บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 6 ข้อมูลของต่างโลก
ลูลู่ ขมวดคิ้วขณะจ้องวู่หยานที่กำลังทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
อะไรอ่ะ? สมองของผู้ชายคนนี้มีปัญหางั้นเหรอ?
หรือนี้จะเป็นสัตว์อสูรรูปร่างมนุษย์ เพราะงั้นสมองเลยยังไม่ได้พัฒนา?
‘ถ้ายังงั้น เราจะโดนมันกินมั้ยนะ?…..’
สภาพของลูลู่ตอนนี้ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย และกำลังกังวลอย่างมากว่าตัวเองจะโดนสัตว์ป่าตรงหน้ากิน….
แต่ถ้าคิดดีๆแล้ว เราก็เพิ่งมาถึงโลกนี้ได้แค่หนึ่งเดือนอยู่เลย หนึ่งเดือนสามารถเลเวลอัพจากศูนย์ถึงสิบแปดก็ดีมากแล้ว ลูลู่น่าจะฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กถึงเลเวล35…อืม…ต้องใช้แน่!
พอปลอบตัวเองได้แบบนี้ วู่หยานก็เปลี่ยนอารมณ์จากท้อแท้มาเป็นมีความสุขทันที
“นี่ ลูลู่…”
“ม่ายย! อย่ากินฉันเลยนะ!” เมื่อได้ยินเสียงวู่หยาน ลูลู่ก็ตะโกนใส่ทันที
มุมปากวู่หยานบิ้ดเบี้ยว ขณะมองดูเด็กสาวที่กำลังตกใจกลัว ซึ่งเมื่อกี้พ่นคำพูดสองแง่สองง่ามออกมา เขาจะนิ่งเฉยได้ยังไงหลังจากได้ยินคำพูดพวกนี้
กระแอมไอสองครั้ง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เอ่อ..ลูลู่น้อย เธอควรจะรู้คุณค่าของการ ‘กิน’ ศิลปะท่วงทำนองการ ‘กิน’ นั่นลึกซึ้ง ในความคิดของฉัน มันควรจะเป็นสิ่งที่ทำหลังจากฉันและเธอได้มีความรู้สึกดีๆต่อกันและพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ถึงจะเป็นการ ‘กิน’ ที่ถูกต้อง ตอนนี้พวกเรายังไปไม่ถึงขั้นนั่น เพรางั้นสบายใจได้ ฉันจะยังไม่ ‘กิน’ เธอ”
ได้ยินคำพูดวู่หยาน ลูลู่ที่กำลังตื่นกลัวอยู่ก็นิ่งอึ้งไปทันที ถึงแม้เธอจะซื้อบื้อแต่ก็ไม่ได้ปัญาญาอ่อน วู่หยานพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเธอยังไม่รู้อีก เธอก็คงเป็นแค่เด็กสาวอายุ17ที่โตแต่ตัว แต่ไร้สมองแน่!
ลูลู่ กระทืบเท้าและชี้นิ้วใส่วู่หยาน ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปมีทั้งอายและโกรธ “คะ..ใคร!..ใครจะให้นายกินกันย่ะ!”
วู่หยานยิ้มแบบตัวร้ายให้ ลูลู่ “ก็เธอพูดเมื่อกี้ไง ว่า ‘อย่ากินฉันเลยนะ’ น่ะ”
“ฉันหมายถึง….ถึง..” ลูลู่ ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี หรือควรพูดไปเลยว่า เมื่อกี้คิดว่าวู่หยานเป็นสัตว์อสูรแปลงร่างมาเพื่อที่จะกินเธอ?
“เอาล่ะๆ” เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ วู่หยานจึงเลิกเล่นโบกมือไปมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ในเมื่อเธอเลเวลตั้ง35 เธอกลัวจริงๆเหรอว่าจะถูกฉันกินนะ?”
ลูลู่ ช็อคก่อนจะมองกลับไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เลเวล35? พูดเรื่องอะไรนะ?”
