บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ - ตอนที่ 98 เปิดก่อนได้เปรียบ! ฆ่ามันอิคารอสส!!
“บึ้ม!!!!”
เสาแสงสีแดงลุกโชนขึ้นไปบนฟ้า วงเวทย์ราวกับปากกระบอกปืนที่ยิงเลเซอร์ออกมายังไงยังงั้น แต่ทว่ามันกลับไม่ทำลายเพดานหินเลยแม้แต่น้อย ราวกับมันเป็นแค่เสาแสงสีแดงธรรมดา
สามารถได้ยินเสียงร้องของแมงมุมทั้งสามที่อยู่ข้างในเสาแสงได้อย่างชัดเจน
เสียงระเบิดสนั่นโลกดังขึ้นมา ทำให้พวกวู่หยานที่ไม่ทันตั้งตัวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บขณะที่มือก็จับหูทั้งสองข้างไปด้วย แต่ทว่ามีเพียงแค่อิคารอสคนเดียวที่ยังคงนิ่งเงียบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทำให้วู่หยานต้องตั้งคำถามในใจว่า ‘นี่คุณท่านอิคารอสไม่มีความรู้สึกหรือแค่คูลเดเระเฉยๆกันแน่วะ?’
ส่วนพวกโรงประมูลก็ยืนดูเสาแสงด้วยท่าทางเรียบเฉย นอกจากเสียงร้องอันน่าสงสารที่ดังออกมาจากข้างใน มันไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ทุกอย่างโดนลำแสงปกคลุมไว้หมด
ไม่นานนักพวกคาร์ลเรียสทั้งสามก็อดไม่ไหวตนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คนข้างหลังเอวก็พร้อมใจกันหัวเราะออกมาด้วยความสุข เพราะตอนนี้ แผนการของพวกเขามันได้สำเร็จลุล่วงแล้ว!
ฟังเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นไม่หยุด ฮินางิคุกับมิโคโตะต่างก็กัดฟันขาวสวยแน่น ที่พวกเธอทำแบบนี้ก็เพื่อข่มใจตนเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกเธอก็คงกระโจนออกไปเลาะฟันพวกมันแล้ว!
ตอนนี้สองสาวได้แต่รู้สึกสงสารคนที่ตายไปอย่างสูญเปล่า ไม่เพียงแต่โดนหลอก แม้แต่ตอนที่ตายไปแล้วก็ยังถูกใช้งานต่ออย่างเลือดเย็นอีก อย่างน้อยๆพวกเขาก็มีส่วนรวมที่ทำให้แผนนี้สำเร็จ แต่พวกคนเลวตรงหน้ากลับไม่รู้สึกอะไรเลย…..
กับความไม่พอใจของสองสาว แน่นอนว่าวู่หยานรู้ดี แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่นั่งเงียบๆ
เขาไม่ได้มีจิตใจเมตตาเหมือนพวเธอ ที่จะมีความคิดโกรธแค้นแทนคนที่ตายไป แต่ในสายตาเขาพวกมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย….ก่อนหน้านี้พวกมันเองก็ทิ้งพรรคพวกไว้เหมือนกันไม่ใช้เหรอ? มันก็เลวกันหมดนี้แหละ…..
แน่นอนว่าวู่หยานเอง ก็รู้ตัวดีว่าตนไม่มีทางเป็นเหมือนฮินางิคุกับมิโคโตะที่แสนดีได้ เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง…..
เสาแสงได้คงอยู่นานเท่าแค่ไหนแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ จนกระทั่งเสียงร้องได้ขาดหายไป วงเวทย์จึงค่อยๆหมุนวนช้าลงพร้อมๆกับลำแสงที่อ่อนกำลังลง จนในที่สุด มันก็หยุดหมุน เสาแสงก็ได้เลือนหายไป….
แมงมุมราชินีกับแมงมุมองครักษ์ต่างก็นอนแน่นิ่งสนิทใจกลางวงเวทย์ ตามตัวพวกมันไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเดิมผิวหนังที่ดำสนิทของพวกมันตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ดวงตาเองก็มือมนไร้แสงแห่งชีวิต และออร่าแห่งความตายที่ล้อมรอบแมงมุมราชินีก็ได้หายไปจนหมดเช่นกัน…..
ออร่าแห่งชีวิตของพวกมันทั้งสามตัว ได้หายไปจนหมดอย่างไม่เหลือ…….
“ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว!! สมบัติมันเป็นของพวกเราแล้ว!!”
เมื่อเห็นแมงมุมตายหมด ทั้งคนของโรงประมูลและอีกสองกลุ่มต่างก็ส่งเสียงร้องดีใจกันยกใหญ่ราวกับว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็ไม่ปาน
มิโคโตะแทบจะทนไม่ไหว มองดูพวกคนเลวตรงหน้ามีความสุข เธอรู้สึกโกรธมาก โกรธชนิดที่ว่าในอดีตตัวเธอไม่เคยโกรธถึงขั้นนี้เลย
“หยาน เราจะออกไปเลยมั้ย?”
