้วคิดอยากจะพูดอะไรก็พูดได้นะ! พวกเราได้ยินแก!”