บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 83 ถ้ำบนกำแพง และ กับดักเลือดสาดแห่งความตายล่ะ!
- Home
- บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ
- ตอนที่ 83 ถ้ำบนกำแพง และ กับดักเลือดสาดแห่งความตายล่ะ!
วู่หยานหวนนึกไปว่าชีวิตนี้ตนเองโดน ‘หลอก’ มากี่ครั้งแล้วนะ? มันเยอะมากส่วนหนึ่งก็มาจากไอ้ระบบนี่แหละ เพราะงั้นเขาจึงคิดว่าตนเองคงจะชินได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกตัวว่าตนเองคิดง่านเกินไป
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ดูจากสีหน้าและตัวสาวๆในอกเขาที่อ่อนปวกเปียกไปหมด ก็รู้ได้เลยว่ามันผ่านไปนานพอสมควรแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ในสายตาเขาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากความือมิด
ดุจดังหลุมที่ไร้ขอบเขต แถมมันไม่ใช่แค่ใหญ่อย่างเดียวยังทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสันหลังด้วย พวกเขาบินมาก็ตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงก้นหลุม
ขณะที่มิโคโตะทนไม่ไหวกำลังจะอ้าปากบ่น จู่ๆนัยน์ตาวู่หยานก็ลุกโชน
“อิคารอส! หยุดก่อน!”
ปีกด้านหลังอิคารอสที่กำลังโบกสะบัดก็หยุดกึกทันที ทำให้ตัวพวกเขาลอยอยู่กลางอากาศ
“อยู่ๆเป็นอะไรของนายเนี่ย…” มิโคโตะยกมือลูบหันตนเอง แล้วมองวู่หยานสายตาไม่พอใจ เป็นเพราะเมื่อกี้มันหยุดกะทันหันเกินไปจนหัวเธอไปกระแทกคางวู่หยาน แต่ที่ทำให้เธอหงุดหงิดก็คือตนเองดันเป็นฝ่ายเจ็บตัวมากกว่าซะงั้น
“เธอลองดูกำแพงนั่นสิ….”
กำแพงหินที่เหมือนเดิมแต่ตอนนี้เพิ่มเติมคือมันเต็มไปด้วยรูนับไม่ถ้วนดูยังกับรังผึ้ง แถมรูแต่ล่ะรูยังมีขนาดเท่ากับเป๊ะๆเลย
ลมเบาๆพัดออกมาจากรูนับล้าน โดยไม่สามารถบอกทิศทางลมที่มันพัดได้ เพราะสายลมมันพัดไปในทิศทางแปลกๆหมด
และทั้งๆที่ตาเปล่าก็ยังสามารถมองเห็นลม แต่ตัวพวกเขาไม่ยักกะโดนพัด นี่ทำให้วู่หยานกับมิโคโตะรู้สึกประหลาดใจ
มิโคโตะมองรูนับไม่ถ้วย ครู่ต่อมาเธอก็รู้สึกตาลายจึงถอนสายตากลับมา แล้วว่า “มันมีตั้งหลายถ้ำ แถมยังเหมือนกับอีก แล้วเราจะเข้าไปอันไหน?”
ได้ยินมิโคโตะ วู่หยานก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้าไปถามอิคารอส “อิคารอสเธอสามารถเห็นรูอันไหนที่มันแปลกจากชาวบ้านเขาบ้างมั้ย?”
สิ้นเสียงวู่หยาน ดวงตาอิคารอสก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที เธอเข้าสู่โหมดยูเรนัสควีน สามารถเห็นเส้นแสงเคลื่อนไหวไปมาในนัยน์ตาสีแดงของเธอ และเธอก็กวาดสายตามองรูนับไม่ถ้วนนี้
“ผลการคำนวณ มีคลามคล้ายคลึงกันถึง99% ซีโร่เออเร่อ…..”
“หรือก็คือมันเหมือนกันไปหมดเลยสินะ?” วู่หยายนปวดหัวจี๊ดทันที ถ้าขนาดอิคารอสยังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงตัวเขา และเขาเองก็เชื่อว่ามิโคโตะก็เป็นเหมือนกัน
ทว่าเวลานี้เอง ฮินางิคุที่สลบในอกวู่หยานก็เริ่มส่งเสียงครางออกมา เขาคงจะโง่มากถ้าไม่รู้ว่าเธอกำลังจะตื่นแล้ว
ถ้าเกิดฟื้นตอนนี้ คงไม่พ้นสลบเหมือดไปอีกรอบแน่นอน คิดได้ดังนี้วู่หยานก็รีบพูดว่า “ช่วยไม่ได้ เข้าๆมันไปสักอันเลยล่ะกัน!”