วู่หยานยกมือเกาหัว เมื่อเห็นการตอบสนองของเธอ และคิดในใจ ‘หรือว่าการจัดอันดับความเก่งของคนบนโลกนี้จะต่างจากระบบกัน?’
“ฉันหมายถึงระดับพลังของเธอไง”
หลักจากเข้าใจ ตาของลูลู่ก็เปร่งประกาย ก่อนจะเอามือตบกันด้วยสีหน้ามีความสุขเหมือนเข้าใจอะไรสักอย่างแล้ว
“ฉันจะบอกให้ ฉันนะเป็น นักเวทแรงค์4 เพราะงั้นฉันไม่กลัวนายหรอก ฮ่า ฮ่า”
“นักเวทแรงค์4เหรอ?” คราวนี้เป็นตาเขาที่งงบ้าง มันคือเชี่ยไรวะ
“โอ้ นายไม่รู้เหรอ?” สลับบทบาทกันเมื่อเธอเห็นวู่หยานงง ลูลู่ก็ว่างท่าของคนที่เหนือกว่าขณะมองวู่หยานด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ ณ ตอนนี้เธอเมื่อเทียบกับการมองของวู่หยานเมื่อกี้แล้ว(รอยยิ้มปีศาจ) นับดูดีกว่ากันมากนัก
วู่หยานกรอกตา หลังจากเดาได้ว่าเธอคิดอะไรในใจ
“เอาเป็นว่า มองฉันเป็นพวกหลังเขาป่าเถื่อนที่เพิ่งออกมาจากป่าลึกซึ่งไม่รู้เรื่องภายนอกอะไรเลยละกัน ทีนี้บอกกระผมมาได้รึยัง ว่าที่พูดถึงคือเมื่อกี้คืออะไร?”
“โอ้ ถ้ายังงั้นละก็….”
เมื่อเห็นสีหน้าของลูลู่ วู่หยานส่ายหัว
เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าลูลู่นั่นเชื่อคำพูดมั่วๆเมื่อกี้ของเขา!
หลังจากฟังคำอธิบายเงอะๆงะๆของลูลู่ วู่หยานก็พอจะเข้าใจเรื่องพื้นฐานของโลกนี้
อย่างที่ระบบมันบอก โลกใบนี้มีชื่อว่า ซิลวาเรีย เป็นโลกที่อยู่ภายใต้การปกครองของ จักรวรรดิ ตระกูล และขุมกำลังอื่นๆ
พวกตระกูลและขุมกำลังต่างก็ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก ในโลกนี้สิ่งที่มีอำนาจมากที่สุดคือสามจักรวรรดิ
จักรวรรดิ ไอย์ลู(Ailu) ที่อยู่ในดินแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ จักรวรรดิ บารูบ้า(Baruba) ที่อยู่ในดินแดนทางภาคเหนือ จักรวรรดิ เฟรย่า(Feya) ที่อยู่ในดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และตำแหน่งปัจจุบันของเขาคือกึ่งกลางระหว่างทั้งสามจักรวรรดิ!
ในโลกนี้มีอยู่2อาชีพที่ผู้คนทั้งหลายต้องการจะเป็นคือ นักรบและนักเวท นักรบจะบ่มเพาะเต๋า(ปราณ) ส่วนนักเวทจะฝึกฝนพลังเวทมนตร์
และภายใต้การบ่มเพาะและฝึกฝนนี้ก็เพื่อที่จะยกระดับพลังตนเองไปสู่ขอบเขตใหม่ นักรบและนักเวทสามารถแบ่งระดับพลังกันได้1ถึง9แรงค์ นักรบที่สามารถไปถึงแรงค์1ก็จะถูกเรียกว่า นักรบแรงค์1 เช่นเดียวกัน เมื่อนักเวทไปถึงแรงค์1ก็จะถูกเรียกว่า นักเวทแรงค์1
และเหนือกว่าแรงค์9 จะรู้จักกันในชื่อ ผู้สูงศักดิ์หรือก็คือ ครึ่งก้าวเทวะ(ครึ่งเทพ) แรงค์นี้จะต่างจากแรงค์อื่นตรงที่จะก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไป แค่ขยับมือเล็กน้อยพวกเหล่านั้นก็สามารถลบเมืองให้หายไปได้อย่างง่ายดาย!