วู่หนานหันไปมองมิโคโตะ แล้วหันไปมองฮินางิคุ ก่อนจะก้มหน้าคิด ครู่ต่อมาเขาก็ยิ้มฝืนๆออกมา
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะให้พวกมันหาสมบัติให้เจอก่อน แล้วค่อยออกไปจัดการรวบทระ….เอ่อ จัดการทีเดียวเลย แต่ในเมื่อพวกเธอไม่อยากซ่อนแล้ว งั้นก็…ลุยแม่งโลด!”
ถึงแม้แมงมุมราชินีจะออกมาแล้วก็ตายไปแล้วก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลังจากนี้จะมีบอสตัวอื่นโผล่ออกมาอีกรึเปล่าจริงมั้ย?
ให้พวกขยะเปียกนี่เบิกทางให้ก่อน หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรแล้วก็ค่อยไปออกไปรวบดีเดียว นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่เลวเลย
แต่ว่าในเมื่อ มิโคโตะทนไม่ไหวแล้ว แม้แต่ท่านประธานเองตอนนี้ก็ได้หยิบชิโระซากุระออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกหงุดหงิดไม่มากก็น้อยเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้…ก็บวกแม่งเลย!
ถ้าเกิดพวกเขาสู้ไม่ได้จริงๆหรือมันมีเกิดอุบัติเหตเกิดขึ้น ก็แค่ใช้ไอเท็มหลบหนีที่แลกมาจากระบบซะก็สิ้นเรื่อง เขาเองก็ไม่เชื่อว่าถ้ามันเกิดมีบอสตัวใหม่โผล่มาไอ้พวกบ้านี่จะสู้ได้ นอกเสียจากไปหลอกคนอื่นมาสังเวลแล้วเปิดใช้วงเวทย์นอกรีตนั่นอีก…..
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว วู่หยานก็พูดขึ้นทันที “อิคารอส แรงค์8สามคนั้นฉันฝากเธอจัดการด้วย ถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆก็ดื่มยาที่ทำให้เป็นอมตะเลยนะ เข้าใจมั้ย?”
พริบตาหนึ่ง นัยน์ตาอิคารอสก็ส่องแสงอ่อนๆที่วู่หยานมองไม่เห็นขึ้นแล้วก็หายไป “ค่ะ มาสเตอร์!”
วู่หยานพนักหน้าให้อิคารอส แล้วหันไปมองฮินางิคุกับมิโคโตะ
“ฮินางิคุ มิโคโตะ ฉันฝากเธอดูแลลิลินด้วย! ส่วนฉันจะเป็นคนจัดการไอ้พวกเวรนี่ที่เหลือเอง!”
“ห๊ะ? ทำไมอ่ะ? ฉันเองก็อยากช่วยด้วยนะ!!”
ฮินางิคุอุ้มลิลินขึ้นอย่างเงียบๆ นี่เป็นข้อตกลงที่เธอรับปากไว้ก่อนมาที่นี่แต่แรกแล้ว ว่าตนจะเป็นคนปกป้องลิลินเอง กลับกันมิโคโตะหัวร้อนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดวู่หยาน ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะใช้ไฟฟ้าช็อตพวกมัน วู่หยานก็พูดขึ้นมาดับฝันเธอทิ้งซะไม่มีชิ้นดีเลย
ได้ยินมิโคโตะพูดประถ้วง วู่หยานก็ถามคำถามจี้ใจเธอทันที
“เธอกล้าฆ่าคนงั้นเหรอ?”
มิโคโตะสะอึก กลืนคำที่จะพูดลงท้องไป แล้วหันมองฝูงคนอีกด้าน ก่อนจะพูดเสียงอ่อนว่า “อย่างน้อยก็ขอให้ฉันช่วยหน่อยเถอะนะ ถ้าแค่อัดมันแต่ไม่ถึงกับฆ่าก็ไม่เป็นอะไรแล้วใช้มั้ยล่ะ?…..”