มิโคโตะกับลิลินพยักหน้าเห็นด้วยทันที ต้องรู้ก่อนว่าพวกเธอโดนกอดบินไปบินมามานานมากแล้ว ทำให้ตอนนี้พวกเธอรู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อย แถใพวกเธอก็ไม่รู้ว่าต้องบินลงไปอีกนานเท่าแค่ไหน ดังนั้นตอนนี้ความคิดวู่หยานจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดไปโดยปริยาย
อิคารอสมองดูรู ก่อนจะสุ่มบินเข้าไป
เมื่อพวกเขาเท้าแตะพื้น มิโคโตะกับวู่หยานก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และวินาทีต่อมาฮินางิคุก็ตื่นขึ้น
ฮินางิคุนั่งลงอย่างสบายๆ แล้วมองวู่หยานกับมิโคโตะด้วยสีหน้างุนงง
“…หยาน…..มิโคโตะ….ทำไมทั้งสองคนถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ?….” เธอที่โดนทุกคนยืนล้อม ทำให้ท่านประธานใจเหล็กอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้
“ใช่แล้ว เมื่อกี้นี้….”
“ไม่มีเมื่อกี้นี้อะไรทั้งนั้น! ฮินางิคุเธออย่าไปคิดถึงมันเลยจะดีกว่านะ….” รู้ดีว่าเธอกลัวความสูง วู่หยานจึงรีบยกมือจับไหล่แล้วพูดห้ามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
วู่หยานเมินมิโคโตะกับลิลินที่กำหลังหัวเราะคิกคักกับฮินางิคุที่บนหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบๆถ้ำ
นอกจากกำแพงที่ทำมาจากหิน เขาก็ไม่เห็นว่าที่นี่มันจะมีอะไรพิเศษเลย วู่หยานลูบมือตนเองแล้วพูดว่า
“พวกเราลองเดินเข้าไปให้ลึกกว่าเดิมกันเถอะ เผื่อจะเจอทางออก”
“ชิ ในเมื่อถึงขนาดลงทุนทำแผนที่สมบัติมาให้คนอื่นแล้ว ทำไมไม่ติดป้ายแปะบอกที่ซ่อนสมบัติให้มันเห็นชัดๆไปเลยล่ะ?” มิโคโตะพูดด้วยความหัวร้อน
ได้ยินคำพูดเธอ วู่หยานก็ยิ้มขมขื่นออกมา ตัวเองเป็นคนบุกเข้ามาที่ซ่อนสมบัติคนอื่นแท้ๆ แต่เมื่อหาทางไปไม่ได้ ก็ด่าเจ้าของสมบัติ พี่สาวเรลกันนี่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจริงๆ…..
พวกเขาทั้งห้าคนเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง…..
โชคดีที่รอบนี้ไม่มีกับดักเหมือนเมื่อกี้ที่บินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงทางออกสักที แต่คราวนี้พวกเขาใช้เวลาเดินกันไม่นานพวกวู่หยานก็เดินทะลุออกมาได้แล้ว
ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่ใช่พวกเขาออกมา แต่เป็นเจอทางออกจะดีกว่า
ตรงหน้าปรากฏวงเวทย์นำส่งสามวง…..
มองแต่ล่ะอันชั่วครู่ ก่อนที่วู่จะเดินนำพวกมิโคโตะเข้ามาตรงหนึ่งในวงเวทย์
“แล้วเราจะเข้าไปอันไหนดี?” ฮินางิคุพูดไปมือก็ม้วนผมตัวเองเล่น
“วงเวทย์ทั้งสามวงนี่มันดูเหมือนกันหมด แล้วเราจะเลือกยังไงล่ะ?” เพ็งมองจนสุดท้ายก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรต่างกัน มิโคโตะก็ถอนหายใจ
มองวงเวทย์ขึ้นๆลงๆอีกรอบ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าต้องทำแบบเมื่อกี้อีกรอบ “ในเมื่อมันเหมือนกันหมด งั้น…เลือกมั่วๆแบบเมื่อกี้ไปเลยเป็นไง?”
“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้วล่ะ….” ทั้งกลุ่มพร้อมใจถอนหายใจ พวกเขาเริ่มคิดแล้วว่าที่ตนเองเลือกมาแจมในครั้งนี้ดูจะเป็นความคิดที่ผิดพลาด
ก้าวเท้าลงวงเวทย์ วินาทีต่อมามันก็ทำงาน แล้วส่งตัวพวกวู่หยานไป
แต่ทว่าภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทำเอาพวกเขาอึ้ง
“..นี่…นี่มัน…” มิโคโตะเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าขาวซีด ฮินางิคุก็กอดลิลินทันทีเพื่อไม่ให้เธอมองภาพตรงหน้า จากนั้นเธอก็หลับตาลงเหมือนกัน เธอไม่กล้าพอจะมองต่อไป วู่หยานเองก็หน้าซีดลงเหมือนกัน
ศพ! มีศพอยู่ทุกที่เลย!