เพราะอย่างนั้น ทำให้โลกซิลวาเรียนั่น มีครึ่งก้าวเทวะน้อยกว่า5คน!
และใครก็ตามที่สามารถไปเหนือกว่าครึ่งก้าวเทวะไดเ จะไม่สามารถเรียกว่าผู้สูงศักดิ์ได้อีกต่อไป ตัวตนระดับนี้จะรู้จักกันในชื่อ เทวะศักดิ์สิทธิ์(พระเจ้า)
ในประวัติศาสตร์ซิลวาเรีย ผู้ที่ไปถึงระดับเทวะศักดิ์สิทธิ์หรือแรงค์11 ได้เป็นคนแรก ได้ใช้ชื่อตัวเองมาตั้งโลกให้ใบนี้
ฟังถึงตรงนี้ มันทำให้วู่หยานรู้สึกกดดันมาก
แต่จากที่ลูลู่เล่ามา ทั้งประวัติศาสตร์ของซิลวาเรียมีคนไปถึงระดับเทวะศักดิ์สิทธิ์แค่4คนเท่านั้น คนแรกคือซิลวาเรีย ส่วนอีกสามคน ต่างก็แยกย้ายไปสร้างจักรวรรดิของตัวเองก็คือ จักรวรรดิ ไอย์ลู บารูบ้า และ เฟรย่า ซึ่งชื่อจักรวรรดิก็เป็นชื่อของทั้งสามเทวะศักดิ์สิทธิ์!
เทวะศักดิ์สิทธิ์ทั้ง4นั้นไม่อยู่แล้วในตอนนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเกิดจากการขัดแย้งกัน นำไปสู่ สงคราม4เทวะศักดิ์สิทธิ์ จนสุดท้ายก็ตายหมด และหลังจากสงครามนั้นมานับ10,000ปีก็ไม่มีใครเหยียบย่างไปถึงเขตแดนเทวะศักดิ์สิทธิ์อีกเลย!
หลักจากฟังคำอธิบายของลูลู่ วู่หยานก็พอจะเข้าใจความแตกต่างกัน ระหว่าง ระบบ และของโลกนี้
ลูลู่ บอกว่าเธอเป็น นักเวทแรงค์4 ซึ่งดูเหมือนจะอยู่ขั้นกลาง ส่วน ระบบ บอกว่าลูลู่นั่นเลเวล 35!
หรือก็คือ เลเวล1ถึง9เท่ากับแรงค์1 เลเวล10ถึง19เท่ากับแรงค์2 เป็นแบบนี้เรื่อยๆจนถึง เลเวล90ซึ่งเท่ากับแรงค์10 หรือก็คือ ครึ่งก้าวเทวะ และเลเวลเต็ม100 ก็จะเท่ากับ แรง11 หรือก็คือ เทวะศักดิ์สิทธิ์!
ด้วยแรงค์ของลูลู่ จะเท่ากับเลเวล35ก็ถูกแล้ว
นวดหน้าผากตัว ตอนนี้หัวใจเขาเหมือนโดนดาเมจอย่างแรง
นี่..ตูเป็นแค่ นักรบแรงค์2…?…
‘ยังมีผู้อีกนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งกว่าเรา ดูเหมือนว่าเราจะดูถูกคนบนโลกนี้เกินไปหน่อย แหะ’
แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่ใช่เลวเล0 เหมือนเดือนก่อนที่ไร้พลังโดยสิ้นเชิง และยังไม่ได้พูดถึงจุดที่เขาได้เปรียบคนบนโลกนี้แบบสุดๆ
ด้วยการที่มี ระบบ หนุนหลัง ประเด็นก็คือเขาแค่ต้องต่อสู้เยอะๆเพื่อยกระดับพลังเท่านั้น!