ได้ยินคำพูดมิโคโตะ วู่หยานก็อึ้งไปไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเลย…. การที่จะอัดพวกมันแต่ไม่ถึงกับฆ่า มันต้องใช้ความพยายามมากกว่าฆ่าอีก ต้องรู้ก่อนว่าโลกนี้มันเต็มไปด้วยพวกน่ารังเกียจ ถึงแม้จะโดนโจมตีจนหมดสภาพ แต่ก็ยังคงคลานกลับขึ้นมาได้อยู่ดี……
มิโคโตะรวบร่วมความกล้าแล้วหันหน้าจ้องเข้าไปในดวงตาของวู่หยาน นี่ทำให้เขาเห็นว่าข้างในแววตามิโคโตะมันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และยังมีการอ้อนวอนอยู่เล็กน้อยด้วย
“ให้ฉันช่วยเถอะนะ ในหมู่พวกนั้นเองก็มีแรงค์7อยู่ตั้งหลายคน แล้วก็ยังมีแรงค์6ระดับสูงสุดด้วย นายเองก็ยังเป็นแค่แรงค์6 แล้วจะห้าวไปสู้คนเดียวอีกเหรอ? ให้ฉันช่วยนะ ฉัน…ไม่อยากยืนมองดูอยู่เฉยๆ ขณะที่พวกพ้องของตนเองกำลังสู้อยู่หรอกนะ…..”
วู่หยานก้มหน้า แล้วเงียบไป….
มิโคโตะยังคงยืนมองวู่หยานด้วยแววตาคาดหวัง ฮินางิคุเองก็พยักหน้าให้เงียบ ที่เธอไม่พูดอะไร เพราะตัวเองมีหน้าที่อยู่แล้วนั่นก็คือการปกป้องลิลินน้อย ในอนาคตมันยังมีโอกาสให้เธอช่วยเขาอยู่อีกมากมาย ตอนนี้ในใจฮินางิคุเองก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระของวู่หยานเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องแข็งแกร่งขึ้นก่อน!
เวลาผ่านไป วู่หยานจึงฝืนยิ้มขึ้นมา
“พวกเธอนี่ชอบกดดันฉันจังนะ……”
…………….
คาร์ลเรียสเดินมาตรงศพแมงมุมราชินี แล้วยกเท้าเตะ ก่อนตะสบถด่าออกมา “ไอ้สัตว์ประหลาดบัดซบเอ้ย แกรู้มั้ยว่าพวกฉันต้องปวดหัววางแผนกันมามากมากขนาดไหนเพียงเพื่อที่จะฆ่าแกน่ะห๊า!? แต่ทว่าสุดท้ายแกก็ตายจนได้ เหอะ สะใจจังโว้ย!”
โมมิลี้มองศพแมงมุมราชินีด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถอนสายตากลับมา แล้วหันไปมองทางเดินหิน พูดด้วยน้ำเสียงใจร้อนว่า “ตอนนี้ พวกเราก็ไปหาสมบัติได้แล้วใช้มั้ย?”
เมื่อคำว่า ‘สมบัติ’ ถูกพูดขึ้นมา พวกเขาก็เรียกสติที่กำลังดีใจกลับมาได้ ตอนนี้สมบัติมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว! สมบัติที่ขนาดมีแรงค์9ปกป้อง มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
พวกเขาอดทนรอไม่ไหวแล้ว!
ขณะที่พวกกำลังจะออกเดินทาง ก็ได้มีเงาคนโผล่ออกมาตรงหน้า โดยไร้ซุ่มเสียง ทำให้คาร์ลเรียส โมมิลี้ และ ชาร์ล ช็อค
เบิกตากว้าง เมื่อมองเห็นว่าเงาเป็นของมนุษย์ พวกเขาทั้งสามคนก็อดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้ ขณะเดียวกันใบหน้าก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเชียบ
มีใครบางคนมาอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขากลับไม่รู้งั้นเหรอ?
ถ้าเกิดเมื่อกี้ เงาตรงหน้าลอบโจมตีล่ะก็…….
คิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็ถอยหลังมากกว่าเดิม ด้วยประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวเต็มที่
แน่นอนว่าไม่ใช้เพราะพวกเขาปอดแหก แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่คิดจริงๆว่าจะยังมีคนรอดจาก ‘หายนะ’ มาได้ จริงๆถ้าเมื่อกี้พวกตนโดนลอบโจมตีจริงๆ สัญชาติญาณของพวกเขาก็จะส่งเสียงแจ้งเตือนเอง นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม เงาตรงหน้าถึงเลือกที่จะออกมาเผชิญหน้ากันตรงสินะ?
“แกเป็นใครกัน!” คาร์ลเรียสตะโกนถามเสียงต่ำ โมมิลี้ และ ชาร์ลเองก็ต่างก็จ้องเขม็งไปที่เงาด้านหน้า ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกช็อคไม่ต่างกัน
เพราะเงาตรงหน้าไม่เพียงแต่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บนหัวเองก็มีวงแหวนลอยอยู่ด้วย และที่สำคัญ!ด้านหลังเธอมีปีกแสงคู่ใหญ่ด้วย!
นัยน์ตาสีแดงฉ่านจ้องไปที่ทั้งสามคน อิคารอสที่มีใบหน้าไร้อารมณ์ อยู่ๆก็ปลอดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา!
“อิคารอส บวกเลย!!”