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกศพยังเป็นคนที่มาเข้าร่วมล่าสมบัติในครั้งนี้อีกด้วย!
ศพจำนวนมหาศาลนอนเกลื่อนกลาดเต็มพื้น และในหมู่ศพพวกนี้ยังมีบางส่วนที่ถูกแท่งหินเสียบตัวทะลุ เลือดไหลทะลักออกมาเป็นสายน้ำ บางส่วนตัวก็ถูกแท่งหินเสียบลอยอยู่บนกำแพง และคนที่โชคร้ายจริงๆก็ถูกแท่งหินเสียบหัวตายคาที่ มีเศษชิ้นส่วนร่างกายกระจัดกระจายไปทั่ว!
กับภาพที่ดูโหดร้ายดุจนรกแบบนี้ ยกเว้นแค่อิคารอส และลิลินที่ยอมอยู่ในอ้อมกอดฮินางิคุอย่างว่าง่าย พวกวู่หยานทั้งสามคนต่างก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ แม้แต่อากาศก็มีกลิ่นเลือดเลย
ต้องรู้ก่อนว่า ศพตรงหน้านี้ถือเป็น70%ของกลุ่มที่มาเลย!
“นี่….มันเกิดอะไรขึ้น?…..ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?” ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มิโคโตะกับฮินางิคุเห็นคนตาย แต่ครั้งนี้มันก็ออกจะมากเกินไปสำหรับพวกเธอ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมาด้วยกัน ขึ้นเรือเหาะด้วยกัน แต่ตอนนี้คนพวกนั้นกลับ…ตายหมดแล้ว!
ดังนั้นสองสาวที่มีจิตใจอ่อนโยนจึงรับไม่ได้จริงๆ พวกเธอต่างก็กัดริมฝีปากตนเองอย่างแรง แรงถึงขนาดถ้าเพิ่มแรงอีกนิดก็ถึงขั้นกัดปากแตกได้เลย
“ทำไมถึงตายกันมากขนาดนี้? พวกเขาเจออะไรกันแน่?” วู่หยานกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าซีดเขียว นี่ไม่ใช่เพราะเขาขี้ขลาด แต่เพราะสิ่งที่ไม่รู้มักน่ากลัวที่สุดเสมอ ถ้ายังไม่สามารถรู้เหตุผลการตายได้ แม้แต่วู่หยานก็ยังรู้สึกกลัว
“แกรก แกรก…….”
อยู่ก็มีเสียง ‘แกรดๆ’ ดังขึ้นดูเหมือนเสียงที่อะไรบงอย่างถูกฉีกขาด เริ่มแรกเสียงมันก็ยังเบาอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ดังขึ้งดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นเสียงดังกระหน่ำ
“..อะ..ไร…นี่มันเสียงอะไร….”
ขณะที่รอบๆตัวเต็มไปด้วยซากศพ และพื้นก็เจิ่งนองไปด้วยเลือดดูราวกับทะเลเลือด ด้วยบรรยากาศแบบนี้แล้วอยู่ๆก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมา แม้แต่ผู้ชายยังใจเต้นโครมครามเลย แล้วผู้หญิงจะไปเหลืออะไรล่ะ?
ฮินางิคุกับมิโคโตะอดที่จะขยับตัวเข้าไปยืนใกล้ๆวู่หยานไม่ได้ พวกเขากวาดตามองรอบๆไม่หยุด พยายามมองหาต้นกำเนิดเสียง
ถึงแม้วู่หยานจะรู้สึกไม่สูดี แต่จะดีจะร้ายยังไงเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ทำนองนี้มาแล้ว แถมเขายังเป็นผู้ชาย ถ้าเกิดเวลาแบบนี้เขาไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ผู้หญิงได้ งั้นเขาก็ไม่สมควรเป็นผู้ชายแล้ว!!
เดินไปยืนบังตรงหน้าสองสาว ก่อนที่ นิเอโทโนะ โนะ ชานะ พร้อมฝักดาบจะปรากฏออกมาในมือวู่หยาน จากนั้นเขาก็ใช้อีกมือดึงดาบออกจากฝัก
“ฮินางิคุ มิโคโตะ อย่าอยู่ห่างจากตัวฉันนะ เราต้องมองสถานการ์ในตอนนี้ให้ออกก่อน แล้วก็ฝากดูแลเด็กน้อยนั่นด้วย ส่วนเธออิคารอสฝากปกป้องฮินางิคุกับมิโคโตะด้วย!”
“รู้แล้ว!”
“ค่ะ! มาสเตอร์!”
และตอนนี้เองในที่สุดต้นกำเนิดเสียงก็ได้ปรากฏกายออกมาต่อหน้าพวกวู่หยานแล้ว……