ไม่เหมือนกับคนบนโลกนี้ ที่ต้องมานั่งบ่มเพาะฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลัง แถมยังมีจุดที่เรียกว่าคอขวดเหมือนในนิยายจีนที่ยากต่อการก้าวผ่าน ซึ่งส่วนใหญ่จะติดอยู่ตรงนี้ บางคนติดตลอดชีวิตเลยก็มี!
การเพิ่มระดับของวู่หยาน นั้นเหมือน Game RPG Online ที่ตราบใดมีEXPเพียงพอก็เลเวลอัพได้ทันที! ไอ้สิ่งที่เรียกว่าคอขวดนั้นไม่มีเลย!
ตราบใดเท่าที่เขาพยายามหนัก ไม่ช้าก็เร็วสักวัน เขาต้องได้ชื่อว่าเป็น ผู้สูงศักดิ์!
คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็นึกอะไรบ่างอย่างออก
“นี่ ลูลู่น้อย เธอมากจากตระกูลใหญ่ไหนเหรอ? เธอยังเด็กอยู่เลย แต่กลับถึงแรงค์4 เธอนี่เป็นอัจฉริยะน้อยจริงๆ”
“ก็บอกว่า ฉันไม่เด็กไง!! แล้วก็ถ้านายจะเรียกฉันว่าอัจฉริยะก็เรียกให้ถูกด้วย อย่าเรียกฉันว่าอัจฉริยะน้อย…..” ลูลู่ไม่ชอบใจมาก เธอค่อนข้างอ่อนไหวกับคำว่า ‘เล็ก’
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ลูลู่ก็เปิดปากพูด
“ฉันเป็นลูกคนเดียวของตระกูลอันดับ1ในจักรวรรดิไอย์ลู ตระกูลโลลิ!”
คำพูดนี้อาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เธอพูดด้วยใจที่เต็มไปด้วยการสินใจและการพิจารณา แม้ว่าภายนอกเธอดูเหมือนจะหงุดหงิดมากกับ วู่หยาน แต่ว่าข้างในเธอรู้สึกดีมากที่ได้พูดคุยกับเขาแบบนี้
เนื่องจากเธอเป็นลูกคนเดียวภายในตระกูล สมาชิกในตระกูลจึงปฏิบัติต่อเธอด้วยความสรรเสริญและความรัก จนถึงจุดที่ทำให้เธอหดหู่ ส่วนกับคนนอกเพราะเธอมีภูมิหลังดังกล่าวพร้อมกับความงามที่น่าตะลึง เมื่อผู้คนเข้ามาคุยกกับเธอ พวกเขาจะถูกแบ่งเป็นสองจำพวก คือคิดทำร้ายเธอ กับพวกที่มีเป้าหมายไปที่รูปลักษณ์หรือภูมิหลัง(ตระกูล)ของเธอ
ทั้งหมดนี้นำไปสู่สถานณ์การปัจจุบัน เธอมีเพื่อนก็จริง แต่เธอไม่มีเพื่อนเพศตรงข้ามที่สนิทจนเธอสามารถเรียกว่าเพื่อนได้อย่างแท้จริง
แม้ว่าเธอจะโง่ๆเบอะๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่ว่าแยกดีชั่วไม่เป็น ความรู้สึกของเธอมันบอกว่า ผู้ชายตรงหน้า ไม่ใช่คนไม่ดี!
วู่หยาน เหมือนถูกส่งมาจากฟ้าเพื่อมาหาเธอ ได้คุยเรื่องบ้าๆบอๆกันมันทำให้ลูลู่ รู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก
ดังนั้นเธอจึงบอกที่มาของเธอกับเขาไป
ถ้าวู่หยานรู้ความคิดของเธอ เขาคงกระตีลังกาลงพื้น แล้วคลานขึ้นมา แล้ววิ่งไปกระโดดลงทะเลสาบ และตะโกนจนตาย
ฉันเป็นคนไม่ดี! แน่ๆร้อยเปอร์เซ็นเต็ม! อย่าตัดสินคนอื่นๆง่ายจากการเจอกันแค่ครั้งเดียวสิเฮ้ย!
หลังจากบอกไป ลูลู่ก็มองวู่หยานด้วยความจริงใจ เธออยากเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ
วู่หยาน ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ทะลวงเกราะของหญิงสาวจนได้ความประทับใจจากเธอไป เขายังคงติดอยู่กับคำพูดของเธอ แล้วเขายังรู้สึกต่อลูลู่เหมือนกับตัวละครในอนิเมะ….
การมาต่างโลก สาวสวยที่เจอคนแรกไม่ใช่เจ้าหญิง แต่เป็นแค่ลูกสาวตระกูลใหญ่? มันควรจะปักธงเธอไหม?
ไม่ๆ! มันต้องไม่ใช่แบบนี้! พล็อตเรื่องที่แท้จริง ควรเป็นผู้กล้าช่วยสาวสวย! เราเจอสาวสวยแล้วก็จริง แต่มันก็เป็นได้แค่ครึ่งพล็อตเท่านั้น!
ถึงแม้ในหัวจะตบมุขตัวเองอยู่ แต่วู่หยานก็ได้วางแผนไว้ในใจ
“เอาล่ะ ลูลู่ เธอสามารถพาฉันออกจากป่านี้ได้ไหม?”
ลูลู่จ้องวู่หยานด้วยความสงสัย “นายไม่แปลกใจหรือตกใจบ้างเหรอ? ต้นกำเนิดของฉัน….”
วู่หยาน มองลูลู่อย่างสงสัย เกาแก้มไปมา แล้วเขาก็เข้าใจคำถามของเธอ
“ไม่ต้องห่วง ลูลู่น้อย ถึงแม้ตระกูลเธอจะรวยมาก แต่ฉันก็จะไม่ยืมตังค์เธอ ดังนั้นสบายใจได้”
“ไม่!!มันไม่ใช่เรื่องนั่น!!” ลูลู่ตะโกนเสียงดัง ถึงแม้เธอจะรู้สึกดีที่วู่หยานไม่แคร์เกี่ยวกับตระกูลเธอ แต่คำพูดของวู่หยานมันก็ทำให้เธอหงุดหงิดจริงๆ
“คุณหนู!!เกิดอะไรขึ้น!!”
เพราะเสียงตะโกนของลูลู่ กลุ่มของเธอดูเหมือนจะตรวจจับอะไรได้ และกำลังเดินมาทางนี้
“ไม่….ไม่มีอะไร ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ ไม่ต้องเข้ามา!”
“ขอรับ!!คุณหนู!!”
ลูลู่กรอกตา และถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นเงาคนเดินห่างออกไป
“นายมีความสุขนักหรือไงที่เห็นฉันตะโกน ถ้าเราถูกเจอเข้า จะอธิบายกับพวกนั่นยังไงฮ่ะ”
วู่หยาน จับจมูก ยิ้มแป่น ดูเหมือนการเป็นคนดีจะไม่เลวซะทีเดียว ถึงแม้เขาจะไม่อยากทำเป็นคนดี แต่เขาก็ไม่อยากเจ็บตัวเหมือนกัน จากประสบการณ์อนิเมะ มันบอกเขาว่าจะดีที่สุดที่ไม่ไปมีเรื่องกับผู้หญิงตรงหน้า..
ถึงแม้ในหัวจะคิดอย่างนี้อยู่ แต่วู่หยานก็ยังหาเรื่องใส่ตัว
“อ้าว ลูลู่น้อย เธอกำลังอาบน้ำเหรอ?”
แก้มลูลู่ร้อนผ่าว จ้องวู่หยานด้วยความโกรธ มือทั้งสองยกขึ้นมาปิดหน้าอก กัดฟันและตะโกนใส่
“ไอ้บ้า!!ไอ้โรคจิต!!”